'พท.'จี้รัฐเลิกจับมือนายทุนตบตาปชช.แก้ปัญหาบีทีเอสอย่างโปร่งใส


เพิ่มเพื่อน    

11 เม.ย.64-นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงกรณีบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ส่งจดหมายทวงหนี้ออนไลน์ในรูปแบบคลิปผ่านยูทูปและฉายบนขบวนรถบีทีเอสทั่วกรุงเทพมหานคร และยังเผยแพร่เอกสารในทวิตเตอร์บัญชีทางการของบีทีเอส หวังบีบให้รัฐบาลเร่งชำระหนี้สินรวม 3 หมื่นล้านบาทว่า  มองเผินๆอาจเหมือนการประจานจากเอกชนด้วยการทวงหนี้รัฐที่ค้างจ่ายเท่านั้น แต่หากมองให้ลึกลงไปกลับมีคำถามว่า นี่คือละครฉากใหญ่ของคู่รักรัฐบาลสืบทอดอำนาจให้กับกลุ่มทุนในสังกัดหรือไม่

นายชนินทร์ กล่าวว่า จากคำสัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 7 เมษายนว่าประชาชนได้ประโยชน์ไปแล้วจากการที่รัฐยอมขาดทุนด้วยการงดเว้นการเก็บค่าโดยสารบางส่วน ประกอบกับการปล่อยข้อมูลว่าหากไม่ต่อสัญญาประชาชนต้องจ่ายค่าโดยสาร 104-158 บาทต่อเที่ยว ดูเหมือนว่าทั้งรัฐและเอกชนกำลังสร้างสถานการณ์วิกฤตที่ไร้ทางออก เพื่อสร้างความชอบธรรมให้วิธีแก้ปัญหาแบบฉ้อฉลที่ซ่อนไว้ข้างหลังหรือไม่ ต่อมามีการเตรียมใช้อำนาจ ม.44 ยืดอายุสัญญาสัมปทานให้เอกชนผู้เดินรถบนสัญญาหลักที่มีผู้โดยสารจำนวนมากไปอีก 30 ปีโดยไม่ต้องมีการประมูลแข่งขัน เพื่อทดแทนภาระหนี้สินที่ค้างอยู่

"ในความเป็นจริงภาระขาดทุนหรือหนี้สินที่เกิดขึ้น อาจมีต้นเหตุมาจากการบริหารจัดการที่ไม่ดี หรือการจัดจ้างในราคาที่สูงเกินไปหรือไม่ เพราะการจ้างเดินรถในครั้งนี้  รัฐโดยบริษัท กรุงเทพธนาคม ได้จ้างบริษัทบีทีเอสเข้าดำเนินการโดยไม่ผ่านการประมูล ซึ่งส่อเค้าทุจริตอย่างชัดเจน และอยู่ระหว่างการตรวจสอบของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.อยู่ ไม่ว่าข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้จะคือรัฐถังแตก หรือฉากละครฉ้อฉล ทางออกที่เป็นประโยชน์กับประชาชนที่สุดคือการชำระหนี้ที่เกิดขึ้น และรวบสัญญาทั้งหมดกลับมาประมูลใหม่ที่โปร่งใสและเสรี ประเทศไทยจะไปข้างหน้าได้ รัฐบาลชุดนี้ต้องเลิกนิสัยการใช้อำนาจมืด รวบหัวรวบหาง แอบกินในที่ลับเสียที”
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"