9 เม.ย.64 - นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ตั้งข้อหาแกนนำไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยและมีหมายเรียกให้ไปรายงานตัววันที่ 15-16 เมษายนนี้นั้น ตนเองและอีกหลายคนยังไม่ได้รับหมายและคงไม่ไปรายงานตัว เพราะการตั้งข้อหาละเมิด พรก.ฉุกเฉินฯ นั้นไม่ถูกต้อง รัฐบาลอ้างว่าผิดคำสั่งประกาศฉบับที่ 5 ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาใน 6 จังหวัด ลงนามโดย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา แต่คำสั่งดังกล่าวเขียนว่า เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นการดำเนินการของทางราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงาน องค์กร ภาคเอกชน หรือหน่วยงานองค์กรอื่นใด ซึ่งมีมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลที่ปลอดภัย
"เราทำตามเงื่อนไขคำสั่งฉบับที่ 5 ทั้งหมด ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงจากสน.ชนะสงครามและเขตพระนครถูกต้องตามกระบวนการ มีการตรวจวัดอุณหภูมิ แจกเจลล้างมือและหน้ากากอนามัยก่อนเข้าร่วมกิจกรรมทุกครั้ง และอนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม ญาติวีรชนก็ใช้จัดกิจกรรมเรื่อยมาโดยการขอสนับสนุนอุปกรณ์จาก กทม. เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ร่วมโดยพฤตินัย ดังนั้น ผมขอเรียกร้องให้มีการยกเลิกประกาศพรก.ฉุกเฉินฯ เพราะรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการห้ามการชุมนุมเท่านั้น ไม่ได้ใช้เพื่อป้องกันโรคระบาดอย่างแท้จริง"
นายเมธา กล่าวว่า ยากถามว่า นายกฯ ประกาศ พรก.ฉุกเฉินฯ มีหนังสือแจ้งไปยังเลขาธิการสหประชาชาติหรือยังตามกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights – ICCPR) ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ เพราะข้อ 4 ของกฎหมายดังกล่าวเขาให้รัฐที่เกิดภาวะฉุกเฉินสาธารณะซึ่งคุกคามความอยู่รอดของชาติและรัฐประกาศสถานการณ์นั้นอย่างเป็นทางการแล้ว รัฐภายใต้ภาคีกติการะหว่างประเทศนี้ต้องใช้สิทธิเลี่ยงกติกาดังกล่าวโดยต้องแจ้งให้รัฐภาคีอื่นทราบโดยทันทีโดยให้เลขาธิการสหประชาชาติเป็นสื่อกลาง ดังนั้นทุกการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐและรัฐบาลถูกจับจ้องจากรัฐภาคีกว่า 172 ประเทศ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนจะถูกตรวจสอบโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ ผู้ไดเผด็จอำนาจเกินกฎหมายนี้ระวังจะถูกปฏิเสธวีซ่าไปทั่วโลก
ทุกวันนี้ที่โควิดระบาดเพราะฝีมือประชาชนหรือรัฐบาลการ์ดตกกันแน่ ระบาดครั้งแรกมาจากสนามมวยทหาร ครั้งที่สองจากบ่อนและการค้าแรงงานข้ามชาติ ครั้งที่สามมาจากคณะรัฐมนตรีเอง รัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไรที่ตนเองไม่สามารถแก้ไขปัญหาภายในได้ จนรัฐบาลเป็นตัวแพร่เชื้อโรคเสียเอง แล้วเอาความผิดมาโยนให้ประชาชนที่หาเช้ากินค่ำต้องรับกรรมจากการบริหารผิดพลาดของนายกรัฐมนตรี
"ผมสงสัยที่ฉีดวัคซีนให้ ครม. ฉีดจริงหรือไม่ หรือแค่ฉีดน้ำเกลือ ทำไมรัฐมนตรีที่ฉีดแล้วถึงติดโควิด การระบาดครั้งนี้มาจากรัฐบาลใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือในการหาผลประโยชน์จากอำนาจมิชอบอย่างชัดเจน การอนุญาตให้เปิดไนท์คลับผับบาร์เกินเวลาล้วนเป็นช่องทางให้ตำรวจเก็บส่วยอย่างเป็นระบบแทบทุกพื้นที่ บางผับต้องจ่ายตำรวจเป็นหลักแสนบาทต่อเดือน เงินสีเทาหมุนเวียนในระบบจำนวนมากและเอามาใช้จ่ายซื้อขายตำแหน่งในฤดูโยกย้ายที่กำลังจะมา ตำแหน่งผู้กำกับก็มีตั้งแต่ 40 ล้าน 30 ล้าน 20 ล้าน และ 10 ล้านตามลำดับ มีการแจกซองในที่ประชุมประจำเดือน ระบบส่วยและหวยบ่อนซ่อง รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยแก้ปัญหาได้เลย เพราะทำเอง"
นายเมธา กล่าวอีกว่า การระบาดของโควิดรอบใหม่เป็นระฆังพักยกช่วยรัฐบาลไปในตัว เพราะภาคประชาชนให้ความร่วมมือเพื่อเอาประโยชน์ของสังคมเป็นตัวตั้ง ดังนั้น รัฐบาลต้องทำเป็นตัวอย่างบ้าง ต้องปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ เอาคนที่ติดโควิดออกไปเพราะไม่รับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ประมาทขาดจริยธรรมร้ายแรงทำให้คนอื่นได้รับผลกระทบวงกว้าง โดยระหว่างที่การระบาดของโควิดยังไม่คลี่คลายนี้ ขบวนการไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน จะจัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบ New Normal Movement เพื่อขับไล่พล.อ.ประยุทธ์และพวก จะมีการจัดเวทีและสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ โดยเน้นข้อมูลการทุจริตประพฤติมิชอบและเนื้อหาเชิงวิชาการ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |