ปัจจุบันภาครัฐกำลังเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โครงสร้างพื้นฐานอันได้แก่ ระบบสาธารณูปการ สาธารณูปโภค การคมนาคมและการขนส่ง โดยมุ่งเน้นโครงสร้างพื้นฐานเเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชน และเสริมสร้างคุณภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศ และการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการลงทุนทั้งภายในและจากต่างประเทศที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟฟ้า ระบบประปา โครงข่ายการสื่อสาร ระบบถนน รถไฟ ท่าเรือน้ำลึก สนามบิน และนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น
ดังนั้นการที่จะลงทุนหรือก่อสร้างสิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นที่จะต้อง คัดสรรบริษัทที่มีความเชียวชาญและชำนาญเป็นพิเศษ ซึ่ง บมจ.ไร้ท์ทันเน็ลลิ่งหรือ RTปัจจุบันบริษัทมีการให้บริการเกี่ยวกับการรับเหมาก่อสร้างแยกตามประเภทการให้บริการ 5 ประเภทคือ 1.งานก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน (Tunnel & Shaft Construction) 2.งานก่อสร้างเขื่อน (Dam Construction) 3.งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Hydro Power Plant) 4.งานก่อสร้างท่อลอดใต้ดินวิธีดันท่อและวิธีเจาะและดึงท่อ (Pipe Jacking & Horrizontal Directional Drilling และ Open Cut)
5.งานก่อสร้างด้านอื่นๆ (Others) เช่น งานป้องกันและเสริมเสถียรภาพทางลาด (Slope Stabilization) งานขุดดินและหิน (Earth and Rock Excavation) ทั้งแบบใช้ระเบิดและไม่ใช้ระเบิด งานเจาะสำรวจธรณีวิทยา (Geological Exploratory Drilling) งานปรับปรุงฐานรากด้วยวิธีอัดฉีดน้ำปูน (Grouting Work) งานเหมืองแร่ (Mining Work) งานถนน งานประตูระบายน้ำ และงานวางรางรถไฟ (Rail Work) เป็นต้น
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RT เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินงานก่อสร้างจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ เช่น กรมชลประทาน การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน รวมถึงงานก่อสร้างจากภาคเอกชน
" 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีประสบการณ์และบริษัทรับเหมาที่มีความหลากหลาย เป็นทั้งด้านงานวิศวกรรมโยธา งานก่อสร้างอุโมงค์ งานก่อสร้างเขื่อน งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ งานก่อสร้างท่อลอดใต้ดินและวิธีเจาะดึงท่อ และงานด้านอื่น เช่น งานขุดดินและหินทั้งแบบไร้ระเบิดและไม่ใช้ระเบิด งานเจาะสำรวจธรณีวิทยา งานปรับปรุงฐานรากด้วยวิธีอัดฉีดน้ำปูน งานถนนและสะพาน งานประตูระบายน้ำ และงานวางรางรถไฟ เป็นต้น"นายชวลิต
นายชวลิตกล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2564 นั้นบริษัทมั่นใจจะมีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งแนวโน้มการดำเนินธุรกิจไตรมาส 1/64 คาดจะเติบโตต่อเนื่องตามแผนที่บริษัทวางไว้โดยเตรียมรับรู้รายได้ส่วนที่เหลือจากโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ, งานก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรัก จ.เลย, งานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำแม่แตง-แม่งัด จ.เชียงใหม่ สัญญาที่ 1, งาน Pipe Jacking รถไฟฟ้าสายสีเหลือง รวมทั้งงานที่เหลืออื่น ๆ
ล่าสุด บริษัทได้รับงานใหม่ 13 โครงการมูลค่ารวมกว่า 688 ล้านบาทส่งผลให้งานในมือรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) เพิ่มขึ้นเป็น 4,240ล้านบาท จาก ณ สิ้นปี 63มี แบ็กล็อกอยู่ที่ 3,552 ล้านบาท ซึ่งบริษัทสามารถทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปี 64-65 ประกอบด้วย งานระบบระบายน้ำ กรมชลประทาน 1 โครงการ มูลค่า 280.4 ล้านบาท,งานท่อร้อยสายไฟใต้ดิน 2 โครงการ มูลค่ารวม 146.3ล้านบาท,
นอกจากนี้ยังมีงานป้องกันลาดชัน กรมทางหลวง 7 โครงการ มูลค่ารวม 135.3ล้านบาท,งานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำกรมชลประทาน 1 โครงการ มูลค่า 84.5ล้านบาท, งานป้องกันลาดชันไหล่เขา กรมชลประทาน1 โครงการ มูลค่า26.5 ล้านบาทและ งานก่อสร้างทาง-บำรุงถนนกรมทางหลวงชนบท1 โครงการ มูลค่า14.6ล้านบาท
ส่วนงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่บริษัทมีความสนใจเข้าไปประมูลงาน ได้แก่ ปี 2564 โครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่,งานซ่อนบำรุงทางรถไฟ) ในโครงการเด่นชัย-เชียงราย มูลค่า 72,920 ล้านบาท ,ปี 2564-2568 งานนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน โครงการนำสายไฟฟ้าลงดินใน กทม. มูลค่า 10,000 ล้านบาทต่อปี, ปี 2565-2568 งานก่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน/งานอุโมงค์ถนน โครงการกระทู้ป่าตอง มูลค่า 14,170 ล้านบาท และ ปี 2566-2571 งานระบบชลประทาน/งานบริหารจัดการน้ำ โครงการผันน้ำขุนยวม มูลค่า 65,000 ล้านบาท
" บริษัทมองว่าปี64 ธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูง ด้วยปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการลงทุนของภาครัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานในหลายโครงการ อาทิ ระบบขนส่งทางราง งานถนน ระบบบริหารจัดการน้ำในประเทศ ซึ่งงานก่อสร้างเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานมีมูลค่างานสูงและเป็นงานที่มีการก่อสร้างต่อเนื่อง ต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบริษัทที่มีประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ ซึ่งมีผู้รับเหมาจำนวนน้อยรายที่ดำเนินธุรกิจได้แบบ RT "นายชวลิตกล่าว
นายชวลิตกล่าวว่า ปี 64 บริษัทตั้งเป้ารายได้ทำนิวไฮต่อเนื่อง เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรืออยู่ที่ 3,600 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 15-20% และแผนการดำเนินงานมุ่งเน้นกลยุทธ์เชิงรุกรับงานในประเทศที่มีมาร์จิ้นสูงและงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศซึ่งบริษัทพร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เช่น อุโมงค์รถไฟทางคู่เด่นชัย เชียงราย เชียงของ, งานสายไฟลงใต้ดิน, งานป้องกันลาดชันไหล่ทาง, งานถนน ฯลฯโดยบริษัทมีความพร้อมในการรับงานทั้งในด้านบุคลากรและเครื่องจักร - เครื่องมือ ที่สามารถรองรับงานได้ทันทีซึ่งทั้งปี 64 บริษัทคาดว่าจะมี แบ็กล็อก เพิ่ม 7,000 ล้านบาท
ขณะที่งานต่างประเทศ โครงการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำ เขื่อนเดือนตรี ประเทศกัมพูชา มูลค่า 196 ล้านบาท มีความคืบหน้าก่อสร้างแล้ว 32% คาดว่าจะส่งมอบงานได้เดือน ตุลาคมปี 64 เพื่อรับรู้รายได้ส่วนที่เหลือ 128 ล้านบาท ขณะเดียวกัน หากสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลาย สามารถเดินทางได้ปกติ บริษัทพร้อมเพิ่มโอกาสหางานใหม่ ๆ เพิ่มเติมในต่างประเทศ
สำหรับความคืบหน้าโครงการอุโมงค์ส่งน้ำและอาคารประกอบช่วงแม่แตง-แม่งัด จ.เชียงใหม่ มีระยะทางประมาณ13กิโลเมตรนั้น ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี โดยสามารถขุดเจาะได้ระยะทางวันละ 3 เมตร ในกรณีงานทุกอย่างไม่มีสิ่งเหนือคาดหมายเกิดขึ้นระหว่างทาง คาดแล้วเสร็จตามแผน อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าว เป็นอุโมงค์ผันน้ำส่วนเกินจากลำน้ำแม่แตงในช่วงฤดูฝน ประมาณ 113 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ลงสู่เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ก่อนจะผันน้ำส่วนเกินจากเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลประมาณปีละ 47 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมเป็น 160 ล้านลูกบาศก์เมตร ลงสู่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนทั้ง 2 แห่ง ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในพื้นที่ลุ่มน้ำปิงตอนบนอย่างยั่งยืน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |