‘ตู่’ขู่มืดฟ้ามัวดิน ‘ม็อบแก่ๆ’คึกนับหนึ่งไล่ประยุทธ/‘แรมโบ้’สวนรับงาน


เพิ่มเพื่อน    

 

“จตุพร” ตีปี๊บ ชวนม็อบแก่ๆ ร่วมงาน 4/4/4 ไล่ "บิ๊กตู่" ถ้าไม่ไล่คงอยู่เป็นสิบปี ลั่นมากันมืดฟ้ามัวดิน จะเกิดแรงกระเพื่อม นับหนึ่งการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองอีกครั้ง เผยไม่ได้จัดเอง แต่ไปตามคำชวนของ "อดุลย์"  โต้เปล่าย้ายขั้ว คนเราถ้าชั่วคงชั่วมาแต่ต้น "อดุลย์" วอนทุกสีเลิกทะเลาะกันชั่วคราว เอาประยุทธ์ออกก่อน "เสกสกล" เดือดจัด ด่า "จตุพร" ตระบัดสัตย์ เคยรับปากผู้ใหญ่ว่าไม่จุดม็อบ ถามรับงานใครมา

    เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ peace talk ก่อนถึงวันสุกดิบการชุมนุมของประชาชนในรหัส 4/4/4 วันที่ 4 เมษา เวลา 4 โมงเย็น ว่าจะเกิดแรงกระเพื่อม เกิดเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ได้เริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่อีกครั้ง เชื่อว่า การชุมนุม 4 เมษา 4 โมงเย็นนี้ จะมีประชาชนมาร่วมอย่างมืดฟ้ามัวดิน เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะไม่อาจทนอยู่ภายใต้การปกครองของประยุทธ์และพรรคพวกได้อีกต่อไป
    “จะเป็นการชุมนุมยืดเยื้อต่อวันที่ 5 หรือวันต่อๆ ไป ต้องหารือกับประชาชน เป็นมติร่วมกันแบบวันต่อวัน เนื่องจากการชุมนุมในรหัส 4/4/4 เพื่อขับไล่ประยุทธ์นั้น เป็นการต่อสู้ระหว่างประชาชนกับประยุทธ์ ซึ่งไม่มีประโยชน์ส่วนตนอยู่เบื้องหลัง แต่เป็นสามัคคีประชาชนที่ต้องการให้เกิดการเริ่มต้นประเทศกันใหม่อีกครั้ง”
    นายจตุพรกล่าวว่า วันสุกดิบการชุมนุมรหัส 4/4/4 ที่จัดในพื้นที่อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม สวนสันติพร ซึ่งอยู่เยื้องโรงแรมรัตนโกสินทร์ โดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 ชวนนักประชาธิปไตยมาร่วมสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ขับไล่ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช. ตั้งแต่ยึดอำนาจเมื่อปี 2557
    ในแนวคิดสามัคคีประชาชนนั้น เป็นการสะท้อนว่า การชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง หรือคู่ขัดแย้งกันตลอด 15 ปีที่ผ่านมา แต่นายอดุลย์ต้องการสื่อให้ประชาชนทุกฝ่ายยึดมั่นแนวทางหรือรูปแบบพฤษภา 35 ที่ต่อสู้กับรัฐบาลตระบัดสัตย์ ใช้ รธน.เป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจ
    เขาบอกว่า ตนไปร่วมในฐานะปัจเจกชน โดยได้รับคำชวนจากนายอดุลย์ เพราะเคยร่วมต่อสู้ในเหตุการณ์พฤษภา 35 กันมาจนลูกนายอดุลย์เสียชีวิตในการต่อสู้ สำหรับตนต้องรับไม้ต่อจากขบวนการชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน ไปปักหลักต่อสู้ในพื้นที่ ม.รามคำแหง จนกระทั่งรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร ต้องพ้นจากตำแหน่งไป "ถ้าตั้งข้อกล่าวหาว่าผมรับงานใครมา ผมตอบง่ายๆ ว่าผมรับคำชวนของคุณอดุลย์"
    นายจตุพรกล่าวว่า ร่วมชุมนุมด้วยการใช้เหตุผลสูงสุดระหว่างภาคประชาชนกับประยุทธ์เป็นหลักก่อน โดยต้องการสื่อสารถึง เรื่อง รธน. การทุจริต การสืบทอดอำนาจ ปัญหาสังคม การบริหารเศรษฐกิจที่เหลวแหลกภายใต้การนำของประยุทธ์ โดยทั้งหมดนี้ เราจะสื่อสารด้วยภาษาแบบวิญญูชน มาชำแหละความล้มเหลวของประยุทธ์
    เขาบอกว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนถึงวันชุมนุม 4 เมษานี้ ตกเป็นเป้าหมายหลักถูกป้ายสี ใส่ร้าย ถูกบิดเบือนข้อเท็จจริงกระทำมาต่อเนื่อง แต่กล้าพูดอย่างชัดเจนว่า การใส่ร้ายทำลาย ตนย้ายขั้วสลับร่างไปอยู่พรรค พปชร. ไปสังกัดฝ่ายเผด็จการ และรับงานมาทำลายคนเสื้อแดงนั้น เป็นข้อกล่าวหาที่เจ็บปวด ซ้ำร้ายยังถูกตอกย้ำด้วยการทำโพลให้บรรลุเป้าหมายอีก
    เมื่อมีคำถามว่า ย้ายขั้ว สลับข้างไปอยู่กับเผด็จการ ไปเป็นฝ่ายรัฐบาล แน่นอนคงไม่มีใครต้องการให้ตนอยู่ในตำแหน่ง (ประธาน นปช.) นี้อีกต่อไป แต่เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นความเท็จ ตนรอวันตามที่ประกาศว่ามีตัวเองภูมิต้านทานด้านอิสรภาพต่ำมาก จึงต้องใช้ในวันจำเป็นตามข้อจำกัดนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย
ถ้าชั่วคงชั่วมาแต่ต้น
    “ตลอดเวลาของผมตั้งแต่วัยเด็กถึงปัจจุบัน เรามีจุดยืนถึงความเจ็บปวด คนเราถ้าชั่วคงชั่วมาแต่ต้น ไม่ต้องรอติดคุกถึง 4 ครั้ง ถูกดำเนินคดียาวเป็นหางว่าว ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ไม่มีอนาคตทางการเมือง มีชีวิตอยู่แบบยากลำบาก ใครรู้จักผมแล้วต้องรู้ว่า ผมมีชีวิตอย่างคนเดือดร้อนคนหนึ่ง"
    นายจตุพรกล่าวว่า ในวันนี้จึงไม่ใช่ความรู้สึกส่วนตัว แต่เป็นเส้นทางที่เราเลือกเดินตามอุดมการณ์ และดำรงจุดยืนตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ดังนั้น 4 ครั้งที่เข้าคุกนั้น ลูกเห็นตนใส่ชุดนักโทษ ถูกใส่โซ่ตรวนในห้วงชีวิตของเขานับครั้งไม่ถ้วน แต่เรายังเลือกหนทางนี้ เพราะชีวิตเราเป็นชะตากรรมอย่างยากจะหลีกเลี่ยงได้
    ดังนั้น การชุมนุมในพื้นที่ในวันที่ 4 เมษา. เวลา 4 โมงเย็น จึงเป็นเรื่องความยากลำบาก โดยจะเป็นเปิดไพ่ใบแรก หรือเริ่มยกแรก เพื่อพิสูจน์ว่าไปได้หรือไม่ แม้ท่ามกลางเสียงปรามาสว่าไม่มีคนเข้าไปร่วม ต้องนั่งตบยุงกัน แต่ตนเชื่อว่าฝ่ายการข่าวไม่ได้คิดเช่นนั้น เนื่องจากรู้อารมณ์ความรู้สึกของประชาชนที่ต้องอดทนอยู่ภายใต้การปกครองของประยุทธ์นั้น มีความทุกข์กันอย่างไร
    “ผมเชื่อว่าคนจะล้นเต็มความจุของอนุสรณ์สถานฯ และผมคงประสานงานกับตำรวจเป็นระยะกรณีเหตุประชาชนมากันจำนวนมาก ผมพูดชัดเจนว่า ถ้าการต่อสู้ให้ประยุทธ์ออกไปนั้น ถ้าคนไม่เห็นชอบด้วย ผมก็ต้องรู้ตัวเองเหมือนกัน คุณอดุลย์และคนอื่นก็ต้องรู้เฉกเช่นเดียวกัน แต่ถ้าประชาชนที่ประกาศไม่ทนให้ประเทศไทยถูกประยุทธ์ปกครองอีก 6 ปีแล้ว ในวันพรุ่งนี้จะเกิดความสามัคคีกัน"
    นายจตุพรกล่าวว่า เมื่อแต่ละองค์กรมีประวัติศาสตร์ความเจ็บปวดมาตลอด 15 ปีนั้น ถ้าไม่ร่วมมือกันแล้ว พล.อ.ประยุทธ์คงได้อยู่ในตำแหน่งอีกต่อไป ดังนั้น ตนได้หารือกับนายอดุลย์ เพื่อไม่ชวนองค์กรมาร่วมชุมนุมด้วย เพราะองค์กรมีประวัติศาสตร์ความสูญเสียกันทั้งนั้น ทั้งเสื้อแดง พันธมิตรฯ และ กปปส. ซึ่งความเจ็บปวดเช่นนี้ตนเข้าใจ
    "คนที่ยืนอยู่แถวหน้าของแต่ละฝ่ายต้องทนแบกรับกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่ต้องแลกกับอนาคตของประเทศ ต้องแลกกับการอยู่หรือไปของประยุทธ์ ถ้าเราเอาแค่ความรู้สึกของเราแล้ว ประยุทธ์ก็จะอยู่ต้องอย่างน้อย 6 ปี หรือ 10 ปี หรือมากกว่านั้น เพราะสิ่งนี้คือโลกความเป็นจริง"
    “ในสนามรบนั้น ผมจะต่อสู้โดยไม่มีอะไรต้องหวั่นวิตกกระทั่งชีวิต แม้ตัวตนจะถูกทุกฝ่ายทำลายทั้งศัตรูข้างหน้า อดีตมิตรข้างหลัง และคนรอบข้าง แต่ผมมีความอดทน เพราะรู้ว่าผมอยู่ในถนนสายนี้ไม่เปลี่ยนแปลง มีจุดยืนมาตลอดชีวิต มีความเป็นตัวตนของตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร จึงขอบอกกับพี่น้องว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นการเริ่มต้นประเทศไทยกันใหม่ และบอกกันอีกครั้งว่า ถ้าประชาชนไม่เอาด้วย ผมก็จะพิจารณาตัวเอง เพราะหลายคนดูถูก ปรามาส เหยียดหยาม ถากถาง ย่อมเป็นพลังเสมอ” นายจตุพรกล่าว
"เสกสกล"ถล่ม"ตุ๊ดตู่"
    ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำ นปช. กล่าวว่า ยืนยันในฐานะที่เป็นเกลอเก่า ไม่รู้ว่านายจตุพรไปกินยาขนานไหนหรือไปกินยาผิดอะไรมา เพราะตอนที่ออกมาจากเรือนจำก็พูดชัดเจนว่า ตราบใดที่เขายังอยู่ในใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของในหลวงรัชกาลที่ 10 ได้พูดหลายครั้งหลายคราวว่าจะไม่มีการชุมนุม และรับปากกับผู้ใหญ่หลายคนว่าจะไม่มีการออกมาขับเคลื่อนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์  อันนี้ตนมีพยาน มีบุคคล และมีความเดือดร้อนอะไรก็มาบอกตนและบอกผู้ใหญ่ให้ช่วยเหลือดูแล ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ก็ช่วยเหลือดูแลตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
    นายเสกสกลยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนมีสัจจะ มีความจริงใจ แม้กระทั่งการที่รัฐบาลได้ผ่านมติ ครม.ในการเสนออภัยโทษต่อในหลวงรัชกาลที่ 10 ในการช่วยเหลือให้แกนนำนปช. และแกนนำทุกสีเสื้อได้รับพระราชทานอภัยโทษจากในหลวงรัชกาลที่ 10 ก็มีหลายคนที่ออกมาจากเรือนจำ ซึ่งก็ทราบกันอยู่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาล และ ครม. มีความจริงใจช่วยเหลือแกนนำทุกสีเสื้อ ใครที่ติดคุกติดตะราง พอมีอายุมากทางกระทรวงยุติธรรมเสนอมาโดยผ่าน ครม. พล.อ.ประยุทธ์ก็เห็นชอบและเสนอโปรดเกล้าฯ รับพระราชทานอภัยโทษ ไม่ว่าจะเป็นหมอเหวง, คุณวีระกานต์ มุสิกพงศ์ และอีกหลายคนที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ ที่ให้การดูแล มีความจริงใจให้กับทุกสีเสื้อ เพราะวันนี้ประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องการเห็นสีเสื้อ ไม่ต้องการเห็นความแตกแยกอีกต่อไป
    "อะไรๆ ก็มาโยนให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาป้ายสีให้นายกรัฐมนตรี คุณจตุพรก็มากล่าวหานายกฯ และสิ่งนึงมากล่าวหานายกรัฐมนตรีตระบัดสัตย์ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คุณจตุพรเองนั่นแหละตระบัดสัตย์ ก็คุณเป็นคนพูดเองว่าคุณจงรักภักดี คุณจะปกป้องสถาบัน มารับผ้าพันคอพระราชทาน หมวกพระราชทาน จิตอาสา คุณเองยืนยันว่าภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของในหลวงรัชกาลที่ 10 พูดมาย้ำมา มีผู้ใหญ่หลายคนเล่าให้ผมฟัง ผมก็ได้ยินกับหูว่าคุณจะไม่เคลื่อนไหวไม่ชุมนุมทางการเมือง จะไม่เป็นแกนนำทางการเคลื่อนไหวในการขับไล่รัฐบาล หรือมาเป็นแกนนำในการก่อม็อบลงถนนอีก นี่คือสิ่งที่คุณจตุพรพูด และสำคัญวันนี้คุณตระบัดสัตย์ไหม รับปากผู้ใหญ่หลายคน ผมเองอยู่ในเหตุการณ์ ไปพูดไปคุยกับคุณจตุพร ให้คุณจตุพรคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ แล้วสื่อสารผ่านผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน และก็ยืนยันว่าจะไม่มีการลงสู่ท้องถนนอีก อย่างนี้ใครตระบัดสัตย์ ก็คุณจตุพรเองตระบัดสัตย์"
    นายเสกสกลกล่าวว่า มีพี่น้องแกนนำหลายจังหวัด หลายภาคเขาเห็นแล้วว่าพฤติกรรมที่ผ่านมาของแกนนำ นปช.ในอดีตสู้แล้วรวยอย่างไร พี่น้องคนเสื้อแดงติดคุกติดตะรางเคยไปเยี่ยมไปเยือนเคยไปดูแลเขาไหม ค่าประกัน ค่าทนายความ เคยไปดูแลเขาไหม  ครอบครัวแตกแยกเดือดร้อน โดนคดีมากมาย เคยไปเยี่ยมเยียนดูแลเขาไหม แต่แกนนำหลายคนสุขสบาย เป็นทั้ง ส.ส. เป็นทั้งรัฐมนตรี พอสู้แล้วขอตำแหน่ง สู้แล้วอยากเป็นรัฐมนตรี สู้แล้วทะเลาะกัน อยากอยู่ลำดับบัญชีรายชื่อที่ดีๆ อย่างนี้เป็นต้น
    "พี่น้องประชาชนออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยล้มหายตายจากกันมากมายนับร้อยๆ ศพ คุณดูแลครอบครัวเขาบ้างมั้ย สิ่งต่างๆ เหล่านี้คนเสื้อแดงรู้เช่นเห็นชาติหมดแล้วว่า พฤติกรรมของแกนนำในการต่อสู้ ไม่ได้ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ได้ต่อสู้เพื่อความเป็นประชาธิปไตย ไม่ได้ต่อสู้เพื่อปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แต่สู้เพื่อหวังผลประโยชน์ในตำแหน่งของตัวเอง เพื่อให้กับพรรคการเมืองที่สนับสนุน เพื่อให้กับนายตัวเองเก่าตัวเองเพื่อให้กลับมาครองอำนาจ มามีอำนาจ มาเป็นนายกรัฐมนตรี มาโกงกินบ้าน โกงกินเมือง แล้วมาแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง นี่คือสิ่งที่เราเห็น คนเสื้อแดงในอดีตเห็น"
ไปรับจ๊อบใครมา
         นายเสกสกลตั้งคำถามว่า นายจตุพรไปรับจ๊อบใครมา ไปรับผลประโยชน์ใครมาหรือไม่ และไปรับบัญชาใครมาหรือไม่ สำคัญที่สุดม็อบที่ออกมาก่อนขณะก่อนที่นายจตุพรจะประกาศมาไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ คือม็อบ 3 นิ้ว ม็อบล้มเจ้า ม็อบจาบจ้วง ม็อบทำลายสถาบัน มีใครอยู่เบื้องหลัง ก็มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล มีแกนนำกลุ่มก้าวหน้า และมี ส.ส.บางคนพรรคก้าวไกลหนุนหลัง แล้ววันนี้ม็อบเหล่านี้คือม็อบเกี่ยวข้องกับการจาบจ้วงก้าวล่วงสถาบันทั้งนั้น
    ที่ศูนย์ประสานงานแกนนำภาคอีสาน บ้านบ่อ ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น นางนิตยา นาโล อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคอีสาน หรือ "นิตยานักสู้ปอสี่" ได้เรียกประชุมแกนนำตัวแทนอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสาน เกี่ยวกับการออกมาเรียกร้องให้คนเสื้อแดงไปร่วมชุมนุมกับม็อบไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์
    นางนิตยากล่าวว่า คนมาร่วมรับฟังข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการเชิญชวนของคนเสื้อแดง การต่อสู้ที่ผ่านมา โดยเฉพาะตอนนี้  มีนักการเมืองระดับท้องถิ่นและระดับชาติมาหลอกชาวบ้านว่าให้ไปชุมนุมเรียกร้องที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 4 เม.ย. โดยรัฐบาลจะลงชื่อแจกเงินเยียวยาโควิด-19 ระบาด จริงๆ แล้วไม่เป็นความจริง จึงอยากให้แกนนำแต่ละจังหวัดไปบอกกล่าวและเล่าข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบ แล้วพวกตนพร้อมเสื้อแดงภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด ขอยืนยันว่าจะไม่ไปร่วมกิจกรรมชุมนุมกับนายจตุพร อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาพวกเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ แล้วถูกปล่อยทิ้งจากแกนนำ นปช.มาแล้วหลายครั้ง
    "วันนี้ประเทศไทยได้ประกาศให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.มาตั้งแต่ปีพ.ศ.2562 และมีรัฐบาล โดยท่าน พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ก็ออกมาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด ท่านนายกฯ ก็ไม่เคยทิ้งประชาชน จัดสรรงบประมาณลงมาเยียวยาพี่น้องประชาชน เพื่อให้ทุกคนสามารถลืมตาอ้าปากได้ พี่น้องประชาชนชาวอีสานฝากมาว่าขอให้ท่านประยุทธ์อย่าเจ็บ อย่าป่วย อย่าไข้ ขอให้สุขภาพแข็งแรง เป็นนายกฯ ตลอดไป" นางนิตยากล่าว
    ที่ศูนย์ประสานงานเครือข่าย ต.วังสมบูรณ์ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว, นายโสภี ศรีเพ็ชร์ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคกลาง, นายสุพจน์ แมดพิมาย อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงภาคตะวันออก, นายสุวัฒน์ สีใส ประธานจังหวัดสระแก้ว, นางอัญชนา สุทธิสาร ผู้ประสานงานเครือข่ายพี่น้องจังหวัดสระแก้ว และนางเบญจรัตน์ ศิลารัตน์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพี่น้องอำเภอเขาฉกรรจ์ ร่วมกันแถลงข่าว
    นายโสภียืนยันว่า จะไม่ไปร่วมกิจกรรมชุมนุมกับนายจตุพรในวันที่ 4 เม.ย.อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาพวกเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ ซึ่งพวกตนไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพราะที่ผ่านมาทุกคนได้รับผลกระทบด้วยกันทุกฝ่าย บางคนมีคดีติดตัวจะไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครอยากรับเข้าทำงาน ความบอบช้ำเหล่านี้พวกเราไม่ได้กล่าวโทษใคร เพราะพวกเราเคยให้ความศรัทธากับเหล่าแกนนำ จึงก้าวเดินตาม แต่ผลสุดท้ายพวกเราก็ถูกปล่อยทิ้งหลังจากเสร็จภารกิจ อย่าสร้างตราบาปให้กับมวลชนที่เคยรักและศรัทธาในตัวคุณอีกเลย จึงขอฝากเตือนให้ประชาชนและมวลชนเสื้อแดง อย่าไปหลงเชื่อคำเดิมๆ ที่ว่าขับไล่เผด็จการ
    "วันนี้ประเทศไทยได้ประกาศให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 และมีรัฐบาล โดยท่าน พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับมาอีกครั้ง มาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด ท่านนายกฯ ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ท่านจัดสรรงบประมาณลงมาเยียวยาพี่น้องประชาชน เพื่อให้ทุกคนสามารถมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" นายโสภีกล่าว
เลิกทะเลาะกันชั่วคราว
    ด้านนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 และอดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองฯ เปิดเผยว่า การจัดงานนี้ที่อนุสรณ์พฤษภาประชาธรรรม จะร่วมกับนายจตุพร, นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และกลุ่มผู้รักประชาธิปไตย เป็นกิจกรรมที่สะท้อนความสามัคคีของคนในชาติเพื่อหาทางออกให้กับประเทศที่กำลังเดินไปสู่ทางตัน และส่อจะเกิดกลียุคสงครามกลางเมืองเพียงเพราะการกระหายอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์
    นายอดุลย์กล่าวว่า เวทีสามัคคีประชาชนจะเชิญประชาชนจากทุกภาคส่วนของสังคม ไม่เลือกข้าง ไม่แบ่งฝ่ายแบ่งสี มาชำแหละความผิดพลาดล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่การตระบัดสัตย์ไม่ปฏิรูปประเทศตามที่ให้สัญญาประชาคมเมื่อครั้งยึดอำนาจปี 2557 ไม่สร้างความสามัคคีปรองดองตามคำมั่นสัญญากับแกนนำกลุ่มการเมืองทั้งเสื้อเหลือง-เสื้อแดง แล้วสร้างความแตกแยกทางสังคมอย่างร้าวลึก ปล่อยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนใหญ่ทำให้เจ้าสัวร่ำรวย แต่ประชาชนต้องใช้สินค้าอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้น จึงเกิดความเหลื่อมล้ำยิ่งกว่าเดิม กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน อภิสิทธิ์ชนยังอยู่เหนือกฎหมาย ขณะที่คนจนเข้าไม่ถึงความยุติธรรม ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญวางแผนสืบทอดอำนาจอีกสมัย ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ อ้างสถาบันพระมหากษัตริย์สร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบัน โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถปกป้องสถาบันได้ เป็นต้น
     "เวทีสามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย ใครก็สามารถมาร่วมกันได้ หากมีความเห็นตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์คือตัวปัญหา เหมือนกับช่วงพฤษภาคม 2535 ที่นักศึกษาและประชาชนทุกฝ่ายเห็นว่า รสช.คือตัวปัญหาจึงออกมาขับไล่จนสำเร็จ ดังนั้นงานนี้จะต้องสลายเสื้อสี อะไรที่เคยบาดหมางใจให้ละไว้ เลิกทะเลาะกันชั่วคราว มาสามัคคีเพื่อประเทศไทย ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สำเร็จก่อน และไม่จำเป็นต้องเดินลงท้องถนน เพราะหากทุกฝ่ายมาแสดงพลังร่วมกันจำนวนมาก ให้เป็นเจตจำนงของสังคม ก็สามารถกดดันองคาพยพของรัฐบาลให้สั่นคลอนล้มลงได้ แล้วจัดให้มีรัฐบาลใหม่ที่สามารถสร้างความสามัคคีคนในชาติ และปกป้องสถาบันได้ดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์"
     นายอดุลย์กล่าวว่า ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 4 เมษายนนี้ ซึ่งตนยืนยันว่าจะเป็นไปอย่างสันติ ก่อเกิดองค์ความรู้ สร้างสรรค์ และเป็นพลังที่จะทรงพลานุภาพล้มระบอบประยุทธ์ได้
    ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ม็อบ  4 เมษา กับ ความกังวลประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,081 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 29 มีนาคม-2 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.8 ระบุม็อบ 4 เมษายน ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและเพื่อแหล่งทุนจากต่างประเทศ และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.5 ระบุม็อบ 4 เมษายน จะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติและทำลายความปกติสุขของประชาชน
    ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.3 ระบุม็อบ 4 เมษายน เป็นม็อบต่อรองของคนต้องคดีต่างๆ ใช้ม็อบเป็นอาวุธ ในขณะที่ร้อยละ 93.2 ระบุม็อบ 4 เมษายน ม็อบตู่ ม็อบเต้น เกี่ยวโยงกับคนแดนไกล, ร้อยละ 91.9 ระบุม็อบ 4 เมษายน ต้องการให้เกิดการสูญเสียเหมือนในพม่า และร้อยละ 91.6 ระบุม็อบ 4 เมษายน ม็อบตู่ ม็อบเต้น มีขบวนการเบื้องหลังจะล้มล้างสถาบันหลักของชาติอยู่
    ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.5 เห็นด้วยให้สภา ใช้กลไกจัดการ ส.ส.หนุนม็อบ ทำความเสียหายเกิดขึ้นในบ้านเมืองกระทบความรู้สึกศรัทธา จงรักภักดีของประชาชน สั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ ในขณะที่ร้อยละ 5.5 ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.1 ระบุม็อบ 4 เมษายน ทำลายโอกาสของประเทศและทำลายความหวังของประชาชน ฟื้นฟูเศรษฐกิจท่องเที่ยวช่วงเปิดประเทศเดือนกรกฎาคม ในขณะที่ร้อยละ 4.9 ระบุไม่ทำลาย อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.3 กังวลต่อม็อบ สร้างเงื่อนไขความรุนแรงบานปลายและการสูญเสีย ในขณะที่ร้อยละ 3.7 ไม่กังวล.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"