กรมประชาสัมพันธ์ / ‘เสธ.ไก่อู’ นำทัพทีมประชาสัมพันธ์ลงพื้นที่ชุมชนริมคลองลาดพร้าวสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านรุกล้ำคลองเพื่อให้เข้าร่วมโครงการ โดยรื้อย้ายบ้านเรือนเพื่อเปิดพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ ขณะที่ พอช.สนับสนุนงบช่วยเหลือและสินเชื่อระยะยาวดอกเบี้ยต่ำเพื่อสร้างบ้านใหม่ และจะจัดกิจกรรม On Ground ‘คืนความสุขให้คนคลอง’ เสาร์ที่ 2 มิ.ย.นี้ ยืนยันหากยังไม่เข้าร่วมจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเพราะปลูกสร้างบ้านรุกล้ำคลอง
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายพัฒนาพื้นที่ริมคลองลาดพร้าว โดยมอบหมายให้กรุงเทพมหานครรับผิดชอบการสร้างเขื่อนระบายน้ำคอนกรีตเพื่อป้องกันน้ำท่วมในคลองลาดพร้าวระยะทาง (ทั้งสองฝั่ง) 45.3 กิโลเมตร และให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ จัดทำแผนงานรองรับชาวชุมชนที่ต้องรื้อย้ายบ้านออกจากแนวก่อสร้างเขื่อนฯ รวม 50 ชุมชน จำนวน 7,069 ครัวเรือน เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวน 5,101 ครัวเรือน ยังไม่เข้าร่วม 1,740 ครัวเรือน ทำให้โครงการดังกล่าวยังไม่เป็นไปตามแผนงาน เนื่องจากยังมีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ทำให้การก่อสร้างเขื่อนและบ้านมีความล่าช้า ดังนั้นพลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด ‘เสธ.ไก่อู’ ในฐานะอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์จึงเตรียมแผนงานเพื่อลงพื้นที่สร้างความเข้าใจกับชาวชุมชนริมคลอง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา กรมประชาสัมพันธ์ได้จัดเวทีทำความเข้าใจเพื่อสร้างการรับรู้การแก้ไขปัญหาและจัดระเบียบชุมชนที่รุกล้ำริมคลองลาดพร้าวที่ห้องประชุมกรมประชาสัมพันธ์ เขตพญาไท กรุงเทพฯ โดยมีพลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และนายธนัช นฤพรพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ พอช. ร่วมชี้แจงแนวทางการประชาสัมพันธ์ มีผู้เข้าร่วมประมาณ 200 คน ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขต สำนักการระบายน้ำ กทม. ตำรวจ ทหาร นักศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) เจ้าหน้าที่ พอช. และผู้นำชุมชนริมคลอง
พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีนักการเมืองบางคนไปบอกกับชาวบ้านชุมชนริมคลองลาดพร้าวว่า คนที่สร้างบ้านเรือนบุกรุกแม่น้ำเจ้าพระยาได้รับเงินชดเชยจาก กทม.รายละ 1 แสนกว่าบาท แต่คนที่อยู่ริมคลองไม่ได้รับเงินชดเชย ถือว่าเป็นความเหลื่อมล้ำ แต่ข้อเท็จจริงคนที่บุกรุกแม่น้ำเจ้าพระยามีประมาณร้อยกว่าราย ส่วนชุมชนริมคลองมีการบุกรุกกว่า 1,600 คลอง มีผู้บุกรุกกว่า 30,000 ครอบครัว หากจะจ่ายชดเชยต้องใช้เงินกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาล
“เดิมพื้นที่ริมคลองเป็นที่ดินราชพัสดุ ไม่อนุญาตให้ใครอยู่อาศัย แต่ตอนนี้รัฐบาลจะให้ประชาชนอยู่อย่างถูกกฎหมาย เสียค่าเช่าประมาณปีละ 100 บาท และมีเงินช่วยเหลือครอบครัวละ 147,000 บาท เพื่อใช้ในการรื้อย้าย สร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราว เป็นค่าเดินทางไปทำงาน และสร้างบ้านใหม่ โดยมีสินเชื่อให้กู้รายละ 330,000-360,000 บาท และผ่อนเดือนละ 1,000-3,000 บาทต่อเดือน เพื่อให้ประชาชนมีบ้านใหม่ที่สวยงาม เป็นการสร้างอนาคตให้ลูกหลาน แต่ผู้ที่จะได้รับการช่วยเหลือก็จะต้องเข้าร่วมโครงการ หากไม่เข้าร่วมก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย และจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย” พลโทสรรเสริญกล่าว
นายธนัช นฤพรพงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่ริมคลองลาดพร้าว เป็นการดำเนินงานตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2555 เรื่องการบริหารจัดการสิ่งรุกล้ำลำน้ำสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 เนื่องจากมีประชาชนปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลำคลองในกรุงเทพฯ จำนวนมาก ทำให้การระบายน้ำในคลองไม่มีประสิทธิภาพ แต่รัฐบาลในขณะนั้นยังไม่ได้ดำเนินการ เมื่อรัฐบาล คสช.เข้ามาบริหารประเทศจึงนำแผนงานการจัดระเบียบชุมชนริมคลองมาดำเนินการต่อ โดยให้ฝ่ายความมั่นคงแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเจรจากับประชาชน ขณะที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดย พอช.จัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชน
ตามแผนงานรองรับชาวชุมชนที่ต้องรื้อย้ายบ้านออกจากแนวก่อสร้างเขื่อนฯ รวมทั้งหมด 50 ชุมชน จำนวน 7,069 ครัวเรือน ดำเนินการใน 8 เขต คือ วังทองหลาง ห้วยขวาง ลาดพร้าว จตุจักร บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง และสายไหม เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2559 โดยมี 42 ชุมชนที่อยู่อาศัยในที่ดินเดิมได้หลังจากที่รื้อย้ายบ้านออกจากแนวเขื่อน ส่วนอีก 8 ชุมชนมีพื้นที่ไม่พอเพียงจึงต้องจัดซื้อที่ดินใหม่ ขณะนี้ก่อสร้างบ้านแล้ว 29 ชุมชน รวม 2,635 ครัวเรือน คิดเป็น 37.28 % และมีเป้าหมายจะก่อสร้างบ้านให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2561 จำนวน 27 โครงการ รวม 1,660 ครัวเรือน ส่วนที่เหลือจะดำเนินการต่อไป
ส่วนกระบวนการสร้างบ้านนั้น พอช.ใช้หลักการทำงานของโครงการ ‘บ้านมั่นคง’ ซึ่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้แก่คนจนมาตั้งแต่ปี 2546 โดยใช้กระบวนการ 11 ขั้นตอน เช่น การสร้างความเข้าใจกับชุมชน การสำรวจข้อมูลครัวเรือน การจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์และสหกรณ์ขึ้นมาเพื่อบริหารโครงการ การวางแผนรื้อ-ก่อสร้างบ้าน ออกแบบผังชุมชน-ออกแบบบ้าน การก่อสร้าง การพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชน ฯลฯ
ทั้งนี้หลักการสำคัญในการรองรับที่อยู่อาศัยของชาวชุมชนริมคลอง คือ 1. หากชุมชนใดสามารถอยู่ในที่ดินเดิมได้ (หลังจากสำรวจและวัดแนวเขตว่าพ้นจากแนวเขื่อนฯ แล้ว) จะต้องทำสัญญาเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ ระยะเวลาช่วงแรก 30 ปี (สามารถต่อสัญญาได้ครั้งละ 30 ปี) อัตราค่าเช่าประมาณ 1.25 - 4 บาท/ตารางวา/เดือน) และเนื่องจากพื้นที่ชุมชนริมคลองมีจำกัด ดังนั้นครอบครัวใดที่เคยครอบครองที่ดินมากก็จะต้องเสียสละแบ่งปันที่ดินให้ครอบครัวอื่นๆ ได้อยู่อาศัยร่วมกัน โดยการแบ่งที่ดินให้แต่ละครอบครัวเท่ากัน ขนาดบ้านประมาณ 4x6 - 4x8 ตารางเมตร มีทั้งบ้านชั้นเดียวและ 2 ชั้น
โดย พอช.จะสนับสนุนเรื่องสินเชื่อไม่เกิน 330,000 บาท/ครัวเรือน ระยะเวลาผ่อน 20 ปี ดอกเบี้ยร้อยละ 4 บาทต่อปี รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณสร้างสาธารณูปโภคครัวเรือนละ 75,000 บาท เงินอุดหนุนและช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบครัวเรือนละ 72,000 บาท
2. หากชุมชนใดมีพื้นที่ไม่เพียงพอ ชาวบ้านอาจจะรวมตัวกันไปหาที่ดินแปลงใหม่ที่อยู่ไม่ไกลจากชุมชนเดิม เพื่อความสะดวกในการประกอบอาชีพ การเดินทาง สถานศึกษา เช่น ที่ดินของบรรษัทสินทรัพย์ในสังกัดกระทรวงการคลัง หรือที่ดินเอกชน โดย พอช.จะให้การสนับสนุนสินเชื่อครัวเรือนละไม่เกิน 360,000 บาท และช่วยเหลือเหมือนกับข้อ 1
3.หากไม่มีที่ดินที่เหมาะสม พอช.จะประสานกับการเคหะแห่งชาติเพื่อหาที่อยู่อาศัยรองรับชาวชุมชน เช่น โครง การบ้านเอื้ออาทร แฟลตการเคหะ ฯลฯ
สำหรับชาวชุมชนที่ไม่มีรายได้ ผู้ด้อยโอกาส หรือผู้สูงอายุ ที่ไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระเพื่อก่อสร้างบ้านใหม่นั้น นายธนัชกล่าวว่า ที่ผ่านมามีหลายชุมชนที่ชาวบ้านร่วมกันลงขันครัวเรือนละ 1,000 บาท เพื่อก่อสร้างบ้านกลางให้เป็นที่อยู่อาศัยของผู้ด้อยโอกาส เช่น ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ ชุมชน กสบ.หมู่ 5 เขตสายไหม ฯลฯ
“ดังนั้นหากชุมชนใดมีผู้ด้อยโอกาสก็จะต้องปรึกษาหารือกันว่าจะช่วยเหลือกันอย่างไร ส่วน พอช.ก็จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เช่น อาจจะประสานหน่วยงานหรือบริษัทต่างๆ ที่มีกิจกรรม CSR หรือคืนกำไรสู่สังคมเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสเหล่านี้ ตามหลักการของกระทรวง พม.และ พอช. คือ ‘เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ ยิ่งจน ยิ่งเดือดร้อน เราก็จะต้องช่วยเหลือ” นายธนัชกล่าว
บ้านริมคลองชุมชนหลัง ว.ค.จันทรเกษม เขตจตุจักร สร้างเสร็จแล้ว
สำหรับผู้ที่ยังไม่ให้ความร่วมมือและไม่เข้าร่วมโครงการรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวคลองเพื่อเปิดพื้นที่ให้การ ก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำและก่อสร้างบ้านใหม่นั้น มีทั้งหมด 1,740 ครัวเรือน เจ้าหน้าที่ชุดมวลชนสัมพันธ์และผู้นำชุมชนเข้าเจรจาเป็นรายครัวเรือน ทำให้มีผู้เปลี่ยนใจเข้าร่วมรวม 55 ราย ส่วนผู้ที่เป็นแกนนำขัดขวางการดำเนินงาน เนื่องจากมีผลประโยชน์ เช่น เป็นเจ้าของบ้านเช่า หอพัก ร้านค้า ร้านอาหาร ฯลฯ กรมธนารักษ์ในฐานะเจ้าของที่ดินราชพัสดุได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว 73 ราย ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9 โดยการเข้าไปยึดถือครองที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน เช่น ที่ริมตลิ่ง ทางน้ำ คลอง ฯลฯ ซึ่งมีโทษตามกฎหมายที่ดินและกฎหมายอาญา มีอัตราโทษจำคุก 3 - 5 ปี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการในชั้นอัยการ
ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม ระยะทาง 2 ฝั่ง รวม 45.3 กิโลเมตรนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าประมาณ 35.15 % โดยบริษัทรับเหมาตอกเสาเข็มเพื่อเป็นรากฐานเขื่อนไปแล้วเป็นระยะทาง 15.85 กิโลเมตร จำนวนเสาเข็มที่ตอกแล้ว 21,091 ต้น จากจำนวน เสาเข็มทั้งหมดประมาณ 60,000 ต้น
พลโทสรรเสริญกล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากจัดเวทีสร้างความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่สำนักงานเขต กทม. และนักศึกษาจาก มศว.ที่มีจิตอาสาแล้ว ในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดประมาณ 100 คน จะลงพื้นที่ชุมชนรุ่นใหม่พัฒนา เขตบางเขน และชุมชนชายคลองบางบัว เขตหลักสี่ เพื่อชี้แจงสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้เห็นประโยชน์และความสำคัญของการพัฒนาคลองลาดพร้าว นอกจากนี้ก็จะเชิญชวนให้ชาวชุมชนต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรม ‘คืนความสุขให้คนคลอง คืนสายคลองให้คนเมือง’ ที่จะจัดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ที่ชุมชนรุ่นใหม่พัฒนาด้วย
โดยจะมีกิจกรรมตั้งแต่เวลา 16.00-18.30 น. เช่น ดนตรีกลางคลอง มีศิลปินแห่งชาติ ‘แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์’ วงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์แสดงบนแพลากจูง เรือตรวจเยี่ยมโครงการจากวัดบางบัว-ชุมชนรุ่นใหม่พัฒนา มีผู้ว่า กทม. กรมประชาสัมพันธ์ ผู้บริหาร พอช. ผู้แทน คสช. ตำรวจ ฯลฯ เข้าร่วม มีการแสดงต่างๆ การออกร้านจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด เวทีเสวนา การแข่งขันพายเรือหรรษา ร่วมรับประทานอาหารเย็น ฯลฯ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 1,000 คน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |