ช่วงหลังๆ นี้...คงต้องยอมรับว่าออกจะ ติดกาแฟ อยู่พอสมควร คือต้องแวะไปกิน กาแฟดำ ไปอ่าน ไปฟัง คุณน้าอาเฮีย สุทธิชัย หยุ่น ท่านอัพด่ง อัพเดต เรื่องพม่า อย่างชนิดวันต่อวัน หรือบางครั้งชั่วโมงต่อชั่วโมงเอาเลยก็มี อันเนื่องมาจาก การเมืองเรื่องพม่า ในช่วงหลังๆ นี้ ต้องเรียกว่า...คงต้องจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาได้เป็นเด็ดขาด!!! ต่างไปจากการเมืองบ้านเรา ที่จะหลับไปซักอาทิตย์-สองอาทิตย์ หรือเดือน-สองเดือน ตื่นขึ้นมาก็คงไม่ได้มีอะไรผิดแผก แตกต่าง ไปจากเดิมๆ มากมายซักเท่าไหร่นัก...
----------------------------------------------
คือมันคงไม่ใช่แค่ การประท้วง การถูกยิง ถูกฆ่า ของบรรดาปวงชนชาวพม่า ที่ตายแล้ว ตายเล่า ถูกกระทืบแล้ว กระทืบเล่า อันเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของชาวโลกโดยถ้วนหน้า จนอาจถือเป็น วาสนา (สันดาน) ของ เผด็จการพม่า ที่ยากจะปรับ ยากจะเปลี่ยน สำหรับความ เหี้ย...ย์ย์ย์มม์ม์ม์ ชนิด ม.ม้าวิ่งไล่ยังไงก็ไล่ไม่ทัน แต่อาจเป็นเพราะ โลกทั้งโลก ในทุกวันนี้ มันกำลังเป็นโลกที่แทบไม่เหลือ พื้นที่เป็นกลาง เอาไว้ให้ใครต่อใครยืนเขย่งขาเดียว หรือ นั่งไขว่ห้าง ได้แบบถนัดถนี่กันซักเท่าไหร่นัก ความจำเป็นที่จะต้อง เลือกข้าง ไม่ว่าวันใด วันหนึ่ง ชนิดแม้ไม่อยากเลือก แต่อาจต้องถูกบังคับให้เลือก แบบยุคคุณพี่ยุ่นปี่ ญี่ปุ่น บังคับไทย ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มันชักเป็นอะไรที่ใกล้เข้ามาทุกที...
---------------------------------------------
ดังนั้น...ความเปลี่ยนแปลงภายในประเทศเล็กๆ อย่างพม่าที่มีพรมแดนแนวชายแดนประชิด ติดต่อ กับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ถึงสองพันกว่ากิโลเมตร อันเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ถึงขั้นน่าจะเปลี่ยน แต่ด้วยเหตุเพราะความหน้ามืด ตามัว ของเผด็จการกระด้างภัณฑ์ อย่างนายพล มิน อ่อง หล่าย อะไรที่กำลังทำท่าว่าน่าจะไปได้สวย ไปด้วยดี มันก็เลยต้องพลิกแบบ หน้ามือเป็นหลังตีน อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ แถมยังเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ยากจะหามุมจบ ยากจะหาข้อสรุป ข้อยุติ กันได้ง่ายๆ อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้หนึ่งในอาเซียน อย่างประเทศไทย ซึ่งอยู่ภายใต้ ข้อจำกัด ของกฎระเบียบ ประเพณีใดๆ ก็แล้วแต่ ในอันที่จะ ไม่แทรกแซงกิจการภายใน ต่อมวลสมาชิกซึ่งกันและกัน คงจะ เอามือซุกหีบ อยู่เฉยๆ เรื่อยๆ ไม่น่าจะได้...
------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...จะโดย การทูตแบบเปิดเผย หรือ การทูตแบบไม่เปิดเผย บรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ ตลอดไปจนผู้รักชาติ บ้านเมือง ทั้งหลาย ไม่ว่าภายในกระทรวงการต่างประเทศหรือนอกกระทรวงก็แล้วแต่ คงหนีไม่พ้นต้องออกเรี่ยว ออกแรง ต้องหาทางทำอะไรต่อมิอะไรไปตามขอบเขตภาระและหน้าที่ อย่างมิอาจอยู่นิ่งเฉย แม้ว่าอาจดูเงียบๆ ไปมั่ง แต่นั่น...คงไม่ได้หมายถึงการ อมเชาวริน ชนิดมิอาจขยับปาก ขยับลิ้นได้เลย แต่ด้วยเหตุเพราะบางสิ่ง บางอย่าง มันคงไม่เหมาะ ไม่ควร ที่จะนำมาเปิดเผย เพราะอาจกลายเป็นอุปสรรค ขัดขวาง กันแทนที่...
-----------------------------------------------------
แต่จะอย่างไรก็ตาม...ทางออก-ทางไป ของการเมืองเรื่องพม่าในทุกวันนี้ ย่อมหนีไม่พ้นต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง โยงใย กับฉากสถานการณ์ความเป็นไปของ โลกทั้งโลก อย่างมิอาจปฏิเสธได้โดยเด็ดขาด ซึ่งอันที่จริงแล้ว...ก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะพม่าเท่านั้น ไม่ว่าจะเกาะเล็กๆ อย่างฮ่องกง ไต้หวัน ไปจน เศษซากปะการัง ในทะเลจีนใต้ ทะเลจีนตะวันออก แหล่งน้ำมันในตะวันออกกลาง ซีเรีย อิรัก เยเมน ฯลฯ เลยไปถึงประเทศเล็ก ประเทศน้อย ในดินแดนยุโรปตะวันออกต่อกับยุโรปตะวันตก ไม่ว่าเบลารุส ยูเครน โปแลนด์ โรมาเนีย ฯลฯ ไปจนบรรดาประเทศ สวนหลังบ้าน ของคุณพ่ออเมริกา หรือลาตินอเมริกา ไม่ว่าเวเนซุเอลา โบลิเวีย บราซิล ฯลฯ ล้วนแต่มีชะตากรรมไม่ได้ผิดแผก แตกต่าง อะไรไปจากกันและกัน คือยังไงๆ...ก็ต้องถูกดึง ถูกกระชาก ให้ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง พัวพัน กับ การเมืองโลก ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย...
--------------------------------------------------
โลกที่กำลังถูกแบ่งออกเป็น สองโลก หรือ สองโลกาประชาธิปไตย อย่างเห็นได้โดยชัดเจน คือโลกาประชาธิปไตยตามมาตรฐานตะวันตกและอเมริกา กับโลกาประชาธิปไตยที่มีลักษณะเฉพาะของแต่ละประเทศ ไม่ว่าประชาธิปไตยรวมศูนย์แบบจีนๆ หรือประชาธิปไตยมาเฟียแบบรัสเซียก็แล้วแต่ เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศพม่าทุกวันนี้...มันจึงหนีไม่พ้นต้องถูกนำไปเกี่ยวโยง พัวพัน กับ จุดยืน-ทัศนะ-วิธีการ ไม่ใช่เพียงแต่เฉพาะในระดับชาติ ระดับประเทศเท่านั้น แต่ยังแผ่ซ่าน ซึมลึก ลงไปถึงพฤติกรรมและทัศนคติของ ปัจเจกบุคคล อีกด้วยต่างหาก...
---------------------------------------------------
การติดตามสถานการณ์ความเป็นไปของประเทศพม่าโดยใกล้ชิด โดยเฉพาะสำหรับประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียงอย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา จึงถือเป็นสิ่งจำเป็นเอามากๆ ไม่ว่าจะในมุมมองที่ยึดเอา การเมืองโลก เป็นที่ตั้ง อันทำให้อาจต้องตัดสินใจเลือกข้างใด ข้างหนึ่ง ทั้งๆ ที่ไม่อยากเลือกเอาเลยแม้แต่น้อย (แต่สุดท้ายก็คงต้องเลือกจนได้) หรือกระทั่งในมุมมองของ ปัจเจกบุคคล หรือปุถุชนคนธรรมดา ที่ยังคงหลงเหลือ ความเป็นมนุษย์ ติดปลายนวมเอาไว้มั่ง ที่เรียกร้องถึงมโนธรรม คุณธรรม ความเมตตา กรุณา หรือศีลธรรมขั้นพื้นฐาน อันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสังคมมนุษย์ทุกๆ สังคม...
----------------------------------------------------
การร่วมมือ ร่วมหาทางคลี่คลาย ปัญหา ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศพม่าทุกวันนี้...จึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่ท้าทายต่อแนวนโยบาย ต่อวิเทโศบาย ของแต่ละประเทศในการอยู่ร่วมกันภายในโลกใบนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงระดับคุณธรรม มโนธรรม และศีลธรรม ของผู้คนในแต่ละสังคม แต่ละชาติ บ้านเมือง ควบคู่ไปด้วย ดังนั้น....มันจึงต้องอาศัยความประณีต ละเอียดอ่อน อย่างเป็นพิเศษ ไม่ใช่เรื่องที่จะไป มโน กันแบบหยาบๆ ง่ายๆ หรือแบบ เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย เมื่อครั้งยุค จอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่เคยส่งผลให้ประเทศไทยหวิดต้องกลายเป็น อาชญากรสงคราม ตามญี่ปุ่นไปติดๆ เอาเลยถึงขั้นนั้น...
--------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก “John Paton Davies”... “Successful diplomacy, like successful marriage, is not much publicized. – การทูตที่ประสบความสำเร็จ เปรียบเช่นการสมรสอันสมหวัง อันไม่ได้ถูกนำมาป่าวร้องให้เป็นที่เอิกเกริก..."
------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |