นักการเมืองหลายคนอ่านทิศทางลม พรรคที่มีอุดมการณ์ชัด ไม่ว่าจะเป็นพรรคขนาดเล็ก ขนาดกลาง ยังมีช่องเก็บเกี่ยวคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จึงไม่แปลกใจ นักการเมืองหน้าใหม่ รุ่นกลาง รุ่นเก๋า ขยับทำพรรคการเมืองเอง หนึ่งในนั้น ‘นคร มาฉิม’ อดีตนักการเมืองที่เคยสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ชาติพัฒนา เพื่อไทย เมื่อปลายเดือนมีนาคมเพิ่งยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ทิ้งตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค ขอทำงานการเมืองในแบบฉบับของตัวเอง

            ได้พบปะ ร่วมสนทนาถามไถ่ เหตุที่ทิ้งเพื่อไทยเพราะอึดอัดใจอะไรหรือไม่ พร้อมกับให้นครฉายภาพถึงพรรคการเมืองใหม่ที่ทำกำลังจะเกิดขึ้นว่า

                 “การที่ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีความอึดอัดอะไร เป็นความยินดีเสียอีกที่เคยได้รับเกียรติร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ก่อนออกได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคอย่างชัดเจน ผมต้องการขอแยกตัวออกมาทำงานในฐานะพรรคการเมืองที่เข้มข้น ชัดเจน กำหนดแนวนโยบาย ทิศทางการต่อสู้ที่ถึงลูกถึงคนมากยิ่งขึ้น มีเป้าหมายจะทำทุกวิถีทางที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ สังคมให้เป็นประชาธิปไตย จากเผด็จการซ่อนรูป ฟาสซิสต์อย่างที่เป็นอยู่

                ได้เสนอชื่อจดจัดตั้งพรรคไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งชื่อพรรค โลโก้ นโยบาย เตรียมการประชุม ซึ่ง กกต.กำลังพิจารณา ถ้าไม่ติดขัดหรือมีปัญหาอะไร นับจาก กกต.อนุมัติ จะใช้ระยะเวลาแค่เพียง 15 วัน ดำเนินการต่อในเรื่องอื่นๆ แต่ถ้า กกต.ให้ปรับปรุงแก้ไขอะไร ต้องกลับนำมาทำตามระเบียบ กกต.เสียก่อน พรรคนี้เป็นพรรคการเมืองใหม่ เพื่อจะดึงคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน มาช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายทางการเมือง เพื่อจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศที่สร้างกติกาผิดเพี้ยน กติกาไม่เป็นสากล ให้เป็นธรรม สอดคล้องกับสากล เป็นวิถีอารยะ

                เรื่องชื่อพรรคการเมืองที่ผมไปทำนั้น ในวันนี้คงต้องขออนุญาตไว้ก่อน รอให้ กกต.อนุมัติ ให้ความเห็นชอบ เพราะถ้า กกต.ไม่ให้ความเห็นชอบ คนจะสับสน และตอนนี้ กกต.กำลังพิจารณากันอยู่"

            นครบอกอีกว่า หลังมีข่าวจะตั้งพรรคการเมืองใหม่ ฝ่ายประชาธิปไตย ได้รับเสียงตอบรับจากทั้งนักการเมืองต่างค่าย นักเคลื่อนไหวทางการเมือง มวลชนที่ต่อต้านเผด็จการ ติดต่อเข้ามาสอบถาม

            “นับแต่มีข่าวออกไป ผมจะทำพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ต่อสู้ทางอุดมการณ์อย่างเข้มข้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเผด็จการ เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ มีคนติดต่อเข้ามาเยอะมาก หลายคนบอกเอาเลย ไม่รั้งรอ ทุกคนรู้อยู่แล้ว การเมืองบ้านเราเป็นเผด็จการซ่อนรูป ฟาสซิสต์ สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกคนไทย สังคมโลก แต่คนไทยส่วนหนึ่งที่เข้าใจ นิสิตนักศึกษา ปัญญาชน คนติดตามข่าวสารบ้านเมืองรู้ว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย โทรติดต่อเข้ามาจำนวนมาก มีทั้งจากคนในพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และทุกพรรคการเมือง รวมถึงนักสู้ มวลชน เยาวชนที่ร่วมขับไล่รัฐบาลประยุทธ์เขาก็สนใจ เห็นว่าเราเอาจริง ไม่ได้ยึดเงินทอง แต่ขอให้ทุกคนมีอุดมการณ์เดียวกัน โค่นเผด็จการ ล้างมรดกบาป"

            เมื่อยิงคำถามสำคัญ อย่างการทำพรรคการเมืองใหม่ ถูกมองว่าเป็นยุทธศาสตร์แตกแบงก์พันจากพรรคเพื่อไทย นครอธิบายว่า ‘ไม่ได้คุยประเด็นนี้ ไม่ได้มุ่งประเด็นนี้ เราตั้งใจว่า พรรคที่ตั้งขึ้นต้องตอบโจทย์สังคมทุกภาคส่วน สามารถแสวงหาทางออก เสนอทางแก้ไขปัญหาให้ประเทศ ให้ประชาชนได้ มองไปข้างหน้า จากนี้ไปประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนผ่านจากเผด็จการซ่อนรูป ฟาสซิสต์ ไปสู่ประชาธิปไตย คงเป็นที่ทุกคนคงมีฉันทามติร่วมกัน”

            ต่อข้อวิพากษ์วิจารณ์พรรคนี้เป็นสาขาเพื่อไทย เป็นยุทธศาสตร์แตกแบงก์พัน รองรับสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า นครปฏิเสธในประเด็นนี้ว่า “เราไม่ได้เป็นสาขาของเพื่อไทย ไม่ได้เป็นการแตกแบงก์พัน ไม่ใช่ พรรคนี้ต้องการเอาคนทุกหมู่เหล่าคนที่มีอุดมการณ์คล้ายคลึงกัน ในการล้างมรดกบาปจากฝ่ายเผด็จการทั้งหมด มาร่วมกันทำพรรคการเมือง กำหนดการต่างๆ ของพรรคได้วางไทม์ไลน์หมดแล้ว แต่ต้องรอให้ กกต.ให้ความเห็นชอบ ถ้าให้ความเห็นชอบเร็ว เราก็พร้อมเลย แต่ถ้า กกต.ติดขัดอย่างไร เราจะแก้ไขปรับปรุงให้เร็วที่สุด เพราะทุกเวลามีคุณค่า”

            นครยังมองไปถึงปรากฏการณ์คนหลายภาคส่วน เริ่มผนึกกำลังรวมกลุ่มขับไล่รัฐบาลประยุทธ์มากขึ้น

                ‘เป็นนิมิตหมายที่ดี ประชาชนทุกสาขาอาชีพที่ได้รับผลกระทบ ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤติต่างๆ ทั้งจากเศรษฐกิจ สังคม ล้มเหลวอย่างที่สุดจากการบริหารจากรัฐบาลประยุทธ์ และมีการสืบทอดอำนาจ ทำให้ทุกคนมารุมสังฆกรรม ร่วมยำรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม ผมขอถือโอกาสนี้เชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่าที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ มาช่วยไล่ให้คนคนนี้พ้นไป จากการสร้างวิกฤติต่อชาติบ้านเมือง เพื่อให้ประชาชนเขาลืมตาอ้าปากได้ และให้คนที่รักศรัทธาประชาธิปไตยมาฟื้นฟูประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ขืนอยู่ต่อไปวันเดียวก็สร้างความเสียหายให้บ้านเมือง

                วันที่ 4 เม.ย. ตามที่กลุ่มสามัคคีประชาชนนัดหมายแสดงพลัง ผมก็ตั้งใจจะไปอยู่แล้ว ขอโอกาสนี้ประกาศเชิญชวนพี่น้องประชาชนด้วย ขอเชิญประชาชนทุกหมู่เหล่าที่เดือดร้อนที่ได้รับจากผลงานไม่เอาไหน ส่งไปถึงรัฐบาลประยุทธ์ให้ออกไปได้แล้ว”

                แม้ในวันนี้ ปี่กลองการเมือง ศึกเลือกตั้งยังไม่ทันดัง ยังไม่รู้ว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดขึ้นเมื่อใด บรรดานักการเมืองที่เจนสนามต่างมองไปในทิศทางเดียวกัน กติกาการเลือกตั้งยังคงเดิม พรรคเล็กพรรคน้อยยังพอมีช่องว่างให้ ช่วงชิงคะแนนเสียง ด้วยการประกาศขายจุดยืนให้ชัด และไม่ว่าสนามเลือกตั้งจะมาในสิ้นปี 2564 หรือในปี 2565 ถึงอย่างไรก็ต้องมีการเลือกตั้งอยู่ดี

            ชิงประกาศตัว ย้ำชัดถึงอุดมการณ์ เสนอพรรคทางเลือกเฉพาะเจาะจงกลุ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับ พรรคที่กำกับดูแลโดย นคร มาฉิม ที่พุ่งเป้า ส่งสารชัด จะขายได้มากน้อยขนาดไหนในตลาดประชาธิปไตย เดี๋ยวคงได้รู้กัน!.