“จตุพร” นำทีมเปิดยุทธการ 4-4-4 หักปีก "ประยุทธ์" แล้ว โวก่อนขึ้นเวทีฝนตกล้างความชั่วของแผ่นดิน เวทีคึกคักทั้ง “กปปส.-พวกยี้ทักษิณ” ร่วมวง “ตุ๊ดตู่” ไฮด์ปาร์กจัดหนัก “ฯพณฯ เสกสกล” ก่อนประกาศยึดอนุสรณ์สถานฯ เป็นฐานปฏิบัติการ ชุมนุมทุกวันเวลา 16.00-21.00 น. ลั่นจะวัดความอึดนายกฯ ใครจะฉิบหายก่อนกัน
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2564 ที่สวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมเครือข่ายต่างๆ ได้จัดกิจกรรม "ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย" ตามรหัส 4-4-4 เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในเวลา 16.00 น.นั้น พบว่าตั้งแต่เวลา 13.00 น. ได้เริ่มตั้งเวทีปราศรัย จัดเรียงเก้าอี้ไม่ต่ำกว่า 600 ตัว และติดตั้งระบบเครื่องเสียง จอแอลอีดี ซึ่งมีมวลชนคนเสื้อแดงทยอยกันมา
ด้านนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก หนึ่งในแกนนำ นปช.ได้เดินทางมาจัดเตรียมสถานที่ด้วยตนเอง พร้อมระบุว่า การจัดเวทีจะขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น และมีจุดยืนชัดเจนว่าไม่แตะต้องเรื่องสถาบัน หากพบว่ามีมวลชนกลุ่มอื่นๆ ที่มาร่วมแสดงสัญลักษณ์ถึงมาตรา 112 ก็จะเข้าไปห้ามปรามทำความเข้าใจ
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 13.30 น. ได้เกิดฝนตกลงมาบริเวณสถานที่จัดการชุมนุม ทำให้ผู้จัดงานต้องหลบฝนและเตรียมผ้ามาเช็ดเก้าอี้และบริเวณเวที
และในเวลาประมาณ 16.00 น. นายจตุพรเดินทางมาถึงและให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นวันอัศจรรย์ ที่เรียกว่ามืดฟ้ามัวดิน ฝนตกอย่างถล่มทลาย เพื่อล้างความชั่วของแผ่นดินให้สะอาด ฝนตกตั้งแต่เที่ยง หลายคนคิดว่าเวทีจะมีปัญหา ซึ่งได้บอกว่าฝนจะหยุดตกก่อนมีเวทีปราศรัย เมื่อฝนล้างแผ่นดินเสร็จเราก็จะได้เวลานับหนึ่งของประเทศไทย ตามฤกษ์ 4-4-4 ประยุทธ์ออกไป โดยเป้าหมายหลักของเราอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ และจะปราศรัยเป็นคนสุดท้าย
นายจตุพรยืนยันว่า เวทีนี้มาตามคำเชิญของนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ซึ่งยังไม่ถึงขั้นการชุมนุม แต่เป็นเวทีอธิบายการเข้ามาของ พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงเวลา 7 ปี ได้ตระบัดสัตย์ในเรื่องไหนบ้าง จึงไม่สมควรดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไป ซึ่งการมาครั้งนี้มาในนามส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับ นปช.
เวลา 17.15 น. บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้น แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) หรือคนเสื้อเหลือง ทยอยขึ้นเวทีปราศรัย อาทิ นายไทกร พลสุวรรณ, พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี และนายการุณ ใสงาม อดีต ส.ว. ที่เคยร่วมต่อสู้กับระบอบทักษิณ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ได้เดินทางมาทำความเข้าใจถึงการชุมนุมกับนายจุตพร และเน้นย้ำการจัดกิจกรรมให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย
ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยว่า การชุมนุมวันนี้เป็นการประชุมเชิงเสวนา เชิงวิชาการ โดยจะเริ่มช่วง 16.00 น. และคาดว่าจะยุติประมาณ 20.00-21.00 น. ซึ่งตำรวจจะตั้งจุดตรวจค้นอาวุธพื้นที่โดยรอบการชุมนุม เพื่อป้องกันไม่ให้นำอาวุธเข้ามาก่อเหตุ
ในเวลา 18.00 น. นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ขึ้นเวทีปราศรัยตอนหนึ่งว่า ในเดือน พ.ค.นี้ จะครบ 29 ปีเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ที่เรารู้สึกถึงความสูญเสียอย่างมาก ไม่ได้รับการเหลียวแลเลย จนมาถึงปัจจุบันรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งถอยหลังเข้าคลอง โดยเฉพาะคำท้าทายของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่บอกว่าไปแก้มาให้ได้ก็แล้วกัน พล.อ.ประยุทธ์คิดว่าตัวเองเป็นใคร กล้าทำแบบนี้ กล้าด่าประชาชน มันสุดจะทนแล้ว ตรวจสอบรัฐบาลนี้มา 4 ปี พบว่ามีการทุจริต บอกทางแก้ไขไปทุกอย่าง แต่ไม่เคยทำ รัฐบาลนี้จึงโกงที่สุดตั้งแต่ที่มีรัฐบาลมา บอกเลยว่าโคตรโกง หลอกลวง ไม่เคยพูดความจริงกับประชาชน ปลิ้นปล้อน วันนี้พูดอย่าง อีกวันพูดอย่าง หาจุดยืนไม่ได้ นอกจากนี้ยังเอาชีวิตประชาชนเป็นเครื่องเล่น ปล่อยให้โควิดระบาด ปล่อยให้มีบ่อนพนัน มีแรงงานเถื่อน ไม่เคยขอโทษประชาชนเลย และไม่แคร์ประชาชน
“ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ก้าวลงจากอำนาจ บัดนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ขอให้คนที่เห็นด้วยออกมามากๆ ด้วยสันติวิธี ให้เกิดความสงบในบ้านเมือง ไม่เกิดการนองเลือด หากช้าไปกว่านี้อาจเกิดการนองเลือดได้ จึงมีเพียง 2 วิธีเท่านั้นคือ 1.ออกมาชุมนุมเรียกร้องส่งเสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกไป 2.เรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวออกจากรัฐบาล ถ้า 2 วิธีนี้ยังทำไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนแล้วว่าจะลงมติอย่างไร” นายอดุลย์กล่าว
มีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 19.00 น. นายยุทธเลิศ สิปปภาค หรือต้อม ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรม และไปนั่งหลังเวทีพูดคุยกับนายจตุพรด้วย
ขณะที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า สาเหตุที่มาร่วมเวที ไม่ได้ต้องการขับไล่ประยุทธ์ แต่ต้องการขับไล่เผด็จการทหารเลว
จากนั้นเวลา 19.35 น. นายจตุพรขึ้นกล่าวปราศรัยว่า ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเจอสารพัด ไม่ว่าซีกรัฐบาลหรือซีกไหนก็พุ่งเป้ามา วันนี้หลังจัดการ พล.อ.ประยุทธ์เรียบร้อย ต่อจากนี้ ฯพณฯ เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ อย่าคิดหาความสำราญชนิดที่ว่าจะนอนไม่หลับ ทั้งนี้ที่มาตามคำเชิญนายอดุลย์ไม่คิดว่าเวทีนี้จะเกิดขึ้นได้ เพราะประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยรวมตัวกันครั้งสุดท้ายเมื่อ 29 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างคนไทยไม่เอาเผด็จการสู้กับเผด็จการ แต่วันนี้ความขัดแย้งระหว่างเสื้อเหลืองเสื้อแดงควรวางเอาไว้ก่อนเพื่อรวมตัวขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนที่ถามว่าไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วจะเอาใครมาบริหารประเทศ บอกว่าถ้าประเทศไทยไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จะสิ้นชาติหรือ ทั้งยังตอบด้วยจะเป็นใครก็ได้ในแผ่นดินนี้ที่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์
นายจตุพรกล่าวอีกว่า เราจะชุมนุมกันอีกหลายวัน ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับเรา ใครจะอึดกว่ากัน จะมีการจัดกิจกรรมไปและเว้นบ้างบางวัน ดูว่าใครจะฉิบหายก่อนกัน พร้อมขอให้ประชาชนยืนหยัดจะต่อสู้จนกว่า พล.อ.ประยุทธ์จะออกไปได้หรือไม่ และขอบอกความลับกับ พล.อ.ประยุทธ์เกี่ยวกับเพื่อนที่ชื่อ นายเสกสกล ว่าอยู่แก๊งไหนหัวหน้าแก๊งตายหมด ดังนั้นนายเสกสกลอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จึงดีใจมาก
“วันนี้ใครเกลียดหรือรักผมไม่สำคัญ แต่ถ้าเกลียดประยุทธ์ไม่ต้องการให้อยู่ในอำนาจต่อไป เราจะต้องสามัคคีกัน เป็นเวทีที่คนไทยทั้งแผ่นดินลุกขึ้นมาประกาศว่าเราจะขับไล่ประยุทธ์ แต่ถ้าเราแตกแยก คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือประยุทธ์ และอย่าให้คนตระบัดสัตย์มีที่ดินอยู่ในแผ่นดินนี้ เราจะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นฐานปฏิบัติการหลัก และในวันพรุ่งนี้จะนัดชุมนุมกันใหม่ในเวลา 16.00-21.00 น. เราจะไล่ทุกวัน โดยจะเว้นวันที่ 6 เม.ย. เนื่องจากมีแนวร่วมจัดงานเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ และวันที่ 7 เม.ย.จะกลับมาใหม่ จึงขอเชิญประชาชนมาร่วมซึมซับบรรยากาศ เพราะมีพลังที่จะจัดการกับประยุทธ์ วันนี้มีความหวัง เห็นโอกาส เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ถ้าประชาชนสามัคคีกัน เราไม่มีวันจะแพ้ เราต้องร่วมกันกำหนดชะตากรรมของประเทศนี้ด้วยชีวิตและอุดมการณ์" นายจตุพรกล่าว
ในช่วงท้าย นายจตุพรได้แจกเสื้อที่สกรีนข้อความว่า “สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย” ให้ประชาชน จากนั้นได้ประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 20.30 น. ซึ่งในการจัดทำกิจกรรมครั้งนี้ คาดว่ามีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน
ก่อนหน้านี้ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวว่า ขอร้องประชาชนที่จะเข้าร่วมการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ กรุณาได้คิดทบทวนอีกครั้ง ขอให้เห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมือง และประชาชน ที่จะได้รับผลกระทบความเดือดร้อนจากการชุมนุม อีกทั้งเรื่องการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 อีก เพราะการเรียกร้องครั้งนี้ไม่ใช่เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยโดยแท้จริง แต่เป็นเพียงการออกมาหาผลประโยชน์ส่วนตัว และทำตามใบสั่งของคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง หวังให้เกิดกลียุค ขอให้นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนปี 2553 เพราะเคยร่วมชุมนุมด้วยกันมา จึงรู้สันดานของแกนนำเหล่านี้ดีว่าไม่มีจุดยืนอุดมการณ์อะไรเลย ทำเพื่อตนเองและทำตามใบสั่งเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ศูนย์ประสานงานซอยวิภาวดี 64 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ, ศูนย์ประสานงานภาคกลาง อ.เมืองฯ จ.นนทบุรี, นายไวทิต ศิริสุวรรณ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงกรุงเทพฯ และประธานภาคกลาง ได้ออกแถลงการณ์ว่า คณะทำงานศูนย์ประสานงานอดีตหมู่บ้านเสื้อแดงกรุงเทพฯ และภาคกลาง ได้ลงมติกันแล้วจะไม่ไปร่วมกิจกรรม 4/4/2564 อย่างเด็ดขาด เพราะมัวแต่ไปชุมนุมเรียกร้องเป็นเครื่องมือให้กับแกนนำ สุดท้ายแกนนำสู้แล้วรวย ส่วนมวลชนสู้แล้วจน
เช่นเดียวกับ นายทวี ประหยัด อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคใต้ ระบุว่า กลุ่มคนเสื้อแดงภาคใต้ 14 จังหวัดยืนยันว่าจะไม่ไปร่วมกิจกรรมกับคุณจตุพรโดยเด็ดขาด โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 2 เม.ย.กลุ่มคนเสื้อแดงภาคเหนือก็ประกาศไม่เข้าร่วมการชุมนุมมาแล้ว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |