2 เม.ย.64 - นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี อดีตส.ส.จังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เฟซบุ๊กไลฟ์เรื่อง "คดียิ่งลักษณ์อย่างไรก็ผิดอาญา" มีรายละเอียดดังนี้
ผมได้นำคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ที่ยกเลิกการชดใช้ค่าเสียหาย 3.5 หมื่นล้านบาท ของยิ่งลักษณ์ในคดีรับจำนำข้าว คดีที่ศาลปกครองกลางให้นายบุญทรงและคณะชดใช้ค่าเสียหาย มาเทียบกับคำพิพากษาศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่างทางการเมือง ที่ตัดสินจำคุกยิ่งลักษณ์ 5 ปี จะเห็นความแตกต่างในข้อเท็จจริง
ผมเสนอมาเปรียบให้เห็นและโปรดรับไว้พิจารณา และเคารพคำตัดสินของศาล
ศาลปกครองกลางคดีของบุญทรงและคณะ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ฟ้องคดีทั้งห้าปฏิบัติหน้าที่ในการระบายข้าวโดยการแบ่งหน้าที่กันทำ ในลักษณะจงใจกระทำต่อกระทรวงพาณิชย์ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับความเสียหายตามสัญญาระบายข้าว
ศาลปกครองกลางคดียิ่งลักษณ์
ผู้ฟ้องคดีที่ 1(นางสาวยิ่งลักษณ์) มีอำนาจหน้าที่เพียงกำกับดูแลนโยบายโดยทั่วไประดับมหภาคของโครงการรับจำนำข้าว มิได้มีอำนาจหน้าที่ในการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ไม่อาจที่จะรับรู้รับทราบข้อมูล การปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ ด้วยกฎหมายของผู้กระทำผิดในระดับปฏิบัติ
อีกทั้งฟ้องคดีที่1 มิได้เป็นผู้ปฏิบัติในฐานะเจ้าหน้าที่ดำเนินการต่าง ๆ ในการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ และมิได้เป็นคณะอนุกรรมการตามที่ กขช. แต่งตั้งแต่อย่างใด
อีกทั้งหนังสือ สตง. และสำนักงาน ปปช. มิใช่เป็นคำสั่งทางปกครองที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่1 ต้องปฏิบัติตามแต่อย่างใด จึงไม่อาจรับฟังได้ว่า ผู้ฟ้องคดีที่1 ยังคงละเว้น เพิกเฉย ละเลย ไม่ติดตามหรือสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการตรวจสอบ
ได้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ว่า การระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ มีการทุจริตเกิดขึ้น มาประกอบการให้เหตุผลในคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้เงินค่าเสียหายนั้น
การตั้งกระทู้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี การลงมติไม่ไว้วางใจเป็นกระบวนการควบคุม และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ที่เป็นการคานอำนาจของฝ่ายบริหารโดยฝ่ายนิติบัญญัติ อันเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านในรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ซึ่งนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์) ได้รับมอบหมายจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เป็นผู้ตอบกระทู้ สรุปความได้ว่า...ได้มีการอนุมัติให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบ ลงพื้นที่ตรวจสอบทั้งหมด 10 จังหวัด และในโครงการนี้ที่ผ่านมา ดีเอสไอ (DSI) ก็รับเรื่องของโครงการทุจริตที่จังหวัดกาญจนบุรีไปเป็นคดีพิเศษเรียบร้อยแล้ว...กรณีจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ฟ้องคดีที่ 1 กระทำโดยจงใจปล่อยให้มีการทุจริต ในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการ
พิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่เรียกให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท
เทียบกับคดียิ่งลักษณ์ของศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ศาลฎีกาฯเห็นว่า ในส่วนความเสียหายอันเกิดขึ้นจากการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าว โดยการแอบอ้างทำสัญญาขายแบบรัฐต่อรัฐ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติว่า จำเลยรับรู้การแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง, การตั้งกระทู้ถามสด ,กระทู้ทั่วไป, การอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายการเมือง และข่าวสารจากสื่อมวลชน
ยิ่งกว่านี้ก่อนเริ่มโครงการรับจำนำข้าว ทั้งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือแจ้งเตือนและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการนำเอานโยบายรับจำนำข้าวไปดำเนินการปฏิบัตินั้น จะมีผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดิน และการทุจริตในขั้นตอนต่างๆให้จำเลยทราบเป็นระยะๆ
แต่จำเลยกลับไม่ได้ติดตามกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เห็นได้จากจำเลยในฐานะประธาน กขช. ได้เข้าร่วมประชุม กขช. เพียงการประชุมครั้งแรกครั้งเดียวเท่านั้น ส่วนการประชุมอีก 22 ครั้ง ไม่ได้เข้าประชุม
โดยเฉพาะขั้นตอนการระบายข้าวนั้น จำเลยในฐานะประธาน กขช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ พ.ต.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ในเวลาต่อมา ซึ่งภายหลัง พ.ต.วีระวุฒิ ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 3 ในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี และหลบหนีในระหว่างพิจารณาคดีดังกล่าว
และยังเป็นอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว, อนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติด้านการตลาด ,อนุกรรมการกำกับดูแลการรับจำนำข้าว รวมทั้งอนุกรรมการตรวจสอบและติดตามการรับจำนำข้าว ซึ่งคำสั่งแต่งตั้งให้ พ.ต.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง เป็นอนุกรรมการชุดต่างๆ ดังกล่าว ล้วนให้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวทั้งสิ้น
นอกจากนี้หลังจากที่นายวรงค์ เดชกิจวิกรม อภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องการทุจริตการระบายข้าว ปรากฏว่ายังมีการส่งมอบข้าวตามสัญญาขายข้าวถึง 4 สัญญา ทั้งที่ยังมีระยะเวลาเพียงพอที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่นายวรงค์ อภิปราย และจำเลยมีเวลาเพียงพอที่จะระงับยับยั้งการส่งมอบข้าวตามสัญญาที่ยังไม่ได้ส่งมอบไว้ก่อน
แต่จำเลยในฐานะนายกฯและประธาน กขช. ซึ่งมีอำนาจในการระงับยับยั้งหรือแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าว กลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฎหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดยแจ้งชัดอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายบุญทรงกับพวก แสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าว
โดยการแอบอ้างนำบริษัทGSSG และบริษัท Hainan grain เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อนโดยทุจริต ได้ข้าวส่วนต่างจากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย 4 ฉบับ อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงิน การคลังของประเทศและเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง ถือได้ว่าเป็นการกระทำทุจริตต่อหน้าที่
ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง และประเทศชาติ เป็นความผิดตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 พิพากษาจำคุก 5 ปี
อ่านดูแล้ว คนเชียร์ยิ่งลักษณ์อย่าเพิ่งดีใจ มันมีความแตกต่างในข้อเท็จจริงครับ แม้จะไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ต้องรออุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด ที่สำคัญแน่ๆก็ยังผิดอาญาจำคุก 5 ปีไม่เปลี่ยนแปลง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |