ในเว็บไซต์ แนวหน้า มีคอลัมน์อยู่คอลัมน์หนึ่ง...ที่คงต้องยอมรับว่า อ่านเพลิน อ่านสบาย อ่านแล้วได้อะไรต่อมิอะไรที่เหมาะสมกับวัย กับมุมมองต่อความเป็นไปของสังคม ชาติบ้านเมือง เป็นอันมาก แม้ไม่รู้ว่าเขาตั้งชื่อว่าอะไร รู้แต่ว่าเขาหมั่นไปเอาคำพูด คำจา คำเทศนา ของ พระ ในแต่ละรูป แต่ละองค์ ที่ล้วนแล้วแต่ดี-เด่น-ดัง ไม่ว่ามรณภาพไปแล้ว หรือยังมีชีวิตอยู่ มาเผยแพร่ให้เป็นที่รับรู้ รับทราบ แบบชนิดวันต่อวันเอาเลยก็ว่าได้...
--------------------------------------------------
ช่วงล่าสุด...หรือเมื่อช่วงอาทิตย์ (4 เม.ย.) ที่ผ่านมานี่เอง ก็ไปเอาคำพูด คำเทศน์ ของหลวงปู่ เทสก์ เทสรังสี แห่งวัดหินหมากเป้ง ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ว่าด้วยเรื่องการฝึก การทำ สมาธิ ตามหลักศาสนาพุทธ อันเป็นอะไรที่ปุถุชนคนธรรมดา หรือ ฆราวาส อย่าง ท่านขุนน้อย ออกจะรู้สึกว่า ยากซ์ซ์ซ์...ฉิบหาย แต่เมื่อฟังคำพูด คำจา ของหลวงปู่ที่ว่าไว้ว่า...“ฝึกหัดสมาธิให้เหมือนชาวนาทำนา เขาไม่รีบร้อน เขาหว่านกล้า ไถ คราด ปักดำ โดยลำดับ แล้วรอให้ข้าวแก่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เห็นเมล็ด เห็นรวงเลย แต่เขาก็มีความเชื่อมั่นของเขาว่า จะมีเมล็ด มีรวง ในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน...” ก็พอได้ใจชื้น อิ่มเอิบ และเบิกบานขึ้นมามั่ง...
------------------------------------------------
คือช่วงระหว่างนี้ วัยนี้...คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การหมั่นไปหา พระ หรือหันไปฟัง คำพระ มันออกจะเป็นอะไรที่สอดคล้องกับอารมณ์-ความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่าในแง่ ปัจเจก หรือแง่ สังคม-ชาติบ้านเมือง ก็ตาม ด้วยเหตุเพราะ โลก หรือ โลกย์ ออกจะหนักไปทาง ร้อน...กับ...ร้อน ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่ร้อนลม-ฟ้า-อากาศ แต่ในแง่การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงการทหารโน่นเลย นับวันมันมีแต่จะร้อนขึ้นๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ อีกทั้งในแง่ของวัย ของอายุ-อานามของตัวเอง ก็จัดอยู่ในประเภท ช่วยหามลุง...ไปตีกะมันที คือจะไปมีเรื่อง-มีราวกับใครเขา คงหนีไม่พ้นต้องไหว้วาน ต้องเพรียกหาลูกๆ หลานๆ ที่ยังคงมีเรี่ยว มีแรง ให้ช่วยแบกส้นตีนของตัวเอง ไปถีบ ไปกระทืบ ไปลูบหน้าใครต่อใครเขาอีกที...
-----------------------------------------------------
จะไปถีบโดยตรง โดยอ้อม ไดเร็ก-อินไดเร็ก ใดๆ ก็แล้วแต่...ยังไงๆ มันหนีไม่พ้นต้อง บายพาส หรืออาจต้องยืมมือ ยืมตีนผู้อื่น มาทำปฏิกิริยาต่อผู้ที่อยากถีบ อยากกระทืบ มันถึงจะพอมีฤทธิ์ มีเดช หรือพอจะหนักหน่วง รุนแรง จนก่อให้เกิดความเจ็บปวด รวดร้าว ต่อผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามได้มั่ง ภายใต้สภาพเช่นนี้...จึงมิสู้หันไปหา พระ หรือหมั่นไปฟัง คำพระ เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ น่าจะเหมาะกว่า เข้าท่ากว่า เพราะอย่างน้อย...อาจพอช่วยให้เกิดการ ลดจำนวนศัตรู หรือ ลดจำนวนฝ่ายตรงกันข้าม ไม่ให้ต้องเสียเวลาตามไปถีบ ตามไปกระทืบ เกิดอารมณ์ความรู้สึกพอที่จะ อยู่ร่วมกันโดยสันติ หรือเกิดความเป็น เพื่อนร่วมวัฏสงสาร จนอาจไม่ต้องสร้างความเหนื่อยมือ เหนื่อยตีน ให้กับตัวของตัวเองแต่อย่างใด...
------------------------------------------------------
เพราะโดยความเป็นไปของ ธรรมชาติ นั้น...คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมันกำลังอยู่ในช่วง ขาลง หรือถ้าพูดแบบพระประเภทนุ่งลม ห่มฟ้า หรือพวก ศาสนาเชน แล้ว ก็น่าจะอยู่ในช่วงที่เรียกว่า อวสารภิณี (Avasarpini) อะไรประมาณนั้น ที่มีแต่ต้องรอให้แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง หมุนลงๆ หรือต้อง เสื่อม กันแบบสุดๆ มันถึงพอจะเกิดช่วง เกิดจังหวะ ที่จะนำไปสู่ ขาขึ้น หรือการหมุนขึ้นๆ เกิดช่วงที่เรียกๆ กันว่า อุตสารภิณี (Utsarpini) ช่วงที่ทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆ ขยับเขยื้อนไปสู่ความเจริญ เติบโต และงอกงามไปตามลำดับ...
----------------------------------------------------
และ ธรรมชาติ ที่ว่านี้...ย่อมครอบคลุม ครอบงำ ไปทั่วทั้งโลกนั่นแหละทั่น!!! ไม่ใช่เฉพาะสังคมใด สังคมหนึ่ง หรือแม้แต่สังคมไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ย่อมไม่มีข้อยกเว้นแต่อย่างใด โอกาสจะเจริญ เติบโต และงอกงามในสิ่งดีๆ-งามๆ ขณะที่โลกทั้งโลกมันกำลังกลิ้งหลุนๆ ไปในทางที่เสื่อมแล้ว เสื่อมอีก มีแต่ต้องหาทางยกประเทศไทยทั้งประเทศไปตั้งเอาไว้บนอวกาศ หรือในสุญญากาศ เท่านั้นเอง มันถึงจะพอเป็นจริง-เป็นจังขึ้นมาได้มั่ง ด้วยเหตุนี้...จึงออกจะสอดคล้อง ต้องกัน กับคำพูด คำเทศนา ของ หลวงปู่เทสก์ ในเรื่องการทำสมาธิ ที่แทบไม่ต่างไปจากการทำนาของชาวนานั่นเอง หรือ เขา (ชาวนา) จะไม่ไปดึง ไปทึ้ง ไปเร่งเร้าให้ข้าวต้องออกรวงตามใจชอบ เพราะรู้ว่าการกระทำเช่นนั้นย่อมไร้ผลโดยแท้...อะไรประมาณนั้น เพราะมีแต่ต้องอาศัยความเชื่อ ความหวัง ความศรัทธา ถึงความเจริญงอกงามไปตามลำดับขั้น...
-------------------------------------------------
เหตุที่ต้อง หันไปหาพระ หรือ มากับพระ กันในช่วงเปิดฉาก เปิดผ้าม่านกั้งสัปดาห์นี้ ก็คงไม่ได้มีอะไรมากมายหรอกทั่น คืออาจด้วยเหตุเพราะหมู่นี้ หลังๆ นี้ ดันเห็นคนแก่ คนชรา อายุ-อานาม ไม่น่าจะน้อยกว่า ท่านขุนน้อย มากมายซักเท่าไหร่ เผลอๆ อาจแก่กว่า เหี่ยวกว่า หัวล้านกว่า ไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า เขาเริ่มขยับมือ ขยับตีนกันเป็นสายๆ เป็นแผงๆ มีทั้งประเภทอ๊อคดง อ๊อคเดม มีทั้งวันที่สี่ เดือนสี่ ปีหกสี่ ที่ถือเป็นช่วงจังหวะการไหลมารวมกันของแม่น้ำร้อยสาย โดยจะนำมาซึ่งสิ่งดีๆ-งามๆ นำมาซึ่งความเจริญ เติบโต งอกงามใดๆ หรือไม่ อย่างไร คงต้องคอยติดตามไปเป็นระยะๆ เพราะหลังจากได้พยายามออกปาก เตือนๆ ไปมั่งแล้ว แต่ถ้าเขาไม่เชื่อ ไม่คิดจะฟัง มีแต่ต้องปล่อยให้เหนื่อยมือ เหนื่อยตีน ไปตามสภาพ แต่เอาเป็นว่า...ตามประสาคนแก่ คนชราด้วยกัน คงอดไม่ได้ที่ต้องขออวยพรให้ โชคดี ขอ อนุโมทนา ล่วงหน้า ไว้ ณ ที่นี้ ก็แล้วกัน!!!
-----------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก H.L. Mencken...“The older I grow the more I distrust the familiar doctrine the age brings wisdom.- ยิ่งแก่ตัวลงมากเท่าใด ข้าพเจ้ายิ่งไม่ค่อยจะศรัทธาต่อความเชื่อที่ว่า ความแก่จะนำมาซึ่งความฉลาด...”
-----------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |