2เม.ย.6-ผศ.ดร.นพ.อุดมศักดิ์ แซ่โง้ว ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาการสุขภาพ มหาวิทยาลัย วลัยลักษณ์เผยผลวิจัยล่าสุด“อันตรายของการใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์และนโยบายควบคุมการใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์” จากการทบทวนงานวรรณกรรมต่างประเทศ(วารสารวิชาการ ปี 2553 ถึงปัจจุบัน)ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง 7 ประเทศ กลุ่มประเทศรายได้สูง 3 ประเทศ และเอกสารของหน่วยงานด้านสุขภาพ เช่น องค์การอนามัยโลก ร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการวิจัยระบบสุขภาพและการแพทย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยได้รับการสนับสนุนการวิจัยจากศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.)มีข้อสรุปที่น่าสนใจ 3 ประเด็น คือ ในระยะสั้นบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายมากกว่าบุหรี่มวน ใน 2 ภาวะ คือ เสี่ยงต่อการระเบิดของอุปกรณ์ ที่ใช้สูบ จนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ เพราะเก็บไว้กับตัว เช่น ที่กระเป๋ากางเกง และการเกิด ภาวะอิวาลีหรือ E-cigarette or Vaping Product Use-Associated LungInjury (EVALI) หรือปอดอักเสบเฉียบพลัน เป็นสาเหตุเสียชีวิตได้เช่นกัน ซึ่งร้อยละ 80 ของผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า ที่เกิดภาวะอิวาลี มาจากการใส่สารสกัดกัญชาในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งในสหรัฐฯพบผู้ป่วยอิวาลีกว่า 5,000 คนเพิ่มขึ้นจาก 2,600 คน ในปี 2561-2562 ซึ่งบุหรี่ธรรมดาจะไม่เกิดภาวะเช่นนี้
“เราพบข้อมูลว่าผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าบางคน อายุไม่เยอะ 10 กว่าปีถึง 20 ปี สูบครั้งแรกและสูบครั้งเดียวก็ สามารถป่วยเป็นภาวะอิวาลีและเสียชีวิตได้ หรือสูบเพียงไม่กี่ปีก็ป่วยและเสียชีวิตจากภาวะนี้ได้ ประเด็นการใส่สารสกัดกัญชาในน้ำยา จะอันตรายมากขึ้นในประเทศไทย เมื่ออิงกับนโยบายกัญชา ที่อนุญาตให้ใช้ได้มากขึ้นก็อาจมีคนนำมาใช้แบบเดียวกันได้” หัวหน้าคณะวิจัยฯ ระบุ
ผศ.ดร.นพ.อุดมศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่าส่วนอันตรายระยะยาวของบุหรี่ไฟฟ้า ข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันบ่งชี้ว่าสามารถทำให้เกิดโรคอย่างบุหรี่ธรรมดาหรือบุหรี่มวนได้ เช่น โรคหัวใจ แม้ความ เสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคจะน้อยกว่า และยังพบว่า บุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยให้สูบบุหรี่มวนน้อยลงได้จริง แต่ไม่สามารถเลิกสูบบุหรี่ จึงไม่มีความหมายอะไรในแง่การลดผลกระทบทางสุขภาพ
นอกจากนี้ อันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้ายังปรากฏในงานวิชาการต่างประเทศยังมีอีกหลายแง่มุมทั้ งการส่งต่อความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เป็นผลมาจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็น กรณีแม่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจนเกิดยีนที่ผิดปกติและส่งต่อยีนผิดปกตินั้นให้ทารกในครรภ์ ที่นักวิจัยจาก University of Sydney และ University of Technology Sydney ประเทศออสเตรเลียค้นคว้าไว้ ส่วนการทดลองในสัตว์พบการถ่ายทอดยีนผิดปกติจากบุหรี่ไฟฟ้าในหนูจากรุ่นแม่ไปจนถึงรุ่นหลาน ที่นักวิจัย จาก UFZ–Helmholtz Centre for EnvironmentalResearch Leipzig-Halle ร่วมกับ German Cancer Research Centerประเทศเยอรมันเป็นผู้ค้นพบ
“หลังจากวิเคราะห์ผลการสืบค้นเอกสารวิชาการเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า ทางทีมผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่าในแง่สุขภาพไม่ควรให้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย และควรให้สถานะบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายทั้งการนำเข้า การขายและการสูบ แต่หากไม่สามารถห้ามได้ ด้วยปัจจัยทางการเมืองหรือภาคธุรกิจ ก็ควรจัดให้ตัวอุปกรณ์ที่ใช้สูบและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์และยาทางการแพทย์ ที่ต้องมีการขึ้นทะเบียน หรือให้ อย.เป็นผู้อนุมัติเพื่อปกป้องผู้บริโภคโดยเฉพาะ ในส่วนของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าต้องห้ามใส่สารสกัด กัญชาทั้งTHC CBD และวิตามิน Aที่ภายหลังพบว่าอาจมีส่วนทำให้เกิดภาวะอิวาลีได้ หรือแม้แต่การแต่งกลิ่นแต่งรสในลักษณะแฟชั่นเพื่อดึงดูดเยาวชนก็ควรห้ามเช่นกัน และถ้าหากมีข้อบ่งชี้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยลดการสูบหรือช่วยเลิกบุหรี่ไฟฟ้าได้จริงการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อลดหรือเลิกบุหรี่ธรรมดาต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น อย่างไรก็ดีทางศจย.จะนำผลวิจัยที่ได้นี้เสนอต่อรัฐบาล เพื่อใช้วางทิศทางในการขับเคลื่อนนโยบายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างรัดกุม”ผอ.สถาบันวิจัยวิทยาการสุขภาพ กล่าว.
--------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |