อดทนเข้าไว้!!!


เพิ่มเพื่อน    

 

   เห็นเรื่องราว คำบอกเล่า ที่ผู้ซึ่งใช้ชื่อว่า Phu Pha Wuchcharopol แจกแจงถึงประสบการณ์ในการเข้ารับการกักตัวจากการติดเชื้อโควิด-19 ณ โรงพยาบาลสนามเชียงใหม่ โดยคุณพี่ ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค ท่านหยิบมาขยายความต่อไว้ใน เฟซบุ๊ก ส่วนตัว เพื่อให้เกิดการตระเตรียมรับมือได้ถนัดๆ แล้ว ต้องเรียกว่า...เป็นอะไรที่ เฮ้ออ์อ์อ์...เหนื่อยย์ย์ย์ มิใช่น้อย...

                       ----------------------------------------------

            คือหนัก-ไม่หนัก...สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดเที่ยวนี้ ระลอกนี้ แต่การที่ถึงขั้นต้องจัดตั้ง โรงพยาบาลสนาม รับมือกันในแต่ละจุด แต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด ก็ต้องถือว่า...น่าเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า เอามากๆ ไม่ว่าสำหรับผู้ที่ต้องตระเตรียมพื้นที่ อุปกรณ์ เครื่องไม้-เครื่องมือ เอาไว้รองรับผู้ที่ติดเชื้อระดับนับร้อย หรือเกือบนับพัน ในแต่ละวันเข้าไปแล้ว รวมทั้งบรรดาผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล การติดเชื้อ อีกทั้งต้องกักกันตัวเองเอาไว้ 14 วันเป็นอย่างน้อย ที่ต่างหนีไม่พ้นต้องชุลมุนชุลเก ชุลมุนวุ่นวาย ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                      ----------------------------------------------

            ไม่ใช่แต่เฉพาะ โรงพยาบาลสนาม ที่ กทม. ที่เชียงใหม่ และที่อะไรต่อมิอะไรอีกแต่เพียงเท่านั้น เห็นข่าวแวบๆ จากเว็บไซต์ ไทยโพสต์ ของหมู่เฮานี่แหละ ว่ากระทั่งรัฐมนตรีมือใหม่จากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อย่างท่านอาจารย์ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ก็ชักอดรนทนไม่ไหว ไม่ต้องเสียเวลาไปคิดเรื่องไปดวงจันทร์ ไปดาวอังคาร อีกต่อไปแล้ว หันมาคิด มาสั่งการ ให้มหาวิทยาลัยจำนวนถึง 23 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เตรียมจัดตั้ง โรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ เอาไว้ไม่ต่ำกว่า 7,530 เตียงเป็นอย่างน้อย นี่...หนัก-ไม่หนัก ขนาดไหน-เพียงใด!!! คงต้องลองไปนึกภาพเอาเองก็แล้วกัน...

                             -----------------------------------------------

            ส่วนบรรดาผู้ที่ต้องนิราศร้าง ห่างบ้าน ไปพักค้าง อ้างแรมอยู่ที่ โรงพยาบาลสนาม ในแต่ละจุด แต่ละพื้นที่ ก็น่าจะเป็นอะไรที่หนักหนา-สาหัส ไม่น้อยไปกว่ากัน นอกจากความวิตก กังวล จากการติดเชื้อ การต่อสู้กับความเสื่อมโทรมภายในร่างกายของตน ยังหนีไม่พ้นต้องเตรียมตัว เตรียมรับมือ กับสภาพแวดล้อมที่ผิดแผกแตกต่าง ไปจากที่ที่เคยอยู่ เคยชิน เคยเรื่อยๆ สบายๆ มาสู่สภาพที่ต้องหาทางสร้างความสอดคล้อง เหมาะสม ให้ตัวของตัวเอง ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือต้องเตรียมอุปกรณ์ เครื่องใช้-ไม้สอย เอาไว้ชนิดเยอะแยะตาแป๊ะไก๋ ดังเช่นผู้ที่มีประสบการณ์อย่างคุณ Phu Pha Wuchcharapol ท่านว่าเอาไว้นั่นแล...

                               ----------------------------------------------

            ไม่ว่าตั้งแต่ต้องเตรียม ปลั๊กไฟ เอาไว้เสียบโน่น เสียบนี่ เพราะ โรงพยาบาลสนาม เขาอาจไม่มีที่ให้เสียบได้โดยเสรี อะไรทำนองนั้น ต้องเตรียมแปรงสีฟัน ยาสีฟัน ครีมอาบน้ำ แชมพู ครีมทาหน้า ทาผิว ฯลฯ เอาไว้ให้เสร็จสรรพ เตรียม แบตเตอรี่สำรอง ไว้สำหรับควักไอผ่ง ไอแพด ออกมาจิ้มโน่น จิ้มนี่ หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ เตรียม ทิชชูแบบเปียก เอาไว้เช็ดก้น เพราะจะให้ โรงพยาบาลสนาม เขาเนรมิต สร้างสรรค์ กระทั่งสายยางฉีดก้นเอาไว้รองรับ ก็อาจเป็นอะไรที่ออกจะ เกินไป ต้องเตรียมที่คาดตา ปิดตา เอาไว้ตอนคิดจะหลับๆ นอนๆ ไม่งั้นโอกาสที่แสงไฟแยงตาชนิดหลับไม่ลง ย่อมมีความเป็นไปได้เช่นกัน ไปจนถึงขั้นต้องเตรียมชั้นใน กางเกงใน เอาไว้ 14 ตัว สำหรับ 14 วัน เพราะจะไปหาที่ซัก ที่ชำระชะล้าง อาจไม่ถึงกับถนัดถนี่ซักเท่าไหร่ ฯลฯลฯ...

                             --------------------------------------------------

            อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้...อาจพอๆ กับการ ติดคุก เอาเลยก็ไม่แน่ แม้ผู้มีประสบการณ์อย่างคุณ Phu Pha ท่านจะอุปมา-อุปไมยให้ลดๆ ลงมาหน่อย คือนำไปเทียบกับการพักแรม ค้างแรม แบบพวกลูกสง ลูกเสือ อะไรประมาณนั้น แต่สำหรับผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์ในการ ติดคุก มาบ้างแล้ว อาจพอทราบๆ หรือพอเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไป ว่าต้องเตรียมโน่น เตรียมนี่ เอาไว้มิใช่น้อย ไม่ว่ากางเกงขาสั้น เสื้อยืดคอกลม-คอวี รองเท้าแตะ ฯลฯ ไม่งั้นโอกาสปรับตัว ปรับสภาพ ให้สอดคล้องกลมกลืนกับการมีชีวิตอยู่ภายในคุก ย่อมติดๆ-ขัดๆ ตั้งแต่แรก เอาเลยก็เป็นได้...

                               -----------------------------------------------

            แต่มีอยู่อีกสิ่งหนึ่ง...ที่คุณ Phu Pha ท่านเสนอให้ตระเตรียมเอาไว้ แบบชนิดที่ต้องไปนั่งคิด นั่งจินตนาการกันเอาเอง นั่นคือเสนอว่า อะไรที่คิดว่าแก้เหงาได้ก็เอามาเหอะ เพราะเหงาจริงแบบเหงา อันนี้นี่แหละ...ที่ออกจะเตรียมยาก เตรียมเย็นอยู่พอสมควร เพราะมันคงไม่ต่างไปจากการ เตรียมใจ หรือการ ทำใจ นั่นเอง ที่ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ เครื่องมือ เกมโน่น เกมนี่ เพลง ดนตรี หนัง ละคร ฯลฯ ใดๆ ก็แล้วแต่ มันคง เอาไม่อยู่ ได้ง่ายๆ ถ้าหากปราศจากการ เตรียมใจ หรือ ทำใจ รองรับเอาไว้ก่อนล่วงหน้า...

                                 ------------------------------------------------

            อันนี้นี่เอง...ที่ทำให้สิ่งที่เรียกว่า พลังใจ หรือ กำลังใจ จึงเป็นอะไรที่มีความสำคัญเอามากๆ สำหรับสังคมไทยในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ติดเชื้อ-ไม่ติดเชื้อ ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษา หรือผู้ที่ต้องทำหน้าที่ให้การรักษาผู้อื่น ตลอดไปจนผู้ที่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าทางหนึ่ง-ทางใด โดยย่อมหนีไม่พ้นไปจากรัฐบาลทั้งรัฐบาลอีกด้วยเช่นกัน ที่ต้องตระเตรียม ต้องหาทางสร้าง พลังใจ-กำลังใจ เอาไว้ให้กับตัวเองไม่ว่าด้วยกรรมวิธีใดๆ ก็แล้วแต่ ต้องพยายาม คิดบวก ให้มากๆ เข้าไว้ อย่าเผลอไป คิดลบ ไปนอตหลุด นอตหลวม เกิดอาการ สติแตก ระหว่างที่ใครต่อใครต่างต้องประคับประคองสติ-สตังค์ของตัวเองอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ เพราะการมาถึงของเชื้อไวรัสระลอกใหม่คราวนี้ มันแทบไม่มี ข้อยกเว้น ให้ใครก็แล้วแต่สามารถอยู่ได้แบบเรื่อยๆ สบายๆ มีแต่ต้องแบกรับภาระ แบกรับความเหน็ดเหนื่อย มากบ้าง-น้อยบ้าง ไปตามสภาพ...

                             ----------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Anon” (อีกครั้ง)... Patience is the virtue most need just when we run out of it.- ขันติธรรม ความอดทน อดกลั้น...เป็นคุณสมบัติที่เรามักขาด โดยเฉพาะในยามที่เราต้องการมันอย่างเป็นที่สุด...”.

                        -----------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"