น้ำหยดลงหิน...ทุกวันหินมันยังกร่อน


เพิ่มเพื่อน    

      หมดเรื่อง ม็อบ เรื่อง คนอยากเลือกตั้ง ไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว...คราวนี้ก็คงเหลือๆ แต่เรื่องของ  คนกำลังเตรียมเลือกตั้ง นั่นแหละ ที่น่าจะปวดหัวยิ่งกว่า เรียกว่า...ต่อให้ระดมตำรวจมากันเป็นหมื่นๆ  ให้ท่านรองฯ ศรีวราห์ วางแผนรับมือเป็นเดือนๆ แต่โอกาสที่จะ เอาอยู่ แบบการรับมือพวกเด็กๆ นั้น น่าจะลำบากกว่ากันประมาณ 10 เท่า 20 เท่า เป็นอย่างน้อย...

                                                          ---------------------------------------------------------

      เพราะบรรดา คนกำลังเตรียมเลือกตั้ง ในแต่ละรายนั้น...ล้วนแต่จัดอยู่ในประเภท เกล็ดแตกลายงา เขี้ยวลากดิน ปีกงอก แถมพ่นไฟได้ ไปด้วยกันทั้งสิ้น อีกทั้งยังทรหดอดทน หนังหนาซะยิ่งกว่าช้าง กว่าแรด ไม่ว่าจะเจอแดด เจอฝน โอกาสที่จะเป็นลมล้มเผละๆ แบบคุณน้อง จ่านิว นั้น แทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย ถึงถูกเหยียบ ถูกกระทืบ ซักกี่ครั้ง ต่อกี่ครั้ง แต่ก็สามารถเด้งดึ๋ง กลับมาสู้ต่อ ด่าต่อ ด่าเช็ด  ด่าตะเม็ด ชนิดหมดลมหายใจไปแล้ว สมองตายไปแล้ว แต่อวัยวะเช่น ปาก ยังอาจพะงาบๆ ได้ต่อ ถึงได้ถูกจัดให้เป็น มนุษย์พันธุ์พิเศษ สำหรับบรรดาผู้ซึ่งมีฐานะเป็น นักการเมือง ทั้งหลาย...

                                                          ---------------------------------------------------------

      และแม้ว่า การด่า ของบรรดานักการเมือง หรือผู้ซึ่งกำลังเตรียมเลือกตั้งในแต่ละราย มันอาจได้เรื่อง ไม่ได้เรื่อง ถูกเรื่อง ไม่ถูกเรื่อง ก็ตามที แต่ก็อย่างที่อภิมหาศิลปินเพลงมหาอมตะนิรันดร์กาล อย่าง พี่เทพ (สุเทพ วงศ์กำแหง) ท่านโหยหวน ครวญครางเอาไว้บทเพลงชื่อว่า รอ นั่นแหละ คือ..."น้ำหยดลงหี๊นน์น์น์น์...ทุกวันหี๊นน์น์น์มันยังกร่อน...แต่หัวใจอ่อนๆ ของเธอทำด้วยสิ่งใด..." เรียกว่า...ถ้าหากไม่ได้เป็นหัวใจประเภทเสริมใยเหล็ก เคลือบด้วยวัสดุนาโน ทนมือ ทนตีน ทนแรงกระแทกได้ทุกชนิด โอกาสที่จะกรอบ จะกร่อน ย่อมเป็นไปได้เสมอๆ...

                                                          --------------------------------------------------------

      ยิ่งเป็นหัวใจประเภทแทบไม่ต้องเจอกับน้ำหยด คือแค่โดนลมพัด ก็วี้ดๆ แว้ดๆ ขึ้นมาซะแว้วว์ว์ว์  พร้อมที่จะยกโพเดียมทุ่มใส่หัวใครต่อใครเอาเลยถึงขั้นนั้น อันนี้...ก็ยิ่งลำบากยิ่งขึ้นไปใหญ่ เจอกับการด่าเช็ด ด่าตะเม็ด ด่าเช้า ด่าเย็น ด่าวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เสาร์-อาทิตย์เพิ่มรอบเที่ยง รอบดึก วันหยุดนักขัตฤกษ์เพิ่มรอบพิเศษให้อีกต่างหาก โอกาสที่จะนอตหลุด นอตหลวม ยิ่งเป็นไปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์  รวมทั้งผู้คนที่ได้ยินเสียงด่ามากๆ เข้า ก็อาจจะเคลิ้มๆ ตามไปด้วยอีกต่างหาก จะไปสกัดกั้น เรียกตัวมา  ปรับทัศนคติ ชวนไปกินโจ๊ก กินกาแฟ แบบเดิมๆ มุกเก่าๆ มันคงไม่อาจนำมาใช้ได้ผลมากมายซักเท่าไหร่...

                                                           ----------------------------------------------------------

      กว่าจะถึงเลือกตั้งปีหน้าอีกเกือบเป็นปีๆ...เมื่อต้องเจอกับการด่าอย่างเป็นระบบและกิจการเช่นนี้  ยังไงๆ มันคงต้องกรอบ ต้องกร่อน ต้องช้ำๆ กันไปบ้างนั่นแล ไม่ได้สดใส อวบอิ่ม อูมฟูม เหมือนอย่างเมื่อ 4 ปีที่แล้ว อยู่แล้วแน่ๆ ดังนั้นการ อยู่ต่อ หรือ อยู่ยาว แม้จะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ไม่ยากในทางทฤษฎี แต่ถ้าหากเป็นในทางปฏิบัติแล้วล่ะก็ เผลอๆ...สู้หันกลับไป เกิดใหม่ น่าจะสบายใจกว่ากันเยอะเลย ไม่งั้น...ก็อาจต้องหันกลับไปใคร่ครวญ พิจารณา ถึงวาทะแบบสั้นๆ ง่ายๆ แต่สุดแสนจะลึกซึ้งไปถึงริดสีดวงทวาร ของรัฐบุรุษอย่าง ป๋าเปรม ซึ่งอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยคำว่า ผมพอแล้ว หลังจากที่เจอกับกระบวนการการด่าอย่างเป็นระบบและกิจการมาเนิ่นนานพอสมควร...

                                                             ------------------------------------------------------------

      แน่ล่ะว่า...ถ้าหากกาล-สถานที่-และสภาวะแวดล้อม มันไม่เอื้ออำนวยต่อการด่า การด่านั้นๆ...คงไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลตามใจปรารถนามากมายซักเท่าไหร่นัก แต่ภายใต้สภาวะที่โลกทั้งโลกมันเต็มไปด้วย ปัญหา ไม่ว่าการเมือง เศรษฐกิจ หรือสังคมก็ตาม โอกาสที่ประเทศไทยซึ่งไม่ได้มีที่ตั้งอยู่บนอวกาศใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องเจอกับ ปัญหา ต่างๆ ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ และนั่นย่อมทำให้การด่า มันสามารถเปล่งอานุภาพ ศักยภาพ ไปตามสภาพของปัญหาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ แค่เจอกับเรื่อง น้ำมันขึ้นราคา จากลิตรละ 26 บาท พรวดเดียวปาเข้าไปลิตรละ 30 กว่าๆ แพงกว่าเพื่อนบ้านมาเลเซียถึงเท่าตัว ส่งผลให้ราคาสินค้าทุกชนิดพุ่งโด่เด่แบบรั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ เว้นแต่ ยางพารา ที่ว่ากันว่าถ้าน้ำมันแพง ยางต้องแพงตามไปด้วย แต่กลับดันรูดมหาราช ไม่คิดเงยอ้าปากตามราคาน้ำมันเอาเลยแม้แต่น้อย...

                                                             ---------------------------------------------------------

      เพียงแค่หยิบเอาเรื่องเหล่านี้มาด่า...ก็เหนื่อยแล้ว!!! ไม่ว่าหัวใจของนายกฯ บิ๊กตู่ จะทำด้วยอะไร  เพราะเศรษฐกิจที่โตๆ ไปถึง 4.8 นั้น มันกลับไม่ได้เอื้ออำนวยต่อสภาวะแวดล้อมของชาวบ้าน ชาวช่อง มากมายซักเท่าไหร่ ยิ่งเป็นชาวสวน ชาวไร่ ชาวนาด้วยแล้ว ดัชนีรายได้ของภาคเกษตรที่กลับ ติดลบ ลงไปถึง 4.8 สวนทางกับการโตของตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวม ไม่ว่าจะออกอาวุธโต้ในแบบไหน ไม่ว่าจะระดม กองหนุนให้ออกแรงเชลียร์กันไปถึงขั้นไหน โอกาสที่จะกลับมาสดใส อวบอิ่ม อูมฟูม แทบไม่มี  มีแต่ต้องกรอบ ต้องกร่อน ต้องช้ำเลือด ช้ำหนอง ไปตามสภาพ...

                                                              -------------------------------------------------------

      ด้วยเหตุนี้นี่แหละ...ถ้าหากไม่คิดจะกลับไป เกิดใหม่ ก็คงหนีไม่พ้นต้องนำเอาวาทะของรัฐบุรุษ  ป๋าเปรม มาใคร่ครวญทบทวน กันชนิดวันละ 3 เวลาหลังอาหาร ว่าอะไรเหมาะ อะไรควร สำหรับความเป็นไปของ ส่วนรวม ของชาติ บ้านเมือง มากน้อยขนาดไหน แม้จะยังมีเรี่ยว มีแรง มีกำลังวังชา ด้วยเหตุเพราะอายุ อานาม ยังแค่ประมาณ 60 กว่าๆ แต่ถ้าคิดถึงชาติบ้านเมือง คิดถึงส่วนรวมเป็นที่ตั้ง  อาจต้องหันไป เลียนแบบมาเลย์ เอาเลยก็ไม่แน่!!!

                                                                --------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Muhammad Ali...The man who view the world at 60 the same  as he did at 20 has wasted 40 years of his life.- คนที่เมื่ออายุ 60 ยังมองโลกเหมือนตอนอายุ 20 ก็เท่ากับเสียเวลาไปเปล่าๆ ปลี้ๆ ถึง 40 ปีด้วยกัน...

                                                                 -------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"