พายุฤดูร้อนถล่มทั่วไทยถึง 6 เม.ย. 22 จังหวัดอ่วมเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 5 อุตุฯ เตือน 52 จังหวัดรับมือ เมืองกรุง-ปริมณฑลโดนถ้วนหน้า "สัตหีบ" ท่วมหนักเกือบเมตร เส้นทางแม่สอด-อุ้มผาง "ดอยลอยฟ้า" ถูกตัดขาด

    เมื่อวันที่ 4 เมษายน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทย ซึ่งจะมีผลกระทบถึงวันที่ 6 เม.ย.
    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่างเคลื่อนเข้าสู่บริเวณทะเลอันดามัน ประกอบกับลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคใต้ฝั่งตะวันตกและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักบางพื้นที่ ในห้วงวันที่ 31 มี.ค.2564 – ปัจจุบัน (4 เม.ย.2564 เวลา 06.00 น.) ส่งผลให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก ในพื้นที่ 22 จังหวัด รวม 54 อำเภอ 112 ตำบล 192 หมู่บ้าน 1 เทศบาลเมือง บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 1,258 หลัง ผู้เสียชีวิต 1 ราย (น่าน) ผู้บาดเจ็บ 5 ราย (น่าน 1 ราย สุรินทร์ 3 ราย และพิจิตร 1 ราย)
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 12.30 น. ได้เกิดพายุฝน และลมกรรโชกแรง ในพื้นที่กรุงเทพฯ อาทิ เขตบางนา ประเวศ รามอินทรา ลาดกระบัง สามเสน พระนคร หนองจอก และอีกหลายเขต นอกจากนี้ในพื้นที่ อ.บางเสาธง อ.บางบ่อ อ.เมืองจังหวัดสมุทรปราการ รวมทั้งใน อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
    สำหรับพื้นที่ จ.สมุทรปราการ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.พระสมุทรเจดีย์และ อ.พระประแดง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขัง เนื่องจากระบายไม่ทันหลายจุด รวมทั้งบริเวณด้านหน้าวัดคลองพระราม หมู่ที่ 13 ต.แหลมฟ้าผ่า กำลังลมได้พัดผ่านบริเวณดังกล่าวทำให้เสาไฟฟ้าที่ปักอยู่บริเวณริมคลองได้เกิดหักโค่นลงไปในน้ำ จำนวน 5 ต้น ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดไฟดับ
    วันเดียวกัน นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศเตือนภัย "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบถึงวันที่ 6 เม.ย.2564)" ฉบับที่ 13 โดยระบุว่า ในช่วงวันที่ 4-6 เม.ย. ประเทศไทยจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ รวมถึงมีฟ้าผ่าเกิดขึ้น โดยจะมีฝนตกหนักบางแห่ง เริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกก่อน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคใต้ตอนบนจะได้รับผลกระทบ ในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งระวังอันตรายจากฟ้าผ่าในขณะที่เกิดพายุฤดูร้อนไว้ด้วย สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
    โดยจะมีผลกระทบดังนี้ วันที่ 5 เม.ย. ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองบัวลำภู หนองคาย อุดรธานี มหาสารคาม ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา และบุรีรัมย์, ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และนครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล (สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี), ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด, ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
    วันที่ 6 เม.ย. ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร กำแพงเชร และเพชรบูรณ์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย ขอนแก่น ชัยภูมิ และนครราชสีมา, ภาคกลาง : จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงครามและสมุทรสาคร, ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
    ที่ จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งติดทะเล หลังถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่ม ทำให้มีฝนตกหนัก และมีฟ้าคะนอง ตั้งแต่ช่วงเช้านานติดกันหลายชั่วโมง ส่งผลให้น้ำระบายไม่ทัน เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ ต้นไม้ล้ม บ้านเรือนและถนนถูกน้ำท่วม
    จากการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่ได้รับผลกระทบหนัก คือ บ้านเลขที่ 35/21 ซ.สัตหีบสุขุมวิท 47 ม.3 ต.สัตหีบ โดยมี นายกฤษณะ เทียมสุวรรณ อายุ 78 ปี อดีตภารโรง ป่วยพิการหลังคร่อม และนางศรีรัตน์ เทียมสุวรรณ อายุ 63 ปี ป่วยอัมพาตนอนติดเตียง ทั้งคู่เป็นคู่รักกัน บ้านถูกน้ำท่วมทั้งหลังสูงเกือบ 1 เมตร ต้องพากันหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนเตียงผู้ป่วย ซึ่งเป็นภาพที่สุดเวทนาอย่างมาก นอกจากนี้ บริเวณถนนสุขุมวิทช่วงตลาดนัด 700 ไร่ หน้าโรงเรียนสิงห์สมุทร และกิโลเมตรที่ 1 ก็ถูกน้ำท่วมทำให้การจราจรเป็นอัมพาต รถติดยาวนับกิโลเมตร และบริเวณโค้งเขาแขก ยังพบรถกระบะตกลงไปในร่องน้ำพลิกคว่ำอีก 1 คัน
    ที่ จ.ตาก เกิดเหตุพายุฝนฤดูร้อนพัดตกกระหน่ำอย่างหนักในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.อุ้มผาง ส่งผลทำให้เส้นทางถูกตัดขาดและมีต้นไม้ล้มทับถนนสายต่างๆ ในหมู่บ้านที่เชื่อมต่อกันหลายจุด โดยเฉพาะเส้นทางถนนสายหลัก อ.แม่สอด-อ.พบพระ-อ.อุ้มผาง ที่ได้ชื่อว่า “ดอยลอยฟ้า” และที่บริเวณบ้านวะเบยทะนั้นได้ถูกน้ำไหลซัด ตัดขาด มีถนนทรุดหลายแห่ง ทำให้ประชาชนที่เดินทางสัญจรไป-มา ไม่สามารถเดินทางได้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือแล้ว
    ที่ จ.พิจิตร นางรติฬส พ่วงพร้อม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิจิตร รายงานถึงสถานการณ์วาตภัยว่า ค่ำวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย รวมทั้งสิ้น 8 อำเภอ 22 ตำบล 101 หลังคาเรือน รวมทั้งมีต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่นในหลายพื้นที่ส่งผลให้เกิดไฟดับ
    ที่ จ.เชียงใหม่ พายุฤดูร้อนได้พัดกระหน่ำในพื้นที่ตำบลบ้านแปะ อ.จอมทอง บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 20 หลังคาเรือน นอกจากนี้ต้นลำไยที่กำลังติดช่อดอกถูกพายุพัดล้มลงทั้งต้นร่วมกว่า 100 ต้น
    ที่ จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดพายุฝนตกหนักลงมาในหลายพื้นที่ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เกิดน้ำท่วมขังบนถนนหลายสาย ทั้งสายหลักสายรอง โดยเฉพาะที่ถนนบ้านกอก ถนนเหล่านาดี และถนนมิตรภาพ.