เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 24 พ.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนกลุ่มคนอยากเลือกตั้งจำนวนหลายสิบคนได้เดินทางมาเพื่อรอให้กำลังใจแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่พนักงานสอบสวนจะนำตัวมายื่นฝากขังครั้งแรกต่อศาลในวันนี้ นอกจากนี้ยังมีนางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) เดินทางมาสังเกตการณ์ด้วย ต่อมาในช่วงเวลา 12.30 - 12.40 น. แกนนำและผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมตัวที่ สน.พญาไท และ สน.ดินแดง ได้ถูกคุมตัวเดินทางมาถึง โดยมวลชนได้นำดอกกุหลาบมามอบให้และส่งเสียงให้กำลังใจ ขณะที่พนักงานสอบสวนได้คุมตัวแกนนำและผู้ชุมนุมดังกล่าวมายังห้องเวรชี้และห้องคุมขังนั้น นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งหนึ่งในผู้ต้องหา ก็ชูสัญลักษณ์สามนิ้วพร้อมตะโกนว่า "เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ" ตลอด แต่ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับมวลชนว่าผู้ต้องหาไม่สามารถรับมอบดอกกุหลาบเข้าไปในห้องคุมขังได้

ก่อนหน้านี้ นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ในขั้นตอนแรกเราจะยังไม่ขอประกันกันตัวในชั้นศาล เนื่องจากต้องรอฟังคำสั่งศาลจากที่ค้านการฝากขังไปก่อน ซึ่งศาลอาจมีคำสั่งให้ปล่อยตัวทั้งหมดในวันนี้เลย หรือศาลอาจให้ประกันตัว แต่คาดว่าศาลจะบรรเทาโทษโดยให้พิจารณาประกัน โดยใช้หลักทรัพย์เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะทนายความจะยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขังแกนนำทั้งหมดต่อศาล เนื่องจากเห็นว่าพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจควบคุมตัวแกนนำทั้งหมด และไม่มีเหตุพอที่จะให้ศาลควบคุมตัวไว้ เพราะแกนนำเป็นนักศึกษา อีกทั้งบางคนก็มีอาชีพการงานไม่มีพฤติกรรมหลบหนี อีกทั้งเป็นฝ่ายมอบตัว ส่วนบางข้อหาก็ร้ายแรงเกินจากความเป็นจริง เชื่อว่าศาลจะให้ความเป็นธรรม โดยเปิดการไต่สวนในช่วงบ่าย

ส่วนกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะนำเงิน 1,500,000 บาทมาขอประกันตัวแกนนำทั้งหมดนั้น นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ตนในฐานะทนายความต้องขอบคุณอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในน้ำใจที่มีให้ ส่วนข้อหาทั้ง 7 ที่ถูกพนักงานสอบสวนแจ้งนั้น โทษสูงสุดคือมาตรา 116 ยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง มีอัตราโทษสูงสุดจำคุก 7 ปี    

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับแกนนำและผู้ชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้งซึ่งเป็นผู้ต้องหาทั้ง 15 คน ถูกดำเนินคดีเบื้องต้นทราบว่ามี 6 ข้อหา ประกอบด้วย  ฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป, ฐานยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 116, ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 215, ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานตามมาตรประมวลกฎหมายอาญามาตรา 216, พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ