ศาลสั่งคุก 8 เดือน ปรับ 6 หมื่น "ปารีณา" โพสต์หมิ่น "ช่อ" ลงใต้เอี่ยวบึ้มกรุง รอลงอาญา 2 ปี “ธรรมนัส” ลุ้น 5 พ.ค.นี้ ศาล รธน.นัดชี้ชะตาสถานะ รมต.-ส.ส. ปมต้องคำพิพากษาคดีค้ายาออสเตรเลีย ศาลรับคำร้อง กกต.สั่ง 5 ส.ส.กปปส.หยุดปฏิบัติหน้าที่ อุทธรณ์จำคุก ส.ส.ขอนแก่นเพื่อไทยย้าย ผอ.โรงเรียนมิชอบ
เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2564 ที่ห้องพิจารณา 806 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2043/2562 ที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือช่อ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า อดีต ส.ส.และอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 กรณีเมื่อวันที่ 4 ส.ค.2562 จำเลยได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวหาใส่ร้ายทำนองว่า น.ส.พรรณิการ์ โจทก์ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (ขณะนั้น) มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเหตุระเบิดในหลายพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งล้วนเป็นข้อความอันเป็นเท็จ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่า จำเลยเป็นผู้ใช้งานบัญชีเฟซบุ๊กที่โจทก์ฟ้องคดีนี้หรือไม่ โดยจำเลยปฏิเสธว่าบัญชีดังกล่าวเป็นเฟซบุ๊กปลอม ภายหลังจากที่โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้ เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความยืนยันสอดคล้องกันว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้จำเลยเคยถ่ายทอดสดโดยปรากฏใบหน้าจำเลยผ่านบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้ อีกทั้งพยานโจทก์ซึ่งเป็นสื่อมวลชนเบิกความว่า ภายหลังเกิดเหตุโจทก์แถลงข่าวเกี่ยวกับคดีนี้ จำเลยก็มีได้ปฏิเสธว่าบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวมิใช่เฟซบุ๊กของจำเลยแต่อย่างใด เพียงแต่ออกมาปฏิเสธภายหลังเมื่อโจทก์ฟ้องเป็นคดีนี้แล้ว
มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามฟ้องหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้งานบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ "ปารีณา ไกรคุปต์" นั้น เห็นว่า การที่จำเลยโพสต์ข้อความดังกล่าวประกอบกับรูปภาพของโจทก์และรูปภาพของผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุวางระเบิดในกรุงเทพฯ ย่อมทำให้บุคคลทั่วไปที่ได้อ่านข้อความและดูรูปภาพประกอบกันแล้ว เข้าใจได้ทันทีว่าโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์วางระเบิดในกรุงเทพมหานคร โจทก์เป็นผู้จ้างวานให้มีการวางระเบิด ถือเป็นการใส่ความโจทก์ว่าเป็นคนไม่ดีต่อบุคคลที่สาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะเกิดเหตุ โจทก์ดำรงตำแหน่ง ส.ส.ฝ่ายค้าน ส่วนจำเลยดำรงตำแหน่ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล
การที่จำเลยใส่ความโจทก์ดังที่กล่าว เพื่อมุ่งประสงค์ให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง และภายหลังเผยแพร่ข้อความดังกล่าวแล้ว จำเลยก็ไม่ได้วิเคราะห์หรืออธิบายข้อเท็จจริงในเฟซบุ๊กของจำเลยให้ประชาชนได้ทราบว่าโจทก์เกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์วางระเบิดอย่างไร จึงมิใช่การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความชอบธรรม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท เมื่อจำเลยโพสต์ข้อความและรูปภาพดังกล่าวผ่านบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กของจำเลย โดยตั้งค่าการเข้าถึงแบบสาธารณะ ย่อมทำให้ประชาชนหรือบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โพสต์ดังกล่าวได้อย่างไม่จำกัด เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า โพสต์ดังกล่าวมีผู้กดถูกใจ 498 ครั้ง กดแชร์โพสต์ถึง 263 ครั้ง จึงถือได้ว่าเป็นการกระจายข่าวสู่สาธารณชนในลักษณะแพร่หลายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ประกอบมาตรา 326 จำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท ทางนำสืบจำเลยให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 66,666 บาท ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
ต่อมาภายหลังฟังคำพิพากษา น.ส.ปารีณา จำเลย จ่ายเงินค่าปรับ จำนวน 66,666 บาทต่อศาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเดินทางกลับทันทีโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคดีที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของ ส.ส. 51 คน ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) และความเป็นรัฐมนตรีของ ร.อ.ธรรมนัสสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 17 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (6) และมาตรา 98 (10) หรือไม่ จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายอันถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้าซึ่งยาเสพติด แม้จะเป็นคำพิพากษาของศาลต่างประเทศ ซึ่งศาลได้ให้ ร.อ.ธรรมนัสได้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา รวมทั้งมีหนังสือเรียกเอกสารหลักฐานจากคู่กรณีและกระทรวงการต่างประเทศแล้ว โดยจากการอภิปราย ศาลเห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติ และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในวันพุธที่ 5 พ.ค. เวลา 15.00 น.
ศาลรัฐธรรมนูญยังมีคำสั่งรับคำร้องกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสี่ ว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อดีต รมว.ศึกษาธิการ และนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา อดีต รมช.คมนาคม, นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (4) (6) จากเหตุต้องคำพิพากษาศาลอาญาจำคุกในคดีชุมนุม กปปส.ปี 2557 ไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ กกต.ทราบ พร้อมส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องทั้ง 5 ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้บุคคลทั้ง 5 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และแจ้งให้ กกต. และประธานสภาผู้แทนราษฎรทราบ
อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับวินิจฉัยในประเด็นที่ กกต.ขอให้วินิจฉัยว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายพุทธิพงษ์ นายณัฏฐพล และนายถาวร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ โดยเมื่อวันที่ 22 มี.ค. มีพระบรมราชโองการประกาศให้ทั้ง 3 คนพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีแล้ว
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 จ.ขอนแก่น ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีหมายเลขดำที่ อท.5/2562 คดีหมายเลขแดงที่ 24/2563 ระหว่างนายมีศิลป์ ชินภักดี โจทก์ กับนายกิตติ บุญเชิด จำเลยที่ 1 กับพวก รวม 11 คน โดยมีนายบัลลังก์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยที่ 4 ปฏิบัติหน้าที่กรรมการประเมินศักยภาพผู้ขอย้าย/กรรมการกลั่นกรองการย้าย และ อ.ก.ค.ศ. สพม.25 ขอนแก่น โดยมิชอบ กรณีโจทก์ยื่นคำร้องขอย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน เมื่อปี 2558 ซึ่งศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน นายกิตติ บุญเชิด กับพวก รวมถึงนายบัลลังก์ โดยไม่รอลงอาญา.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |