"บิ๊กตู่" ลั่นในรัชกาลนี้บ้านเมืองต้องสงบ ปลอดภัย ยอมไม่ได้ชุมนุมฝืนกฎหมายกระทบความเชื่อมั่น ย้ำวันนี้ ปชต.กำลังเดินหน้าไปสู่เลือกตั้งตามโรดแมป แขวะกลุ่มคนอยากเลือกตั้งทำอากาศในกรุงเป็นพิษ ตำรวจแจ้ง 6 ข้อหา 14 แกนนำ นัดฝากขัง 24 พ.ค. ทนายโวยถูกกลั่นแกล้ง จ่อยื่นคำร้องต่อศาลขอไต่สวนฉุกเฉิน แกนนำฝากบอกหากไม่ปล่อยตัวจะม็อบอีก "เสรีพิศุทธ์" หอบสมุดบัญชีธนาคาร 1.8 ล้านบาทยื่นประกันตัวแต่แห้ว ซัด พงส.รอคำสั่งเจ้านาย "เพื่อแม้ว" โหนเด็กเป็นพลังบริสุทธิ์ 
    เมื่อเวลา 08.20 น. วันที่ 23 พฤษภาคม ที่ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชารัฐร่วมใจ ปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ปี พ.ศ.2561 พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะ โดยมีประชาชนร่วมงานกว่า 3,000 คน  
    นอกจากนี้ยังเป็นสักขีพยานมอบหนังสืออนุญาตแสดงป่าชุมชน พร้อมมอบพันธุ์กล้าไม้ยางนาแก่ผู้ว่าราชการ 7 จังหวัด ได้แก่ จ.ราชบุรี กาญจนบุรี นครปฐม เพชรบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร พร้อมกันนี้ได้มีการนำกล้าไม้พันธุ์ดีกว่า 54.8 ล้านกล้า มาแจกจ่ายแก่ประชาชนนำกลับไปปลูกที่บ้าน
    โดยนายกฯ กล่าวเปิดและมอบนโยบายว่า นั่งเฮลิคอปเตอร์มา รู้สึกมึนงงนิดหนึ่ง เพราะปกติตนสดชื่น แต่เมื่อนั่งวิเคราะห์แล้วเป็นเพราะอากาศเสีย เพราะอยู่กรุงเทพฯ มีแต่อากาศเสีย เคยชินแต่ของเสีย แต่จากที่มองลงมาต้นไม้เยอะ อยากให้กรุงเทพฯ และทุกเมืองเป็นแบบนี้ 
    นายกฯ กล่าวว่า เราจะปลูกต้นไม้กัน 5 ล้านต้น 2 หมื่นกว่าไร่ตรงนี้ ห้ามตาย ซึ่งบางคนมาบอกว่ามีอำนาจเยอะแยะทำไมไม่ใช้อำนาจมาตรา 44 สั่งต้นไม้ไม่ให้ตาย พอจะเอาอะไรก็จะให้ใช้มาตรา 44 แต่ถ้าไม่เอาก็ไม่ให้ใช้มาตรา 44  ซึ่งต้องเข้าใจให้ตรงกันว่า อะไรที่ต้องแก้ไขจะทำให้ แต่จะฝืนกฎหมายทุกอย่างมันไม่ได้ เพราะวันหน้าเราต้องอยู่กันแบบประชาธิปไตย วันนี้ประชาธิปไตยกำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง การประท้วงอะไรต่างๆ มีผลกระทบทั้งสิ้น รายได้ของเราได้จากการท่องเที่ยว ถ้าประเทศของเรามีการชุมนุม มีการขัดแย้ง มีความวุ่นวาย การท่องเที่ยววันนี้ล้มทันที ปัญหาความเชื่อมั่นในการลงทุน เพราะวันนี้การลงทุนมีมูลค่าหลายแสนล้านบาทที่เขาจะลงทุนที่ไทยในระยะเวลา 3 ปี เราจะต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาตรงนี้โดยเด็ดขาด
    "วันนี้อากาศดี เริ่มดีขึ้นแล้ว ออกซิเจนเริ่มเข้ามาแล้ว เมื่อวานออกซิเจนน้อยหน่อย เพราะมีชุมนุมกันอยู่ คนเยอะ อากาศเป็นพิษ แต่ทุกอย่างเรียบร้อย สำคัญที่ไม่ลุกลามบานปลายเพราะประชาชน ที่ต้องเข้าใจว่าเกิดอะไร และวันนี้รัฐบาลประกาศอะไรไปบ้างแล้ว ทำอะไรไปบ้างแล้ว มันไม่เกิดประโยชน์หรอก ต่างประเทศเขาก็ประท้วงแบบนี้แหละ แต่เขาขออนุญาตและอยู่ที่เดียว ไม่ไปไหน จะประท้วงกี่วันกี่เดือนกี่ปีเขาก็อยู่ตรงนั้น เดี๋ยวรัฐบาลก็ต้องแก้ วันนี้ไม่ต้องประท้วงผมก็แก้อยู่แล้ว ที่ร้องมาทั้งหมดรัฐบาลแก้ทุกอย่าง อันนี้แก้ได้-ไม่ได้ก็ทยอยแก้กันไป รัฐบาลต้องใส่ใจในทุกเรื่อง ต้องมีการลงโทษใครที่เกี่ยวข้องทำให้เกิดความเสียหายในเรื่องต่างๆ" 
    หัวหน้า คสช.กล่าวว่า รัฐบาลและ คสช.ไม่ใช่ศัตรูของใคร แต่ใครจะเป็นศัตรูของตน ไม่รับทราบ แต่
เป็นศัตรูกับกฎหมายไม่ได้ ก็อย่าทำกัน ขอบคุณประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะตำรวจ ที่แก้สถานการณ์ได้อย่างสันติ ไม่ไปตี ไม่ยิงกัน ไม่อยากให้มีเหตุการณ์บานปลาย วันนี้ต่างประเทศก็ดูอยู่ ฉะนั้นเราต้องสร้างบ้านเมืองให้ปลอดภัย เข้มแข็ง หากเรามองประเทศอื่นที่เจริญแล้วและอยากได้แบบเขา แต่เราไม่แก้ตัวเราเองมันไปไม่ได้ กว่าเขาจะไปแบบนั้นได้ ตียิ่งกว่าเราอีก เขารบกันทั้งเมืองยิ่งกว่าเราอีก มีการเจ็บ แบ่งข้าง ตายเป็นล้านๆ คน เขาถึงต้องทำให้ไม่มีการประท้วงเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ เขาถึงเคารพกฎหมาย เพราะกลัวจะเกิดขึ้นอีก แต่พวกเรายังไม่เจอขนาดนั้น เลยยังไม่รู้ว่าจะร้ายแรงขนาดไหน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเข้ามาเพื่อยุติสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เดินหน้าสู่การเป็นประชาธิปไตย 
ย้ำเดินหน้าตามโรดแมป
    "ผมพูดเพราะๆ ไม่ค่อยเป็น แต่ใจผมนึกถึงทุกศาสนาในประเทศไทย ที่ทั้ง 5 ศาสนาอยู่ด้วยกันอย่างสันติมาโดยตลอด ภายใต้พระบารมีของพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ซึ่งวันนี้ถึงรัชกาลที่ 10 แล้ว รัชกาลนี้ต้องเป็นรัชกาลที่บ้านเมืองสงบ ปลอดภัย และมีความเป็นอยู่ มีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้น้อมนำพระราโชบายของพระองค์ท่านมาปฏิบัติทุกเรื่อง ทั้งนี้ พระองค์ทรงคาดหวังว่าประเทศของเราจะต้องดีขึ้น สงบยิ่งขึ้นอย่างสันติ มีการพัฒนา มีการปฏิรูป มีการทำทุกอย่างเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนตอนนี้ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรทั้งสิ้น ตนก็เป็นไปตามโรดแมป ขี้เกียจพูดแล้ว มีใครจะถามอะไรอีกไหม ต้องเอาจริงเอาจังแบบนี้ ข้าราชการทุกคนต้องปรับตัว ข้าราชการตอนนี้เกียร์ว่างไม่ได้ ขอรอยยิ้มหวานๆ จากคนไทย ถึงข้างในจะร้อนระอุอย่างไรแล้วก็ต้องยิ้มสู้ ตามเพลงที่รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ ให้ไปเปิดฟังดู
    จากนั้นนายกฯ ได้ร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้เนื่องในวันต้นไม้แห่งชาติ โดยได้ปลูกต้นรวงผึ้งซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ด้วยดอกรวงผึ้งมีสีเหลืองซึ่งเป็นสีประจำวันพระราชสมภพ ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจนายกฯ ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ
    ส่วนความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 14 คน ที่บริเวณแยกมัฆวาน ขณะนำมวลชนเพื่อไปอ่านแถลงการณ์ไม่เอารัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ที่ สน.พญาไท พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) เปิดเผยกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา, นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา และคนอื่นๆ ว่า เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการควบคุมตัว 48 ชม. ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหา ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะอยู่ระหว่างพิจารณาข้อหาเพิ่มเติม จากที่แจ้งไปเมื่อวานนี้ 5 ข้อหา เพิ่มเป็น 6 ข้อหา คือผิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ
     "วันที่ 24 พ.ค. จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาฯ ผู้ต้องหาทั้งหมดทุกอย่างปกติดี ไม่มีความเครียด วิตกกังวล หรือร้องขออะไรเป็นพิเศษ ญาติยังคงสามารถมาเยี่ยมได้ตามปกติ" ผบก.น.1กล่าว
    ช่วงเที่ยง บรรยากาศที่ สน.พญาไทคึกคัก มีคนมาเยี่ยมแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่ถูกคุมขังอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงเปิดอนุญาตให้เข้าเยี่ยม ทำให้ผู้มาให้กำลังในต่างนำอาหารมาให้และเดินทางเข้าเยี่ยมถามไถ่สารทุกข์สุกดิบทางแกนนำคนอยากเลือกตั้งทั้ง 10 คน
    ด้านนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยม 10 แกนนำ ว่า ตนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าวันนี้จะยังไม่มีการนำตัวแกนนำไปขออำนาจศาลเพื่อฝากขัง เนื่องจากช่วงบ่ายจนถึงช่วงเย็นวันนี้จะมีการสอบปากคำเพิ่มเติม ตามอำนาจในการควบคุมตัว 48 ชั่วโมงของตำรวจ
ไม่ปล่อยแกนนำม็อบอีก
     "ขอตั้งข้อสังเกตว่า หากจะมีการสอบสวนหรือแจ้งข้อกล่าวหา เหตุใดจึงไม่ทำให้แล้วเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา หรือออกหมายเรียกให้เข้าพบเจ้าหน้าที่ในภายหลังได้ จึงมองว่าการกระทำและการถูกควบคุมตัวในครั้งนี้มิชอบด้วยกฎหมาย แกนนำจึงปรึกษาและร้องขอให้เข้ายื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอไต่สวนฉุกเฉิน ตามมาตรา 90 ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หลังจากนี้จะประสานไปยังทีมทนายความที่ดูแลคดีให้เข้ายื่นคำร้องในช่วงบ่ายวันนี้" นายนรเศรษฐ์กล่าว
    นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล กล่าวว่า วันนี้มาเยี่ยมและให้กำลังเพื่อนๆ ตนมองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหน้าที่ของคนไทย ฝากถามถึงรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ว่า กระทำในลักษณะนี้เป็นการละเมิดกฎหมาย และรัฐธรรมนูญอยู่หรือไม่ แกนนำทุกคนไม่ได้ทำอะไรผิด แต่กลับต้องถูกควบคุมตัวถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม
    "ขณะเดียวกัน จากการพูดคุยกับ น.ส.ณัฏฐา ได้ฝากถึงบุคคลภายนอกว่า อย่าลืมและทอดทิ้งกลุ่มแกนนำที่ถูกควบคุมตัวอยู่ เพราะสิ่งที่เผชิญอยู่เป็นความอยุติธรรม พร้อมยืนยันว่าหากยังไม่ปล่อยตัว จะมีการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวขึ้น" นายเนติวิทย์กล่าว
     ส่วนที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมตัวแกนนำคนสำคัญของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่มีนายรังสิมันต์ โรม, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, นายปิยรัฐ จงเทพ และนายนิกร วิทยาพันธุ์ เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำเช่นเดียวกัน โดยได้นำแผงเหล็กมาตั้งขวางที่บันไดทางขึ้น พร้อมติดแผ่นกระดาษระบุข้อความ “บุคคลภายนอกห้ามขึ้น” และช่วงเช้าได้มีผู้ร่วมชุมนุมบางส่วนได้มาเยี่ยมก่อนเดินทางกลับ
    เมื่อช่วงสาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ได้นำตัวแกนนำทั้ง 4 คนไปสอบปากคำต่อที่ สน.ดินแดง โดยทาง พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผกก.สน.ชนะสงคราม ให้เหตุผลว่า เพราะห้องสอบปากคำของ สน.ชนะสงครามมีสภาพคับแคบ อาจทำให้ผู้ต้องหา ไม่ได้รับความสะดวกสบาย สถานที่จอดรถก็คับแคบ จึงได้เรียนกับผู้บังคับบัญชาให้มีการนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปสอบปากคำยังสถานที่ดังกล่าว
    ต่อมาเวลา 13.50 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร.และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้เข้าพบ พ.ต.อ.จักรกริศน์ เพื่อขอประกันตัว 15 แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในชั้นโรงพัก โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก นำโดยนายอานนท ์นำภา ถูกจับพร้อมด้วยแกนนำบริเวณแยกมัฆวาน จำนวน 10 คน ถูกนำตัวไปควบคุมที่ สน.พญาไท, กลุ่มที่ 2 จำนวน 5 คน นำโดยนายรังสิมันต์ โรม ถูกควบคุมตัวที่ สน.ชนะสงคราม
     โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้นำสมุดบัญชีธนาคารธนชาต สาขาบางขุนนนท์ วงเงิน 1.8 ล้านบาท ยื่นขอประกัน ทางพนักงานสอบสวนได้ตีวงเงินประกันคนละ 1 แสนบาท รวมเป็นเงิน 1.5 ล้านบาท จากนั้น พ.ต.อ.จักรกริศน์ได้นำเอกสารการยื่นขอประกันและหลักทรัพย์ในการประกันตัวเสนอ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น.
     พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เปิดเผยว่า ที่มาประกันตัวแกนนำคนกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เพราะมันไม่ได้เป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ถูกกลั่นแกล้ง ส่วนที่บอกว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เพราะตนเป็นอดีต ผบ.ตร. มองทะลุหมด คุณคิดอะไรตนรู้
โวยถูกกลั่นแกล้ง
     เมื่อถามว่า การออกมาครั้งนี้ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตอบว่า "นิสัยไม่ดี เขามาเรียกร้องสิทธิ์ของเขาตามรัฐธรรมนูญ ผมจะมาประกันลูกๆ หลานๆ ที่ถูกกลั่นแกล้ง คุณก็มาหาว่าผมเคลื่อนไหวทางการเมือง หัดคิดบวกบ้าง ผมทำโรงทานเลี้ยงคนเดือนละ 300,000 บาท เลี้ยงมา 6 ปีแล้ว ว่างๆ เชิญไปทานได้ฟรี คนเราถ้าไม่มีความรักความเมตตาจะปรองดองกันไม่ได ้ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ ต้องให้ความเมตตากับเด็ก ถ้าทุกคนเห็นแก่ตัว บ้านเมืองก็ไปไม่รอด" 
     หลังจากยื่นหลักทรัพย์ไปกว่า 4 ชม.แล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งทาง ผกก.สน.ชนะสงครามชี้แจงว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะพนักงานสอบสวน บก.น.1 ยังไม่แล้วเสร็จ สร้างความไม่พอใจให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เล็กน้อย ได้พยายามสอบถามถึงสาเหตุที่ล่าช้า โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ที่ล่าช้าเพราะจะต้องไปรายงานนาย รายงาน ผบ.ตร. รายงาน คสช. พนักงานสอบสวนไม่มีอิสระ ถูกครอบงำ ไม่สามารถตัดสินใจได้ การประกันตัวเป็นเรื่องง่ายๆ ทีเรื่อง ม.44 ทำกันได้ ตนจะรอต่อไปว่าจะได้ประกันหรือไม่ ถ้าไม่ได้ประกัน จะนำหลักทรัพย์กลับ ก็จะเป็นที่ปรึกษาทางคดีให้กับน้องๆ แกนนำในการต่อสู้คดี ขอบอกว่าตำรวจคณะพนักงานสอบสวนดังกล่าวอย่าหลบหน้าแล้วกัน 
     นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวว่า คดีนี้หากศาลรับฝากขังก็ควรจะต้องมีการประกันตัว แต่หากเราคัดค้านและศาลมองว่าเป็นกรณีที่ผู้ต้องหาถูกกลั่นแกล้ง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ศาลก็อาจจะปล่อยโดยไม่ต้องมีการประกันตัว และให้ตำรวจไปตามตัวมาภายหลังได้  เห็นได้ชัดเจนว่ามาตรา 116 เป็นข้อหาที่นำมากลั่นแกล้งไม่ให้แสดงความคิดเห็น ความผิดที่จะเข้าข่ายนั้นจะต้องเป็นการกระทำนอกรัฐธรรมนูญ แต่กลุ่มผู้ต้องหานั้นมีความอยากเลือกตั้งที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญของ คสช.เอง ส่วนศาลจะให้ประกันหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล ก่อนหน้านี้ที่ศาลให้ประกันตัวก็ไม่มีเงื่อนไข และเรื่องนี้เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่ไม่สามารถห้ามได้ ศาลท่านไม่ห้าม ที่ห้ามก็คงมีแต่ คสช.
    สำหรับแกนนำคนสำคัญ 5 คน ประกอบด้วย นายรังสิมันต์ โรม, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, นายปิยรัฐ จงเทพ, นายนิกร วิทยาพันธุ์, นายวิเศษณ์ สังข์วิศิษฏ์ ถูกแจ้ง 6 ข้อหา คือ 1.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 2.ความผิดตาม ม.215 วรรคแรกมั่วสุมเกินกว่า 10 คนขึ้นไป หรือกระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง 3.เป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น 4.ม.216 เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำความผิดตาม ป.อาญา ม.215 ให้เลิกแล้วไม่เลิก 5.ขัดคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป 6.ฐานความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 108 เดินแถวเป็นขบวนแห่ หรือเดินเป็นขบวนใดๆ ในลักษณะที่เป็น การกีดขวางทางจราจร
    ส่วนแกนนำที่เหลือแจ้ง 4 ข้อหา 1.ความผิดตามม.215 วรรคแรก มั่วสุมเกินกว่า 10 คนขึ้นไปหรือกระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง 2.ม.216 เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมเพื่อกระทำความผิดตาม ป.อาญา ม.215 ให้เลิกแล้วไม่เลิก 3.ขัดคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป 4.ฐานความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 108 เดินแถวเป็นขบวนแห่ หรือเดินเป็นขบวนใดๆ ในลักษณะที่เป็น การกีดขวางทางจราจร
เพื่อแม้วโหนเด็ก
    ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกประกาศชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ตามที่ สน.ชนะสงครามได้ขอให้ ม.ธรรมศาสตร์ แจ้งความเอาผิดกับกลุ่ม “คนอยากเลือกตั้ง” ที่ตัดกุญแจประตูในข้อหาทำลายทรัพย์สินราชการนั้น ทางมหาวิทยาลัยเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากความชุลมุนของสถานการณ์ อีกทั้งความเสียหายก็เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย จึงจะไม่ดำเนินคดีกับนักศึกษาและผู้ชุมนุมต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะพยายามสื่อสารกับนักศึกษาและผู้ชุมนุมที่เกี่ยวข้องให้มากขึ้น ทั้งนี้ ขอขอบคุณสน.ชนะสงคราม สำหรับคำแนะนำดังกล่าว
        นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้ารัฐบาล คสช.เปิดใจให้กว้าง จะรับรู้ได้ว่า ความจริงแล้วน้องๆ นักศึกษาคนรุ่นใหม่เหล่านี้มาเคลื่อนไหวเรียกร้องในสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ไม่ได้มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งรัฐ 
    นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า เมื่อคนหนุ่มสาวแสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว ผู้มีอำนาจก็ควรแสดงความเป็นผู้ใหญ่โดยไม่ดำเนินคดีและปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะการชุมนุมเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ไม่ได้มีเหตุรุนแรง และคนกลุ่มนี้ก็ถูกดำเนินคดีเรื่องการชุมนุมอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว จะตั้งข้อหาซ้ำเป็นรายวันไปทำไม ขอชื่นชมและให้กำลังใจกลุ่มคนอยากเลือกตั้งทุกคน สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ส่วนข่าวเรื่องฮาร์ดคอร์ขนอาวุธ เชื่อว่าจะค่อยๆ เงียบไปเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา อยากรู้จริงว่าคนพวกนี้ไปขนอาวุธอยู่แถวไหน แล้วขนกันอย่างไร ถึงโผล่วับๆ แวมๆ แต่ไม่เคยถูกจับได้
    นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า  “นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” ประวัติศาสตร์ จะจารจดความงดงาม ขอคารวะหนุ่มสาว และประชาชนผู้กล้าที่กล้าลุกขึ้นมาทายท้าอำนาจรัฐเพื่อทวงถามสิทธิ เสรีให้กับคนทั้งประเทศ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าจะต้องเผชิญกับความเลวร้ายเช่นไร กล้าเอาชีวิต อิสรภาพ และอนาคตของตนเองเป็นเดิมพัน แลกกับอนาคตของประเทศ วีรกรรมของพวกท่านในครั้งนี้ จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ และจะจารจดในความทรงจำที่งดงามทั้งในใจคน และแผ่นดิน 
    สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำและสมาชิกกลุ่มคนอยากเลือกตั้งโดยไม่มีเงื่อนไข และขอให้ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 และคำสั่งหรือประกาศอื่นๆ ของ คสช. ที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ยุติการปิดกั้นการแสดงออกทางการเมืองและการชุมนุมสาธารณะ
    ด้าน น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวถึงกรณีสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และฮิวแมนไรต์วอตช์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องขอให้ปล่อยตัวกลุ่มคนอยากเลือกตั้งทั้ง 14 คนว่า การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เข้าใจว่าการออกมาเรียกร้องของทุกคน ทุกฝ่าย ก็ล้วนทำตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละองค์กร ไม่ว่าการจะออกมาเรียกร้องหรือกระทำการใดๆ ก็ต้องเคารพสิทธิและกฎหมายของประเทศนั้นๆด้วย.