“ออมสิน-อุดมเดช” พร้อมนั่งกุนซือ “บิ๊กตู่” เผยมีการทาบทามก่อนพ้นเก้าอี้แล้วให้มาใช้ประสบการณ์เร่งงาน อุดช่องโหว่ "อีสานโพล" เผยความเชื่อมั่นเศรษฐกิจทรุดต่อเนื่อง รัฐบาลสอบตกได้แค่ 46.9 

    เมื่อวันศุกร์ นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษของนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 11/2561 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามเมื่อวันที่ 10 ม.ค. โดยมี 8 อดีตรัฐมนตรีเป็นกรรมการ และ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร อดีตรองนายกฯ เป็นประธาน ว่าไม่มีปัญหา พร้อมช่วยงานนายกฯ ช่วยงานบ้านเมืองอยู่แล้ว อย่างที่เคยบอกไว้ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถช่วยงานบ้านเมืองได้ แต่ทั้งหลายทั้งมวลเรื่องของรูปแบบการทำงานของคณะกรรมการฯ คงต้องรอฟัง พล.อ.ธนะศักดิ์ 
    ด้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต รมช.กลาโหม ในฐานะกรรมการที่ปรึกษา กล่าวว่า นายกฯ ต้องการให้ช่วยเป็นคลังสมอง มีข้อคิดอะไรก็รวบรวมความเห็นและเสนอแนะ แต่คงไม่ได้หมายความว่าเป็นช่วงสุดท้ายแล้วต้องเร่งการทำงาน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งใจทำงานมาตั้งแต่ต้นแล้ว เสมอต้นเสมอปลาย เร่งการทำงานมาตลอด แต่คงเห็นว่าทีมงานที่เคยทำงานร่วมกันมามีประสบการณ์ที่ดี เพื่อช่วยให้ข้อคิดเห็น โดยนายกฯ ตั้งใจทำงานตามโรดแมปอยู่แล้ว และการทำงานรัฐบาลทุกเรื่องเป็นเรื่องที่ต้องเร่งการทำงาน ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ มั่นคง สังคม คงไม่ได้มุ่งไปเรื่องไหนเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ  
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ความจริงได้ทาบทามมาระยะหนึ่งแล้ว ตั้งแต่พ้นการเป็นรัฐมนตรี ได้พูดกันแล้วว่าถึงแม้จะพ้นตำแหน่ง แต่ยังต้องช่วยงานกันเหมือนเดิม โดย พล.อ.ธนะศักดิ์คงได้เรียกประชุมทำความเข้าใจจะช่วยรัฐบาลได้อย่างไรตามคำสั่งที่ออกมา ซึ่งเชื่อว่าคณะกรรมการที่ปรึกษาฯ ชุดนี้น่ามีประโยชน์บ้าง ด้วยประสบการณ์ที่แต่ละท่านมีในแต่ละด้าน รวมถึงการอุดช่องโหว่  
"ท่านนายกฯ คงเสียดายคนมีประสบการณ์ อยากให้ช่วยกันทาบทามมานานแล้ว จริงๆ ท่านบอกก่อนจะพ้นตำแหน่งอย่างที่มีข่าวว่าแต่ละคนรู้ตัวหมดแล้ว ท่านนายกฯ พูดไว้แต่แรกแล้วว่าใช่ว่าพ้นแล้ว หมายความว่าทุกอย่างต้องจบ จะแต่งตั้งให้ช่วยกันใช้สมอง ใช้ประสบการณ์ พอพ้นจากตำแหน่งทางผู้ใหญ่ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ถามมาและพูดรายละเอียดหน้าที่ช่วยกันอย่างไร ถือว่าเรายินดีมาตั้งแต่ต้นก่อนพ้น คุยกันรู้เรื่องแล้วไม่มีอะไร" พล.อ.อุดมเดชกล่าว
วันเดียวกัน อีสานโพล โดยศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่องดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจอีสานไตรมาส 4/2560 จากการสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,041 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด พบว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจอีสานในไตรมาสที่ 4/2560 ต่ำกว่าร้อย หรือความเชื่อมั่นแย่ลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่แล้ว และมีแนวโน้มแย่ลงในไตรมาส 1/2561 เนื่องจากเศรษฐกิจฐานล่างยังไม่ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของเศรษฐกิจภาพรวม ส่งผลคะแนนประเมินผลงานรัฐบาลทั้งด้านเศรษฐกิจและภาพรวมต่ำกว่าครึ่ง
    ผศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล เผยว่า ดัชนีเศรษฐกิจและการค้าของจังหวัดในไตรมาสที่ 4 ของปี 2560 อยู่ที่ 79.1 ลดลงจาก 3 ไตรมาสแรกอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับรายได้ครัวเรือน ก็พบว่าลดลงเหลือ 82.5 ขณะที่ดัชนีสภาพคล่องการเงินครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 เป็น 81.7 แต่ยังต่ำกว่าไตรมาสที่ 1 และ 2 บ่งชี้ว่าในภาพรวมสภาพคล่องการเงินครัวเรือนไตรมาส 4 แย่กว่าไตรมาสที่แล้ว ส่วนการใช้จ่ายเพื่ออุปโภคและบริโภคของครัวเรือนเพิ่มขึ้นเป็น 98.2 แต่ก็ยังต่ำกว่าไตรมาสที่ 1 และ 2 เล็กน้อย หมายความว่าการใช้จ่ายในไตรมาส 4 ลดลงเล็กน้อย หรือพอๆ กับไตรมาสที่แล้ว ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจอีสานก็เพิ่มขึ้นเป็น 85.4 แต่ก็ยังน้อยกว่า ไตรมาสที่ 1-2 เช่นกัน หมายความว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจอีสานลดลงจากไตรมาสที่แล้ว 
    สำหรับการประมวลผลดัชนีต่างๆ นั้น มีค่าระหว่าง 0-200 ถ้าค่าดัชนีต่ำกว่า 100 คือแย่ลงหรือลดลง, เท่ากับ 100 คือทรงตัวหรือเท่าเดิม และมากกว่า 100 คือดีขึ้นหรือเพิ่มขึ้น 
    เมื่อให้กลุ่มตัวอย่างประเมินผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า ได้คะแนน 46.9 เต็ม 100 ขณะที่ผลงานโดยรวมของรัฐบาลในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้คะแนน 46.8 เต็ม 100 นอกจากนั้นยังได้สอบถามถึงปัญหาเร่งด่วนที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ พบว่า ส่วนใหญ่แก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ โดยเฉพาะปัญหาของราคาผลผลิตทางการเกษตร รองลงมาอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาความยากจน ตามมาด้วยการลดค่าครองชีพ เพิ่มค่าแรงรายวัน พัฒนาคุณภาพการศึกษา ให้ทุนการศึกษาเด็กยากจนให้ทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม สร้างความปรองดองในชาติ และสร้างถนนเข้าหมู่บ้านให้ทั่วถึงสะดวกสบาย.