ตำรวจหญิงที่ยิงหนุ่มผิวสีเสียชีวิตที่เมืองมินนีแอโพลิสของสหรัฐเมื่อวันอาทิตย์หยิบปืนผิด คว้าปืนพกมายิงโดยเข้าใจผิดว่าเป็นปืนเทเซอร์ชอร์ตไฟฟ้า ขณะการประท้วงก่อความวุ่นวายเกิดต่อเนื่องเป็นคืนที่ 2 แม้มีประกาศเคอร์ฟิว ผู้ก่อจลาจลปล้นสะดมและย่องเบาธุรกิจ 20 แห่งเมื่อคืนวันจันทร์
ตำรวจเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ไล่กวดผู้ประท้วงภายหลังเกิดเหตุจลาจลระหว่างการประท้วงการสังหารดอนเต ไรต์ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 (Photo by Nathan Howard/Getty Images)
ดอนเต ไรต์ หนุ่มอเมริกันผิวดำอายุ 20 ปี โดนตำรวจเรียกหยุดรถที่เมืองบรูคลินเซ็นเตอร์ ชานเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา เมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คำแถลงของทิม แกนนอน ผู้กำกับการตำรวจบรูคลินเซ็นเตอร์เมื่อวันจันทร์ที่ 12 เมษายน กล่าวว่า ตำรวจเรียกให้เขาจอดเนื่องจากทะเบียนรถหมดอายุ แต่ภายหลังตำรวจตรวจสอบประวัติกลับพบว่าเขามีหมายจับค้างอยู่ จึงพยายามจับกุม เขาขัดขืนจึงโดนยิง และสุดท้ายเสียชีวิต
นายตำรวจผู้นี้สรุปเบื้องต้นหลังจากการตรวจสอบวิดีโอจากกล้องติดลำตัวของตำรวจ 2 นายนี้ ทั้งจากภาพที่เห็นและปฏิกิริยาของตำรวจทั้งสอง ว่า ตำรวจหญิงที่ลั่นไกนายนี้ไม่ได้เจตนายิงไรต์ แต่เป็นการใช้อาวุธโดยอุบัติเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าของไรต์
วิดีโอที่แกนนอนนำมาแสดงเผยให้เห็นภาพที่ตำรวจนายหนึ่งพยายามจับไรต์ใส่กุญแจมือ แต่เขาดิ้นหลุดแล้วหนีกลับไปที่รถ ถึงตอนนั้นตำรวจนายที่สองที่เป็นหญิงร้องตะโกนว่า "เทเซอร์ เทเซอร์ เทเซอร์" แล้วก็ยิงปืนไป 1 นัด จากนั้นตำรวจหญิงผู้นี้ก็สบถว่าเธอเพิ่งยิงเขา ขณะที่ไรต์ขับรถหนีแล้วไปชนรถยนต์อีกคัน ก่อนที่รถของเขาจะหยุดลง เขาเสียชีวิตบนที่นั่งคนขับ
"เจ้าหน้าที่เหล่านี้ชักปืนพกออกมาแทนที่จะเป็นปืนเทเซอร์" แกนนอนกล่าว ไม่ชัดเจนว่าเหตุใดตำรวจหญิงจึงหยิบปืนผิด แกนนอนเผยว่า ตำรวจถูกฝึกมาให้พกอาวุธปืนสั้นไว้ฝั่งมือข้างที่ถนัด และปืนเทเซอร์ไว้ด้านที่ไม่ถนัด
เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพเฮนเนพินเคาน์ตีระบุเมื่อวันจันทร์ว่า การตายของไรต์เป็นการฆาตกรรม โดยผลชันสูตรศพยืนยันว่า เขาถูกฆ่าตายจากบาดแผลกระสุนปืนที่หน้าอก
สำนักงานจับกุมคดีอาญารัฐมินนิโซตาระบุชื่อตำรวจผู้ลั่นไกว่าคือ ตำรวจหญิงคิม พอตเตอร์ อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นคนผิวขาวและมีประสบการณ์ เธอถูกสั่งพักราชการ แต่ไมค์ เอลเลียต นายกเทศมนตรีเรียกร้องให้ไล่ตำรวจผู้นี้ออกจากราชการทันที
เหตุการณ์ครั้งนี้จุดชนวนการประท้วงก่อความวุ่นวายในเมืองบรูคลินเซ็นเตอร์ต่อเนื่องเป็นคืนที่สองเมื่อวันจันทร์ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีธุรกิจประมาณ 20 แห่งในศูนย์การค้าที่อยู่ใกล้เคียงโดนปล้นสะดมและย่องเบา
ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ประกาศเคอร์ฟิวในเมืองมินนีแอโพลิสและชานเมืองโดยรอบ รวมถึงบรูคลินเซ็นเตอร์ ระหว่างเวลา 19.00 น.ของวันจันทร์ ถึง 06.00 น.ของวันอังคาร แต่ผู้ประท้วงหลายร้อยคนยังคงฝ่าสายฝนออกมาชุมนุมและปะทะกับตำรวจที่ด้านนอกกองบัญชาการตำรวจบรูคลินเซ็นเตอร์ บางคนขว้างปาขวดน้ำและสิ่งของอื่นๆ และจุดพลุไฟ ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตาและกระสุนพลาสติก
ร้านค้าปลีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันโดนปล้นสะดมและทำลายทรัพย์สิน แต่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่แยกย้ายกันไปเองก่อนเวลา 22.00 น. เมื่อสถานการณ์สงบลงแล้ว ตำรวจรายงานว่าจับกุมผู้ต้องสงสัยที่บรูคลินเซ็นเตอร์ได้ 40 ราย ตั้งแต่ความผิดฐานฝ่าฝืนเคอร์ฟิวจนถึงข้อหาก่อจลาจล คำแถลงช่วงดึกบอกด้วยว่า มีตำรวจบาดเจ็บเล็กน้อย 3 นายจากการโดนเศษวัสดุขว้างใส่
ส่วนในเมืองมินนีแอโพลิส ตำรวจเผยว่า มีหลายคนโดนจับกุมเกี่ยวข้องกับการย่องเบาร้านค้าปลีก 5 แห่ง
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวถึงการสังการไรต์ว่า "น่าเศร้า" และต้องรอว่าผลการสอบสวนจะออกมาเช่นไร แต่ขณะเดียวกัน เขาเตือนถึงการก่อความไม่สงบว่า ไม่มีเหตุผลใดเป็นข้อแก้ตัวสำหรับการปล้นสะดม ส่วนการประท้วงอย่างสันตินั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |