ยกฟ้องเมียมิตซูโอะ ลักทรัพย์บ.ภูเก็ต


เพิ่มเพื่อน    

    ศาลยกฟ้อง "แอน" เมียอดีตพระมิตซูโอะ คดีลักทรัพย์บริษัทภูเก็ตเพนนิซูลา 52 ล้าน ชี้นำไปชำระหนี้บริษัท ไม่ได้ใช้ประโยชน์ส่วนตัว
    เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 พฤษภาคมนี้ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2124/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 และหุ้นส่วนบริษัท ภูเก็ตเพนนินซูลา จำกัด ร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสุทธิรัตน์ หรือสุธาสินี หรือแอน มุตตามระ อายุ 57 ปี ประธานกรรมการ บจก.ภูเก็ตฯ ซึ่งดำเนินกิจการก่อสร้างโรงแรม และเป็นภรรยาของนายมิตซูโอะ ชิบาฮาชิ อายุ 67 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดสุนันทวราราม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานลักทรัพย์
     คำฟ้องระบุกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 9 ส.ค.-2 ก.ย.2553 ต่อเนื่องกัน นางสุทธิรัตน์ จำเลย ได้ลักเอาเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้รับคืนจากสำนักงานสรรพากร เขต 1 จำนวน 52,585,847 บาท แล้วนำเข้าบัญชีธนาคารของ บจก.ภูเก็ตฯ ก่อนที่จำเลยจะเบิกถอนเงินจำนวน 52,585,000 บาท ของบริษัทผู้เสียหายไปเป็นประโยชน์ของตัวเองโดยทุจริต เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. ขอให้ลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย โดยจำเลยให้การปฏิเสธ
     วันนี้นางสุทธิรัตน์ ซึ่งได้รับการประกันตัว พร้อมด้วยนายมิตซูโอะ สามี, คนใกล้ชิด และทนายความเดินทางมาศาล
     ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่นำสืบหักล้างกันแล้ว รับฟังได้ว่า ตามข้อตกลงในสัญญา จำเลยมีอำนาจดำเนินการเกี่ยวกับบริษัท โดยมีหุ้นส่วนอีกคนหนึ่ง และเมื่อมีการแจ้งให้รับเงินภาษีคืน จำเลยก็ได้ดำเนินการไปรับเช็คแล้วนำเข้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา บัญชีกระแสรายวันของบริษัท หลังจากนั้นจำเลยได้เบิกเงินจำนวน 52,585,000 บาท เข้าบัญชีตนเองและบัญชีบุคคลอื่นบางส่วน ซึ่งจะเป็นความผิดลักทรัพย์หรือไม่นั้น ศาลเห็นว่า เมื่อจำเลยนำเงินเข้าบัญชีบริษัทแล้ว เงินนั้นย่อมถือเป็นของบริษัท แต่การที่จำเลยได้เบิกเงินจากบัญชีมา จากทางนำสืบและพยานซึ่งเป็นบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างโรงแรมให้กับบริษัทของจำเลย ฟังได้ว่า ในการก่อสร้างโรงแรม บริษัทได้มีหนี้สินอยู่จำนวนมาก โดยจำเลยในฐานะผู้มีอำนาจ ก็ได้นำเงินลงทุนหมุนเวียนไปชำระหนี้ในสัญญาร่วมทุน รวมทั้งหนี้กู้ยืมต่างๆ ที่บริษัทเคยดำเนินการมา
     จึงเห็นว่าจำเลยเป็นผู้รับภาระหนี้สินของบริษัท กระทั่งเมื่อจำเลยได้รับเงินภาษีคืนมาแล้วก็ได้แจ้งไว้ในบัญชีตามพยานเอกสารของจำเลยที่แสดงไว้ ซึ่งทางนำสืบพบว่า จำเลยได้ถอนเงินจากบัญชีบริษัทเพื่อไปชำระภาระหนี้สิน ที่การกระทำเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้กระทำไปเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น แต่เป็นการแก้ปัญหากิจการภายในของบริษัทเอง ซึ่งระหว่างนั้น หุ้นส่วนบริษัทอีกรายก็มีปัญหาขัดแย้งกับจำเลยอยู่ จนเป็นคดีความหลายศาล พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังฟังไม่ได้ว่าจำเลยนำทรัพย์สินนั้นไปเพื่อประโยชน์ตนเอง จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ พิพากษายกฟ้อง
     หลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น นางสุทธิรัตน์มีสีหน้ายิ้มแย้ม ภายหลังได้เดินทางกลับพร้อมสามีด้านหลังอาคารศาลอาญา โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"