กองสลากฯ เคาะงวด 1 มิ.ย.2564 ประเมินขายหวย 80 บาทผ่านแอปฯ 56 จุดทั่วกรุงเทพฯ-นนทบุรี เล็งใช้ “เป๋าตัง” ซื้อ-ขาย ระบุ 3 เดือนประเมินผลหากดีขยายทั่วประเทศ มั่นใจช่วยช่วยคุมราคา

เมื่อวันศุกร์ที่ 10 เมษายน นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะประธานสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงความคืบหน้าการรับสมัครตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลราคา 80 บาท ในโครงการจีแอลโอ ออฟฟิเชียล เซลเลอร์ส ว่าหลังปิดรับสมัครมียอดผู้สมัครทั้งสิ้น 520 ราย แบ่งเป็นตัวแทนในเขต กทม. 460 ราย และนนทบุรีอีก 60 ราย โดยหลังจากนี้คือการคัดเลือกตัวแทน ซึ่งสำนักงานสลากฯ มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการคัดเลือก รวมทั้งมีระบบควบคุมและติดตามการเคลื่อนไหวของตัวแทนผู้ค้าที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการที่ดี
สำหรับโครงการดังกล่าว เป็นการทดลองนำระบบแอปพลิเคชันรับชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้ในการซื้อขายสลาก ส่วนหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาการขายเกินราคา และปัญหาการขายต่อเพื่อทำกำไร โดยเบื้องต้นจะนำร่องใช้กับเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายสลาก 80 บาท ทั้งหมด 56 พื้นที่ แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ 50 แห่ง และนนทบุรีอีก 6 แห่ง โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในงวดวันที่ 1 มิ.ย.2564 โดยผู้ค้าที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการจะได้รับสลากไปขายงวดละ 25 เล่ม โดยมีการทำสัญญาแบบปีต่อปี และต้องขายในราคาไม่เกิน 80 บาท
“โครงการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะมีจุดขายสลากราคา 80 บาทจริงๆ โดยหลังจากเริ่มโครงการประมาณ 3 เดือน ก็จะประเมินความสำเร็จของโครงการ หากพบว่ามันเวิร์ก มันดี สำนักงานสลากฯ ก็พร้อมดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้ในทุกจุดทั่วประเทศ ซึ่งสำนักงานสลากฯ มองว่าตรงนี้จะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยควบคุมราคาสลากได้ แม้ว่าอาจไม่ได้ 100% เพราะต้องใช้หลายๆ วิธีร่วมกัน แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาสำนักงานสลากฯ ไม่ได้อยู่เฉยๆ หรือนิ่งนอนใจกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีการหาวิธีใหม่ ๆ เพื่อเข้ามาช่วยแก้ปัญหา” นายลวรณกล่าว
สำหรับผู้ที่ผ่านมาคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ของโครงการแล้ว จะต้องเข้ามาเรียนรู้เกี่ยวกับระบบในการขาย วิธีการขาย ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นการรับชำระเงินผ่านแอปฯ ซึ่งสำนักงานสลากฯ กำลังพิจารณาว่าจะใช้กับแอปฯ ใดบ้าง แต่หากพูดถึงความพร้อมของแอปฯ เป๋าตัง ก็มีความพร้อม และที่ผ่านมาประชาชนก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี การจำหน่ายสลากโดยการรับ-จ่ายเงินผ่านแอปฯ นี้ จะช่วยให้สำนักงานสลากฯ มีข้อมูลการซื้อขายทั้งหมด สามารถระบุตัวตนผู้ซื้อ-ผู้ขายได้ ขายแล้วมีการนำไปจัดรวมชุดหรือเก็งกำไรต่อหรือไม่ และยังเป็นประโยชน์กับผู้ถูกรางวัลด้วย โดยข้อมูลที่ได้จากโครงการทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ในการประเมินแนวทางในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการขายสลากด้วย
“การแก้ปัญหาการรวมชุดสลากนั้น สำนักงานสลากฯ ได้เร่งดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง มีการจัดสลากแบบ 2-1-1-1 เพื่อให้การรวมชุดทำได้ยากขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ก็ยังมีการรวมชุดอยู่ โดยหลังจากนี้ต้องหาวิธีแก้ปัญหาไปด้วยการทำให้กระบวนการรวมชุดเหล่านั้นทำได้ยากขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ อาจต้องให้เวลาหน่อย แต่การดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการสลาก มากขึ้นนั้น น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่ดี” นายลวรณระบุ.