(แถลงโครงการรักนะ...ระนอง)

    จังหวัดระนอง ร่วมกับหอการค้าจังหวัดระนอง สมาพันธ์แรงงานสหกิจสัมพันธ์ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ สายการบินนกแอร์ สมาพันธ์รัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร-ระนอง และสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง ร่วมจัดโครงการรักนะ...ระนอง ครั้งที่ 2 โดยได้ดำเนินงานผ่านกิจกรรมหลัก 3 ประการ ได้แก่ 1.กิจกรรมปลูกฟื้นฟูป่าชายเลน สู่มรดกโลก 2.กิจกรรมผูกทุ่นทางทะเลเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรักษาแนวปะการัง (เกาะพยาม) และ 3.กิจกรรมส่งเสริมด้านการตลาดให้กับผู้ประกอบการส่งเสริมสินค้าชุมชนผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมทั้งด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้านการตลาดให้มั่นคงและยั่งยืน 

(ปลูกป่าชายเลน 12 ไร่)

    จตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า การดำเนินงานผ่านกิจกรรมหลักทั้ง 3 ประการ เป็นแนวทางในการพัฒนาและส่งเสริมจังหวัดระนองให้มีรายได้และเศรษฐกิจที่ดีขึ้น อย่างการปลูกป่าชายเลนในพื้นที่ทวงคืน ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อฟื้นฟูและอนุรักษ์ขยายขอบเขตของป่าชายเลนให้เพิ่มขึ้นจากเดิม นอกจากนี้พื้นที่ป่าชายเลนกว่าแสนไร่จะถูกนำเสนอเพื่อเตรียมการนำเสนอให้พื้นที่ป่าชายเลนระนองเป็นมรดกโลก โดยคาดว่าจะดำเนินการส่งข้อมูลเพื่อให้องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) พิจารณาในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2563 

(ปะการังใต้เกาะพยาม)

    ที่ผ่านมาได้ดำเนินการฟื้นฟูแนวปะการังชายฝั่งทะเลเกาะพยาม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์ของจังหวัด ด้วยการผูกทุ่นในทะเล ฟื้นฟูปะการังที่ได้รับผลกระทบจากการทิ้งสมอเรือเพื่อนำนักท่องเที่ยวมายังเกาะ ให้ระบบนิเวศใต้ท้องทะเลยังคงสมดุลทางธรรมชาติ นอกจากนี้สินค้าจากชาวบ้านอย่างกาหยู กะปิ และอื่นๆ ก็ได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ และบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เข้ามาส่งเสริมและให้ความรู้ในเรื่องของแพ็กเกจจิ้งผลิตภัณฑ์ ด้านการตลาด เพื่อให้ทราบถึงความต้องการของตลาด สามารถสินค้าขายได้ และกลุ่ม YEC ของหอการจังหวัดซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ได้นำความรู้เข้ามาช่วยกระตุ้นขับเคลื่อนเศรษฐกิจอีกด้วย
    “ในอนาคตในพื้นที่จังหวัดระนองที่จะมีการพัฒนาทางด้านคมนาคมทั้งเส้นทางรถไฟจากชุมพรมายังระนอง เปิดตูการค้าสู่ชายแดน และการปรับปรุงสนามบินให้เป็นทัวริสแอร์พอร์ตแห่งแรก ที่จะทำให้ระนองมีความก้าวหน้าและเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านและประเทศ นอกจากนี้จะดำเนินการการต่อยอดความร่วมมือกับประเทศเมียนมาผลักดันการท่องเที่ยวทางทะเลให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกด้วย” ผู้ว่าฯ จังหวัดระนองกล่าว

(ชาวบ้านอาสาปลูกป่า)

    ด้านวิชัย สมรูป ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 พังงา-ระนอง กล่าวว่า ในกิจกรรมครั้งนี้ปลูกป่าในพื้นที่บริเวณหมู่ที่ 5 ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง บนพื้นที่ 12 ไร่ จากทั้งหมด 34 ไร่ ซึ่งเป็นบ่อกุ้งร้าง โดยใช้ต้นกล้าไม้โกงกางจำนวน 4,500 ต้น โดยเป็นหนึ่งในพื้นที่ทวงคืนผืนป่าตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งป่าบนบกและป่าชายเลนที่ถูกบุกรุกในอดีตก็จะถูกตรวจสอบและทวงคืน โดยใน 2 ปีที่ผ่านมาระนองทวงคืนพื้นที่ได้แล้วกว่า 2,000 ไร่ และในปีนี้ทวงคืนได้ 300 ไร่

(เส้นทางล่องเรือป่าชายเลน)

    “โดยพื้นที่ป่าชายเลนของจังหวัดตั้งแต่ อำเภอกระบุรี อำเภอละอุ่น อำเภอเมือง อำเภอกะเปอร์ อำเภอสุขสำราญ มีประมาณ 160,000 ไร่ ร่วมกับพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง และพื้นที่ชุ่มน้ำระนอง ทั้งหมดประมาณกว่า 700,000 ไร่ ซึ่งมีความสมบูรณ์ทางมวลชีวภาพอย่างมากโดยวัดได้จากพื้นที่ป่าชายเลน 1 ไร่ที่วัดค่ามวลชีวภาพได้ทั้งหมด 45 ตัน ในขณะที่ในจังหวัดอื่นที่มีป่าชายวัดได้เพียงครึ่งหนึ่งของระนองเท่านั้น ทำให้เป็นเป้าหมายหลักในผลักดันสู่การเป็นมรดกโลก ด้วย 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.มีพันธุ์ไม้ดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ที่มีอายุกว่า 200 ปี อย่างต้นโกงกาง ต้นตะบูน ต้นแสมดำ และมีสัตว์ดึกดำบรรพ์อย่าง แม่หอบ 2.ค่ามวลชีวภาพที่บ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ 3.การมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าชายเลน” วิชัยกล่าว 

(วางทุ่นเกาะพยาม)

     ดร.สนใจ หะวานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์จากชายฝั่งทางทะเล โดยเฉพาะแนวปะการัง ที่มาจากกิจกรรมการท่องเที่ยว การประมง การอุตสาหกรรม การขยายตัวของเขตเมือง และชุมชนชายฝั่ง และพฤติกรรมการทิ้งขยะ นำเสีย ลงสู่ทะเล ร่วมถึงการทิ้งสมอเรือ จึงได้เกิดการร่วมมือในการหาแนวทางแก้ไขโดยการผูกทุ่น จำนวน 25 ทุ่นที่เกาะพยาม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม เพื่อลดผลกระทบที่แนวปะการังจะได้รับความเสียหาย มีการฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติ เพื่อให้เป็นแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติที่ยั่งยืนต่อไป.