10 เม.ย.64 - รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีรายละเอียดดังนี้

สถานการณ์ทั่วโลก 10 เมษายน 2564...

ทะลุ 135 ล้านไปเรียบร้อย อินเดียเพิ่มกว่าแสนสี่หมื่นคนในวันเดียว ในขณะที่ตุรกีวันละกว่าห้าหมื่นห้าพันคน แซงอิตาลีขึ้นมาเป็นอันดับ 7 แล้ว

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 783,925 คน รวมแล้วตอนนี้ 135,264,528 คน ตายเพิ่มอีก 13,408 คน ยอดตายรวม 2,927,172 คน

อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 79,768 คน รวม 31,797,172 คน ตายเพิ่ม 857 คน ยอดเสียชีวิตรวม 574,768 คน อัตราตาย 1.8%

บราซิล ติดเพิ่ม 86,850 คน รวม 13,373,174 คน ตายเพิ่มถึง 3,431 คน จำนวนเสียชีวิตต่อวันมากที่สุดในโลก ยอดเสียชีวิตรวม 348,718 คน อัตราตาย 2.6% 

อินเดีย ขณะนี้จำนวนติดเชื้อต่อวันสูงที่สุดในโลกมาอย่างต่อเนื่อง ติดเพิ่มมากถึง 144,829 คน รวม 13,202,783 คน ตายเพิ่ม 773 คน ยอดเสียชีวิตรวม 168,467 คน อัตราตาย 1.3% 

ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 41,243 คน ยอดรวม 4,980,501 คน ตายเพิ่ม 301 คน ยอดเสียชีวิตรวม 98,395 คน อัตราตาย 2%

รัสเซีย ติดเพิ่ม 9,150 คน รวม 4,623,984 คน ตายเพิ่ม 402 คน ยอดเสียชีวิตรวม 102,247 คน อัตราตาย 2.2%

อันดับ 6-10 เป็น สหราชอาณาจักร ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน คาดว่าอีกไม่เกินสองสัปดาห์ ตุรกีจะแซงสหราชอาณาจักรขึ้นเป็นอันดับ 6 ของโลกหากไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ 

แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น 

ญี่ปุ่นกำลังเผชิญระลอกสี่ขาขึ้น คาดว่าหากถึงวันศุกร์หน้าแล้วไม่สามารถกดการระบาดได้ จะมีแนวโน้มที่จะมีอัตราเร็วในการระบาดสูงขึ้น

แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า 

แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง 

เกาหลีใต้ กัมพูชา และไทย ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และเวียดนาม ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่เมียนมาร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

...ภาพรวมทั่วโลกระบาดรุนแรงขึ้น...

ประเทศส่วนใหญ่ใน 20 อันดับแรกของโลกมีแนวโน้มการติดเชื้อต่อวันมากขึ้น 
เพื่อนบ้านที่ไม่ไกลจากเรานัก ทั้งบังคลาเทศ อินเดีย ญี่ปุ่น และกัมพูชา กำลังเผชิญการระบาดขาขึ้นครั้งใหม่

ในขณะเดียวกันสถานการณ์การระบาดของไทยเราก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระจายไปทั่วประเทศ และไม่ได้จำกัดอยู่ที่วงใดวงหนึ่งที่ใดที่หนึ่งอีกแล้ว

สายพันธุ์ไวรัสที่กลายพันธุ์นั้นมีส่วนในการทำให้เราเห็นการระบาดทั่วโลกทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งประกอบกับหลายประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการและการป้องกันตัวของประชาชนที่อ่อนลง จึงทำให้เห็นภาพเช่นนี้ 

สายพันธุ์หลักที่กำลังทวีความรุนแรงมากทั่วโลกคือสายพันธุ์สหราชอาณาจักร B.1.1.7 ซึ่งเคยได้รับการศึกษาพบว่า สามารถแพร่ได้ไวขึ้น 70% และมีความรุนแรงขึ้นราว 30%

ล่าสุดทีมวิจัยจากสหราชอาณาจักรและอเมริกาได้ทำการศึกษาเรื่องอัตราการแพร่ของ B.1.1.7 ในสหราชอาณาจักร ก็ได้ผลสอดคล้องกับการศึกษาก่อนหน้านี้ โดยพบว่าแพร่ได้ไวขึ้นราว 65-82% 

ในขณะที่อีกทีมหนึ่งมีการศึกษาเรื่องอัตราการเสียชีวิตจาก B.1.1.7 ในสหราชอาณาจักร ก็พบว่าทำให้มีความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม 67%

ความรู้ข้างต้นทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด

หากวิเคราะห์เปรียบเทียบลักษณะการระบาดกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก คาดว่าช่วงเวลาเดิมพันในการกดการระบาดของเรานั้น จะหมู่หรือจ่า น่าจะอยู่ประมาณปลายสัปดาห์หน้าครับ ถ้าไม่ลง คงมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างมากได้

งดการเดินทางที่ไม่จำเป็น

นี่ไม่ใช่เวลาตะลอนท่องเที่ยว

หากใครเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านต่างจังหวัด ขอให้อยู่กับที่บ้านนะครับ 

เลี่ยงการไปงานพบปะสังสรรค์ไม่ว่าจะกับเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องต่างบ้านต่างเรือน

เลี่ยงการไปงานแต่ง งานบวช งานศพ งานวัด งานประเพณี และสถานที่ต่างๆ ที่มีคนหมู่มาก ไม่ว่าจะเป็นตลาด ห้าง โรงหนังโรงละคร 

หากใช้ขนส่งสาธารณะ ถ้าเป็นไปได้ ควรใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย และใส่หน้ากากผ้าทับไว้ด้านนอก จะช่วยให้ฟิตกับใบหน้ามากขึ้น ล้างมือหลังจับต้องสิ่งของสาธารณะ และไม่แชร์ของกินของใช้ร่วมกับคนอื่น

ช่วงนี้การระบาดกระจายไปทั่ว เราจะไม่รู้ว่าใครติดหรือไม่ติด ดังนั้นจึงควรถือว่าทุกคนมีความเสี่ยงเสมอ

ถ้ามีอาการไม่สบาย คล้ายหวัดหรือหวัดใหญ่ ให้สงสัยโควิดไว้ด้วย ควรรีบไปตรวจรักษา อย่าปล่อยทิ้งไว้

เป็นกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขหน้าด่านทุกท่าน  

"อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติและตัวเราทุกคน" 

ด้วยรักและปรารถนาดี