6 เม.ย.64 - จากกรณี น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ “พิมรี่พาย” แม่ค้าขายของออนไลน์ชื่อดัง ลงพื้นที่หาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งให้กับชาว ต.ดู่ลาด อ.ทรายมูล จ.ยโสธร ด้วยการใช้เงินส่วนตัว จำนวน 190,000 บาท ขุดเจาะบาดาลที่ความลึก 40 เมตร ก็ได้น้ำมาให้ชาวบ้านได้ใช้ สร้างความดีใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก แต่ต่อมาโลกโซเชียลได้นำผลงานของพิมรี่พาย ไปเปรียบเทียบกับผลงานและงบประมาณที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ใช้งบประมาณในการขุดเจาะบาดาลแต่ละบ่อกว่า 1 ล้านบาท จากนั้นโลกโซเชียลได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกับงบที่พิมรี่พาย ใช้จ่ายในการเจาะบาดาล ที่มีราคาห่างกันหลายเท่าตัว
ต่อมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการขุดเจาะบาดาล ที่มีราคาแตกต่างกันว่า เรื่องของราคาแพงหรือไม่แพง ขึ้นอยู่กับความลึกของบ่อน้ำบาดาล ถ้าขุดลึกก็ต้องใช้เงินแพง แต่ถ้าตื้นก็ใช้เงินถูก แต่ละบ่อจะเท่ากันได้อย่างไร บ่อหรือบึงบางครั้งลึก 300-400 เมตร จะไปขุด 30 เมตร ก็ไม่ได้ และท่อที่ใส่ลงไปก็ไม่เหมือนกัน ยืนยันว่า เรื่องราคาสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา การดำเนินการทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ไม่ว่าหน่วยงานไหนก็ตาม
ในที่สุด พิมรี่พาย ได้ออกมากล่าวผ่านไลฟ์ขณะขายของ ว่า “เวลาที่ทำบุญทีไรต้องมีดรามาทุกที แต่ก็นับเป็นเรื่องที่ดีที่สังคมพูดถึงความแคลงใจ เมื่อก่อนนั้นประชาชนไม่มีสิทธิ์รับรู้ว่าเอาเงินส่วนกลางไปทำอะไรบ้าง แต่ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไป ประชาชนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น ต้องการทราบงบส่วนกลางทำอะไรได้บ้าง ก็ดีแล้ว พอมีดรามาหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ต้องออกมาชี้แจง ในโลกนี้มีแต่คนเก่งขึ้นทุกวันจนไม่มีที่ให้คนโง่ยืนเลย แต่โลกนี้ขาดอยู่อย่างเดียว คือ คนที่พยายามเข้าใจคนอื่น หลังจากนี้ ตนจะคิดหน้าคิดหลังให้ดีว่าสิ่งที่ทำจะกระทบกับใครบ้าง ตอนขุดบ่อบาดาลตนก็คิดว่า ไม่น่าจะกระทบกับใคร เพราะใช้โซลาร์เซลล์ ทำทิ้งเอาไว้ ถ้าเขาใช้ก็ใช้ ถ้าเจอสิ่งที่ดีกว่า ก็ไปใช้สิ่งที่ดีกว่าแค่นั้น ส่วนบ่อบาดาลที่ไม่ได้ขุดลึก “เพราะกลัวเจอนรกค่ะ” โดยทั้งหมดกลายเป็นกระแสดรามาเกิดขึ้นในปัจจุบัน
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ ที่วัดพะยอมงาม หมู่ 12 ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ประชาชนจากทั้ง 21 หมู่บ้าน หลายร้อยคน นำโดยนายสิริพงศ์ สืบเนียม อดีตนายกเทศมนตรีตำบลห้วยกระเจา นายพัชรพล สืบดา กำนันตำบลห้วยกระเจา รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านจากหมู่บ้านต่างๆ เดินทางมารวมตัวพร้อมชูป้ายให้กำลังใจแก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) รวมทั้งนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เจ้าหน้าที่สำนักทรัพยากรน้ำบาดาลเขต 2 (สุพรรณบุรี) ที่สามารถดำเนินการขุดเจาะสำรวจเพื่อหาแหล่งน้ำบาดาลมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้งซ้ำซากในพื้นที่ตำบลห้วยกระเจา ตาม“โครงการศึกษา สำรวจ และรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน”ได้สำเร็จ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ตำบลห้วยกระเจาต่างรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
แต่เมื่อมีปัญหาดราม่าเกิดขึ้นตามข้อมูลข้างต้น ทำให้ชาว ต.ห้วยกระเจา ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวต่างรู้สึกไม่สบายใจ ถึงแม้จะเป็นคนละพื้นที่ รวมทั้งมีภูมิประเทศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ตาม สำหรับการรวมตัวกันในครั้งนี้ใช้เวลาไม่นานนักก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ทั้งนี้นายพัชรพล สืบดา กำนันตำบลห้วยกระเจา กล่าวว่า ตำบลห้วยกระเจาเป็นตำบลที่มีความแห้งแล้งซ้ำซากมาก และพื้นที่ของเราเป็นพื้นที่ที่มีหินและและไม่มีน้ำ แต่เมื่อกรมทรัพยากรน้ำบาดาลนำทีมเข้ามาสำรวจจนกระทั่งเจอตาน้ำ แต่ว่าต้องเจาะลึกลงไปอย่างน้อย 300-400 เมตร และน้ำบาดาลที่ได้มาสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้ทั้งตำบล ดังนั้นต้องขอขอบคุณทางรัฐบาล โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และเจ้าหน้าที่ที่มาช่วยหาแหล่งน้ำช่วยเหลือชาวบ้าน ซึ่งต่อไปชาวบ้านตำบลห้วยกระเจาจะได้มีน้ำที่สะอาดเอาไว้ใช้สำหรับอุปโภค-บริโภค และภาคการเกษตร ซึ่งโครงการนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ดี
นายพัชรพล สืบดา กำนันตำบลห้วยกระเจา กล่าวว่า ส่วนในเรื่องของสื่อในโลกโซเชียลที่กำลังดราม่าอยู่ในขณะนี้ ตนรู้สึกเห็นใจรัฐบาล เพราะรัฐบาลได้พยายามช่วยเหลือประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งพื้นที่ของอำเภอห้วยกระเจาเป็นพื้นที่สีแดงมาโดยตลอดก็ต้องขอบคุณรัฐบาลที่เข้ามาช่วยเหลือ
จากประเด็นดราม่า ก็ขอให้คุณ “พิมรี่พาย”เข้ามาช่วยเหลือพวกเราด้วยก็ได้เพราะจะได้เข้ามาช่วยเหลือกันในการพัฒนาประเทศของเรา เมื่อเราคิดอย่างนี้จะได้ไม่ต้องไปลงสื่อสื่อเชียลที่คอมเม้นกันไปคอมเม้นกันมาตนมองว่ามันไม่ได้ความจริง แต่ถ้าอยากรู้ความจริงก็ขอให้มาที่ตำบลห้วยกระเจามาเจอกับพวกผมได้เลย จะได้ช่วยชี้แจงข้อเท็จจริงว่าชาวบ้านของเราเดือดร้อนอย่างไร และรัฐบาลได้เข้ามาช่วยเหลือพวกเราอย่างไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ “โครงการศึกษา สำรวจ และรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน”เพื่อหาแหล่งน้ำมาช่วยเหลือประชาชนชาวตำบลห้วยกระเจาที่ประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซากมากว่า 30 ปี นั้น ปัจจุบันกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ดำเนินการเจาบาดาลในพื้นที่บ้านพยอมงาม หมู่ 12 ต.ห้วยกระเจา จำนวน 6 บ่อ แต่ละบ่อลึกประมาณ 100-320 เมตร น้ำบาดาลที่ได้อยู่ที่บ่อละ 10-20.57 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง และพื้นที่บ้านทุ่งคูณ หมู่ 19 ต.ห้วยกระเจา จำนวน 6 บ่อ แต่ละบ่อลึก 100-300 เมตร แต่ละบ่อได้น้ำบาดาลอยู่ที่ 15-40 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง
ทั้งนี้ ในพื้นที่ ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ปรากฏว่าพบแหล่งน้ำพุธรรมชาติที่มีลักษณะพิเศษแปลก 2 บ่อ อยู่ไม่ห่างกันมากนัก ซึ่งไม่เคยขุดเจาะพบที่ไหนในประเทศไทยมาก่อน โดยมีรสซ่าคล้ายน้ำโซดา ออกหวานนิดๆ นำไปผสมเป็นเครื่องดื่มต่างๆ เหมือนโซดาที่มีขายตามร้านค้าเครื่องดื่มทั่วไป
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |