"บิ๊กปั๊ด" สั่งตำรวจทั่วประเทศคุมเข้มดูแลความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ 1.2 พันจุด และจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 1.7 พันแห่ง เพื่อลดอุบัติเหตุลงกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง 5% ตามนโยบายรัฐบาล
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันที่ 5 เม.ย. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ประชุมมาตรการดูแลความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ร่วมกับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกับผู้กำกับการ (ผกก.) สถานีตำรวจทั่วประเทศ จำนวนกว่า 1.4 พันแห่ง และหน่วยสนับสนุนต่างๆ อาทิ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, ตชด., ตำรวจทางหลวง, ตำรวจท่องเที่ยว โดยได้เน้นย้ำเรื่องการกำกับดูแลควบคุมสั่งการของผู้บังคับบัญชาระดับสถานี การเตรียมการในช่วงนี้คือ อำนวยความสะดวกจราจรและดูแลความปลอดภัย ทั้งคนที่เดินทางออกต่างจังหวัดและคนที่ฝากบ้านไว้กับตำรวจ
พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้ออกแผนรองรับสถานการณ์โควิด-19 ที่มาแทรกซ้อน รวมไปถึงบางพื้นที่ที่มีปัญหาลักลอบข้ามแนวชายแดน มีแรงงานต่างด้าวไปอยู่เป็นกลุ่ม เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีสถานบริการ เป็นแหล่งที่คนไปรวมตัวอยู่จำนวนมาก บางพื้นที่มีปัญหาเรื่องการจราจรและอุบัติเหตุต่างๆ วันนี้จึงได้กำชับให้ทำตามแผน โดย ผกก.แต่ละโรงพักต้องไปควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของลูกน้อง การเตรียมกำลังพล อุปกรณ์ ออกแผนคำสั่ง จัดคนลงไปปฏิบัติหน้าที่ การกำหนดตัวชี้วัดต่างๆ
"ปีนี้ทางรัฐบาลตั้งเป้าว่าอุบัติเหตุต่างๆ ต้องลดกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง 5% ในขณะเดียวกันเรื่องดูแลความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้ยืดอายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ควบคุมโควิด-19 ไปถึงสิ้นเดือน พ.ค.2564 และมีมาตรการภาพรวมออกมา ตำรวจก็ต้องไปดูมาตรการต่างๆ เช่น เรื่องไม่ให้รวมตัวกันสาดน้ำ ปาร์ตี้โฟม จึงฝากพี่น้องประชาชนเพื่อความปลอดภัยในเรื่องป้องกันการแพร่ระบาดของโรค รัฐบาลก็ขอร้องว่าไม่ให้มี ต้องไม่มีเรื่องการรวมตัวกันสาดน้ำ แต่เรื่องประเพณีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่อนุญาตให้มีได้ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 ซึ่งตำรวจต้องไปร่วมกับหน่วยงานฝ่ายปกครอง อาสาสมัครต่างๆ ไปกวดขันประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจ ตักเตือนไม่ให้มีเหตุพวกนี้ แต่หากยังฝ่าฝืนก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย" พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวว่า ในส่วนการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเป็นมาตรการที่พยายามออกแบบขึ้นมาเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องที่ผ่านมาในอดีต ตอนนี้ยังอยู่ช่วงทดลอง ปรับแก้ แต่ไม่ว่ามาตรการจะดีแค่ไหน หากคนพยายามหาช่องทุจริตก็ยากที่จะป้องกันได้ เพราะฉะนั้นถึงเน้นว่า ผกก.สถานีต้องรู้นิสัยลูกน้องตนเองว่าใครเป็นแบบไหน แล้วหาวิธีแก้ไข ที่ผ่านมาตำรวจไม่แม่นยำเรื่องข้อกฎหมาย ก็พยายามจะจัดสอบมาตรฐานตำรวจ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการหลายอย่างที่กำลังทำคิดว่าต้องดีขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้ก็หวังว่าจะควบคุมอาชญากรรม และเรื่องความปลอดภัยด้านการจราจรได้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมาตรการควบคุมโควิด-19 ด้วย
ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์คาดการณ์ตัวเลขคนเดินทางออกต่างจังหวัดจะใกล้เคียงกับปี 2562 ขาออกช่วงวันที่ 9-11 เม.ย. ประมาณ 3.5 ล้านคน ขากลับ วันที่ 15-18 เม.ย. ประมาณ 3.7 ล้านคน ทั้งนี้คนเดินทางออกต่างจังหวัดจะมากกว่าช่วงปีใหม่เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว
"การตั้งจุดตรวจช่วงสงกรานต์จะเป็นไปตามนโยบาย ตร. คือมีมาตรฐาน โปร่งใส ตรวจสอบฐาน ทั้งนี้จะมีการเสนอตั้งด่านตามมาตรฐานเฉพาะด่านเมา 1.2 พันจุด และจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 1.7 พันแห่ง โดย ผบ.ตร.ขยายประเด็นนี้ว่าเวลาจะตั้งด่านต้องมาลงบันทึกในระบบก่อนทุกครั้ง เวลาลงไปแล้วจะเห็นแต่ละจุดอยู่ตรงไหนบ้าง ทำให้เห็นภาพ ยืนยันว่าจะไม่มีภาพตั้งด่านซ้ำซ้อน หรือเจอด่านทุกๆ 3 กิโลเมตร" พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าว
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ทาง ผบ.ตร.ให้ความสำคัญสนองนโยบายรัฐบาลเรื่องลดอุบัติเหตุ จึงมีโครงการจะให้รางวัลตำรวจแข่งขันกันที่ 1-3 ในระดับกองบัญชาการ (บช.) โดยประเมินจากตัวเลขการลดอุบัติเหตุ และรางวัลที่ 1-3 จากจังหวัดที่ไม่มีการตายเกิดขึ้น มอบรางวัลช่วงปลายเดือน เม.ย.ในการประชุมบริหารประจำเดือน
ส่วน พล.ต.อ.มนูเสริมว่า สำหรับโครงการฝากบ้านช่วงสงกรานต์ปีนี้ รับฝาก 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 9-18 เม.ย. ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเพื่ออำนวยความสะดวกไม่ต้องเดินทางมาที่สถานีตำรวจ และคาดว่าจำนวนน่าจะเยอะกว่าช่วงปีใหม่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |