รู้จักไบเดนผ่านข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน


เพิ่มเพื่อน    

ภาพ : เครื่องเสริมสมรรถนะ (centrifuge) นิวเคลียร์ของอิหร่าน

เครดิตภาพ : https://iranintl.com/en/world/nuclear-spokesman-says-iran-target-20-percent-enriched-uranium

ชาญชัย คุ้มปัญญา 083-072 5036 http://www.chanchaivision.com/

 

        ไม่กี่วันก่อนสหรัฐกับอิหร่านและคู่สัญญาข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) ทั้งหมดรวมจีน รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนีและอังกฤษเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง นัยว่าเพื่อนำสหรัฐกลับเข้าสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์ เป็นการเจรจาอย่างเป็นทางการครั้งแรกของรัฐบาลไบเดน ผลการเจรจาเบื้องต้นจัดตั้งคณะทำงาน 2 ชุด ชุดหนึ่งดูแลเรื่องนิวเคลียร์ อีกชุดดูแลการเลิกคว่ำบาตร ทั้ง 2 ชุดเริ่มงานทันที

            ประวัติศาสตร์ :

                อิหร่านมีโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของตนมานานแล้ว นักวิชาการตะวันตกหลายคนเตือนว่าอิหร่านจะเป็นบ่อเกิดสงครามล้างโลก ในระยะหลังอิหร่านยืนยันเรื่อยมาว่าเพื่อใช้ในทางสันติเหมือนหลายสิบประเทศทั่วโลกที่มีนิวเคลียร์เพื่อสันติ เช่น โรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ ใช้นิวเคลียร์ทางการแพทย์และประโยชน์ทางพลเรือนอื่นๆ อยาตุลเลาะห์ คาเมเนอี กล่าวว่า “พวกเราได้ฟัตวา (fatwa) ประกาศว่าศาสนาอิสลามห้ามครอบครองอาวุธนิวเคลียร์” วิจัยพัฒนาเพื่อใช้ในทางสันติเท่านั้น

                แต่บางประเทศไม่เชื่อคำพูดเหล่านี้ รัฐบาลเนทันยาฮูพูดเสมอว่าอิหร่านต้องการมี “อาวุธนิวเคลียร์” เพื่อทำลายล้างอิสราเอล (ในขณะที่เป็นที่ยอมกันทั่วไปว่าอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์หลายสิบลูก)

                หลายประเทศพยายามเจรจายุติปัญหา กรกฎาคม 2015 รัฐบาลโอบามากับอีก 5 ชาติบรรลุข้อตกนิวเคลียร์ Joint Comprehensive Program of Action (JCPOA)  สหรัฐจะเลิกคว่ำบาตรแลกกับที่อิหร่านปฏิบัติตามข้อตกลง ซึ่งหมายถึงให้ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) หน่วยงานสหประชาชาติเข้าตรวจสอบว่าโครงการนิวเคลียร์อิหร่านมีเพื่อสันติจริง

                มาถึงบรรทัดนี้เท่ากับได้ข้อสรุปว่า ณ ปี 2015 ที่ได้ข้อตกลง JCPOA อิหร่าน “ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์”

            ทรัมป์ผู้ฉีกสัญญา :

                ข้อตกลงนิวเคลียร์ดังกล่าวเป็นข้อตกลงร่วมหลายประเทศ ที่เรียกว่า P5+1 หรือ E3+3 (ประกอบด้วยฝ่ายสหภาพยุโรป 3 ประเทศ อันได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมนี กับสหรัฐ รัสเซียและจีน) กับอีกฝ่ายคืออิหร่าน

                เหตุการณ์พลิกผันเมื่อสหรัฐได้รัฐบาลใหม่ ตุลาคม 2018 ทรัมป์ประกาศว่าอิหร่านไม่ได้ทำตามข้อตกลงครบถ้วนจึงขอถอนตัว ที่น่าประหลาดใจคือสหรัฐเป็นประเทศเดียวในหมู่ประเทศคู่สัญญาที่ชี้ว่าอิหร่านไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลง ที่ผ่านมาประเทศคู่สัญญาอื่นๆ  ทั้งหมดล้วนยอมรับว่าอิหร่านปฏิบัติตาม JCPOA เกิดคำถามว่าใครเป็นฝ่ายผิด รัฐบาลสหรัฐผิดหรือรัฐบาลคู่สัญญาอื่นๆ เป็นฝ่ายผิด รวมทั้ง IAEA ก็ผิดด้วย

            บัดนี้พิสูจน์แล้วว่ารัฐบาลทรัมป์พูดโกหกคำโตต่อโลก  รัฐบาลเสรีประชาธิปไตยทรัมป์ไม่สนใจว่าประชาคมโลกจะคิดอย่างไร และบัดนี้ไม่มีใครประหลาดใจกับพฤติกรรมทรัมป์ที่พูดจริงบ้างเท็จบ้างไปเรื่อยๆ ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าทำไมทรัมป์ทำเช่นนี้ บอกได้แต่ว่ารัฐบาลอิสราเอล พวกซาอุฯ ยินดีปรีดาอย่างยิ่ง ตามด้วยมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านอีกหลายชุดที่ทรัมป์ใช้คำว่านโยบายกดดันสุดขีด (maximum pressure)

                ทุกวันนี้ทุกประเทศยังยึดสัญญาดังกล่าว เฉพาะสหรัฐเท่านั้นที่ฉีกสัญญาเพียงฝ่ายเดียว

                เรื่องที่น่าเจ็บใจ :

                เมื่อตอนที่ได้ข้อตกลงนิวเคลียร์ รัฐบาลโอบามาคลายการคว่ำบาตร บริษัทเอกชนจากหลายประเทศพากันเดินทางไปอิหร่านเพื่อลงทุน โดยเฉพาะบริษัทจากยุโรป รัฐบาลอิหร่านเปิดกว้างต้อนรับหวังให้เข้ามาลงทุนฟื้นฟูประเทศ แต่ในเวลาเพียงปีเดียวสหรัฐได้รัฐบาลใหม่เปลี่ยนนโยบายแบบหน้ามือเป็นหลังมือ รัฐบาลทรัมป์ประกาศ “ห้ามบริษัทเอกชนทุกประเทศ” ทำธุรกรรมกับอิหร่าน หาไม่จะโดนคว่ำบาตร นี่คือคำประกาศจากสหรัฐผู้พยายามชี้ว่าตนเป็นผู้นำทุนนิยมเสรีประชาธิปไตย ที่ออกกฎด้วยตัวเองห้ามใครก็ตามไปลงทุนในอิหร่าน หลายบริษัทที่กำลังลงทุนในช่วงนั้นจึงถอนตัวแทบไม่ทัน เสียหายมากมาย ไม่สามารถเรียกชดเชยจากใคร

                นี่คือเรื่องน่าเจ็บใจข้อแรก

                ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนทำสัญญาลงทุนในอิหร่าน 400,000 ล้านดอลลาร์ แลกกับที่จีนจะซื้อน้ำมันอิหร่านเป็นเวลา 25 ปี จีนจะลงทุนในหลายอุตสาหกรรม เช่น การธนาคาร ธุรกิจสื่อสาร ท่าเรือ รถไฟ สาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศ เห็นชัดว่าข้อตกลงดังกล่าวอิหร่านได้ประโยชน์เต็มๆ ได้ทั้งการลงทุนของจีนและได้ขายน้ำมัน

                ย้อนกลับไปที่บริษัทเอกชนหลายประเทศไปลงทุน แต่สุดท้ายถอนตัวแทบไม่ทัน บัดนี้จีนคือไม่กี่ชาติที่ยังกล้าลงทุนในอิหร่าน ข้อตกลง 400,000 ล้านดอลลาร์ชี้ว่านักลงทุนจีนกำลังกินเค้กก้อนใหญ่โดยปราศจากคู่แข่งจากชาติตะวันตก ไม่ใช่เพราะอิหร่านปิดกั้นทุนนิยมเสรี แต่เพราะนโยบายผู้นำทุนนิยมเสรีโลก

                นี่คือเรื่องน่าเจ็บใจที่เจ็บกว่าข้อแรก

                อันที่จริงแล้วประชาธิปไตยอเมริกันมีความงดงามในตัวเอง แต่บางครั้งสร้างความเสียหายไม่น้อย ถ้าถามรัฐบาลจะบอกว่าเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ แต่ควรคิดให้ลึกกว่านั้นว่าเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติจริงแท้แค่ไหน ยิ่งถ้าถามประเทศอื่นๆ จะยิ่งหนักหนากว่านั้นอีก

                กลับมาที่จีน ถ้ามองให้ไกลกว่าผลประโยชน์เศรษฐกิจ เหตุที่รัฐบาลจีนทำสัญญากับอิหร่านเพื่อยืนยันว่าจีนทำตามสัญญาไม่เปลี่ยนกลางคัน ประกาศความน่าเชื่อถือได้ของจีน และประกาศศักดาว่าจีนไม่กลัวอเมริกา

                ทางออกนิวเคลียร์อิหร่าน :

                ถ้าจะวิเคราะห์แบบห้วนๆ ทางออกง่ายนิดเดียวคือรัฐบาลไบเดนกลับมารักษาสัญญาดังเดิม

                ถ้ายังจำได้ในสมัยรัฐบาลโอบามา ไบเดนคือรองประธานาธิบดีของโอบามาตลอด 2 สมัย (ปี 2009-2017)  โดยส่วนตัวประธานาธิบดีไบเดนเข้าใจข้อตกลงดังกล่าวอย่างดี

                ท่าทีของรัฐบาลไบเดนขณะนี้จึงดูแปลก ราวกับว่ารัฐบาลจากพรรคเดโมแครตชุดนี้ไม่ทำตามแนวทางเดโมแครตเดิม (โอบามา) แต่คล้ายรัฐบาลรีพับลิกัน (ทรัมป์)

                ไบเดนพูดจาอ่อนสุภาพเหมือนโอบามา แต่จะยึดแนวทางโอบามาหรือทรัมป์ อีกไม่นานจะได้คำตอบชัด เป็นข้อเตือนใจว่าแค่ดูวาจากิริยาไม่พอ ต้องเข้าใจเนื้อในด้วย ไปๆ  มาๆ ไบเดนอาจเป็นพวก “อเมริกาต้องมาก่อน” (America First) ก็เป็นได้

                และควรย้ำว่าเป้าหมายข้อตกลงคือให้มั่นใจว่าอิหร่านปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ การที่รัฐบาลทรัมป์ถอนตัวเป็นเหตุให้อิหร่านเริ่มละเมิดข้อตกลงบ้างเพื่อตอบโต้ เท่ากับว่ารัฐบาลสหรัฐคือผู้ทำให้โลกสุ่มเสี่ยงเกิดสงครามนิวเคลียร์ ตอนนี้ไบเดนกำลังจะเป็นเหมือนทรัมป์หรือไม่

                เจรจาเพื่ออะไร :

                ฝ่ายอิหร่านย้ำเสมอว่าต้องเลิกคว่ำบาตรอย่างสิ้นเชิงเท่านั้น ไม่ยอมรับการคลายคว่ำบาตรทีละขั้น แนวทางของอิหร่านถูกต้อง ต้องยึดว่า JCPOA เป็นข้อตกลงที่มีอยู่แล้ว แต่รัฐบาลทรัมป์ยกเลิกสัญญาเพียงฝ่ายเดียว หากรัฐบาลไบเดนยังยึดว่าอิหร่านละเมิดข้อตกลงควรชี้แจงพร้อมหลักฐาน ให้คู่สัญญาทุกประเทศยอมรับหลักฐาน แต่หากรัฐบาลไบเดนไม่แสดงหลักฐานเท่ากับยอมรับว่ารัฐบาลทรัมป์ทำผิดเอง ตามสไตล์ของทรัมป์ที่พูดจริงบ้างเท็จบ้างไปเรื่อยๆ

                ผลการเจรจารอบนี้ได้ตั้งคณะทำงาน 2 ชุด ไม่มีใครตอบได้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วทุกอย่างจบง่ายมากเพียงแค่รัฐบาลสหรัฐยึดข้อตกลงเดิม อิหร่านทำตามข้อตกลงให้ครบถ้วน เจ้าหน้าที่ IAEA ตรวจสอบยืนยันอีกครั้งว่าอิหร่านไม่ได้ละเมิดข้อตกลง ในเวลา 2-3 เดือนทุกอย่างน่าจะจบ แต่อาจวิเคราะห์ว่าการเจรจากับอิหร่านในขณะนี้คือส่วนหนึ่งของแผนซื้อเวลา ซึ่งหมายความว่าไบเดนยังคงคว่ำบาตรอิหร่านเหมือนที่ทรัมป์ทำ ไม่ช้าก็เร็วโลกจะได้คำตอบว่ารัฐบาลไบเดนที่มาจากพรรคเดโมแครตจะเหมือนกับทรัมป์ที่มาจากพรรครีพับลิกันหรือไม่

            โลกสามารถเรียนรู้เข้าใจรัฐบาลสหรัฐผ่านข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านว่าทุกรัฐบาลทำเหมือนกันเพราะคือนโยบายแม่บทตั้งแต่ปี 1979 แล้ว.

                                                                --------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"