7 เม.ย.64 - เวลา 15.00น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การณ์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ว่า การระบาดรอบนี้ เชื้อได้กระจายไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย เหมือนสะเก็ดไฟ มาตรการในขณะนี้คือ หากพบผู้ติดเชื้อจะต้องตรวจค้นหาเชิงรุก และติดตามผู้สัมผัส เพื่อกักตัวไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย รวมถึงปิดสถานที่ซึ่งเป็นจุดกำเนิดเชื้อ ส่วนในกรุงเทพฯ พบการระบาดระลอกใหม่ใน 2 จุดคือ การตรวจพบเชื้อในสถานกักกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และอีกกลุ่มที่กำลังเพิ่มขึ้น คือ ผู้ที่ทำงานในสถานบันเทิง นักเที่ยว นักดนตรี ซึ่งมีพฤติกรรมการเดินทางไปเที่ยวในผับหลายแห่ง

นพ.โอภาส กล่าวว่า ในช่วงสงกรานต์ก็จะเป็นอีกช่วงหนึ่งที่จะมีการเดินทาง เชื่อว่าหากไม่มีมาตรการที่ดีพอ เชื้ออาจจะกระจายไปทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ทั้งนี้ ตนขอเสนอแบบจำลองโมเดลในช่วงสงกรานต์ ซึ่งเป็นการศึกษาจากปีที่แล้ว ซึ่งการระบาดคล้ายกับครั้งนี้มากคือ เริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค. ก่อนเม.ย. ซึ่งพบผู้ป่วยมากขึ้น ซึ่งเราคาดการณ์ว่า ทุกคนจะมีกิจกรรม รวมถึงการเดินทางที่มากขึ้น ดังนั้นจากสมมติฐานคือ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่จะมีการพบปะผู้คนเพิ่มมากกว่าภาวะปกติ 2, 4, 6, 8 เท่า และกรณีที่เป็นการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ การแพร่เชื้อจะเร็วขึ้นกว่าปกติ 1.7 เท่า ซึ่งอาจพบผู้ติดเชื้อได้วันละ 1,000 คน และหากไม่มีการควบคุม หยุดยั้ง หรือพยายามทำให้กิจกรรมต่างๆลดลง แต่ละวันอาจพบผู้ป่วยวันละหลายพันคน หรือหลายหมื่นคนได้

"สรุปคือ ในช่วงสงกรานต์ หากยังมีกิจกรรมของผู้คน หรือการเดินทางข้ามจังหวัดมากขึ้น อาจส่งผลให้มีผู้แพร่เชื้อโควิดเพิ่ม 1.3-100 เท่า โดยเฉพาะ ถ้าไม่มีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ และเชื้อกลายพันธุ์ UK Variant หรือสายพันธุ์อังกฤษ ทำให้เกิดการแพร่เชื้อมากขึ้น 1.7 เท่า หากไม่ช่วยกันป้องกัน ก็จะทำให้เชื้อแพร่ไปทั่วประเทศ ส่งผลให้เกิดผู้ป่วยจำนวนมาก” นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส ยังกล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการแบ่งจังหวัดเสี่ยงสีแดงเบื้องต้น 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และ นครปฐม ตามที่เสนอเข้า ศบค.ชุดเล็กเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ยืนยันว่า ศบค.ชุดเล็กไม่ได้มีการปัดตก แต่ให้กระทรวงสาธารณสุข กับกระทรวงมหาดไทย (มท.) หารือกันเพิ่มเติม เพื่อจัดแบ่งให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภายใน 2 วัน อย่างไรก็ตาม มีการหารือและเห็นตรงกันในเบื้องต้น อาจจะมีการประกาศพื้นที่สีแดงเพิ่มมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะขณะนี้พบการระบาดมากขึ้นในหลายจังหวัด รวมถึงอาจจะมีข้อเสนอให้ปิดผับ บาร์ ด้วย แต่ต้องนำหารือกับกระทรวงมหาดไทยก่อน

อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน 7 เม.ย.ว่าที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กเห็นว่า ตามมาตรการเดิมได้ให้อำนาจกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยในการหาข้อสรุปที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาด ดังนั้น จะยังไม่มีการปรับพื้นที่หรือปรับสี ขอให้ทั้งสองกระทรวงหารือในรายละเอียดกันก่อน ซึ่งจะมีการหารือกันใน 1-2 วันนี้