อึดอัด-สิ้นหวัง 'ระบอบ 3 ป.' ปลุก ปชช.สลายสีเสื้อขับไล่


เพิ่มเพื่อน    

      นับเป็นสัญญาณอันตรายอย่างยิ่ง หลังจากรัฐสภาคว่ำร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 ปิดประตูตายสนิทให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อให้เกิดรัฐธรรมนูญโดยประชาชนอย่างแท้จริง

            ขณะที่ ข้อเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นต้น ถอนตัวจากรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมลาออก หรือยุบสภา ก็ได้รับการปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

            เช่นเดียวกับท่าทีของผู้มีอำนาจก็ไม่ยี่หระและเกรงใจ แถมยังพูดจาท้าทายอำนาจประชาชน หลังรวมหัวกัน เล่นละครต้มชาวบ้านมาหลายครั้งหลายหน

            จนเป็นเหตุผลให้เกิดความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ ภายใต้การนำของภาคประชาชนที่สิ้นหวังระบบการเมือง หลัง พล.อ.ประยุทธ์ครองอำนาจมาอย่างยาวมาถึง 7 ปี ผลงานการปฏิรูปการเมืองไม่เกิดขึ้น แต่กลับกลายเป็นสร้างอำนาจให้ตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้รหัส "ระบอบ 3 ป." ที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าผูกขาดอำนาจยิ่งกว่า "ระบอบทักษิณ" ที่เชื่อว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงในไม่ช้า

            ความกังวลเช่นนี้ ผ่านความเคลื่อนไหว 2 กลุ่ม คือ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ผ่านการเสวนา 2 ครั้ง เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สรุปใจความว่า ขอให้ประชาชนสลายสีเสื้อ รวมเป็นหนึ่งเดียวในนาม "สามัคคีประชาชน" เพื่อปลดชนวนความขัดแย้งทางการเมือง

            นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 ขยายความว่า บัดนี้ได้เวลาแล้วที่ประชาชนทุกหมู่เหล่าจะออกมาร่วมกันเพื่อปลดชนวนความขัดแย้งและความรุนแรง ด้วยการไล่ พล.อ.ประยุทธ์ลงจากอำนาจ ตามแนวทางสันติวิธีและมีอารยะ แล้วร่วมกันสร้างสังคมใหม่ที่ไม่มีฝักฝ่าย ให้เกิดความปรองดองสามัคคีของคนในชาติภายใต้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

            ส่วนการเคลื่อนไหว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และเจ้าพ่อม็อบ ได้กำหนดท่าทีในวันที่ 4 เม.ย. ที่ "สวนสันติภาพ" เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป เพื่อประเมินสถานการณ์ ก่อนเคลื่อนไหวจริงหลังสงกรานต์

                "หากทุกคนเห็นด้วย ก็มาร่วมกันจัดการประยุทธ์ เมื่อไม่มีประยุทธ์ เชื่อว่าจะได้รัฐธรรมนูญ เหมือนไม่มี พล.อ.สุจินดา พอออกไป ก็แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ไม่มีประยุทธ์ ก็จะได้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเหมือนกัน” ประธาน นปช. กล่าว

            ด้าน รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ประธาน ครป. ขยายความถึงระบอบ 3 ป. ว่า ใช้โครงสร้างอำนาจของ ส.ว. สืบทอดอำนาจตนเองเหมือนกับในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2521 ซึ่งทำให้การเมืองไทยย้อนหลังกลับไป 40 ปี กลายเป็นการเมืองย้อนยุค ที่ให้อำนาจ ส.ว.กำหนดอำนาจการบริหารประเทศ

            ทั้งนี้ ระบอบประยุทธ์ร้ายแรงกว่าระบอบทักษิณ และสร้าง “เผด็จการรัฐสภาสมบูรณ์แบบ” ขึ้นมา ไม่มีกลไกตรวจสอบอำนาจ และปิดปากประชาชนแม้แต่ในการเสนอกฎหมายของตนเอง และร้ายแรงที่สุดคือ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็ไม่ประสงค์ให้มีการแก้ไขเหมือนกับที่แถลงนโยบาย

            รัฐบาลทำตัวเหมือนเรือขวางคลองสุเอซ ขัดขวางกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกรูปแบบ จนเกิดการเมืองต่างขั้วแบบใหม่ที่รุนแรงมากขึ้น และการเมืองแบ่งขั้วที่ทำลายความเป็นมนุษย์มากขึ้น สร้างความแตกแยกในสังคมร้าวลึกลงถึงระดับครอบครัว บริหารบ้านเมืองให้แตกแยกขัดแย้งหนักขึ้นโดยการปราบปรามคนที่เห็นต่างและไม่ให้ประกันตัว

                "ผู้นำประเทศใช้อารมณ์แทนเหตุผลในการบริหารประเทศ ไม่คำนึงถึงความเป็นมนุษยธรรม ท้าทายดูถูกประชาชน คืบคลานไปสู่การเมืองแห่งความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน และนำไปสู่การเมืองแห่งความสิ้นหวัง ถ้าจะสร้างการเมืองแห่งความหวัง พล.อ.ประยุทธ์ต้องออกไป ก่อนการเมืองไทยจะจมลงสู่เหวลึกใต้ทะเล" ประธาน ครป. กล่าว

            ด้านนายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.การต่างประเทศ ฉายภาพการทำงานของรัฐบาลว่า 7 ปีของรัฐบาลประยุทธ์ ทำ 2 เรื่อง คือ 1.เมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ แต่ไม่ก่อให้เกิดการสร้างงาน เช่น โครงการอีอีซี ยังไม่มีผลงาน และมอบโครงการให้แก่ 2-3 ครอบครัวเจ้าสัว และ 2.เอาภาษีไปใส่ในโครงการประชานิยม ไม่นำไปสู่การสร้างงาน แต่หวังผลทางการเมือง และทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันมหาศาล จะบอกให้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือ 3 ป.ให้เปลี่ยนใจคงเป็นไปไม่ได้ แต่ขอให้ประชาชนชั้นกลางและชั้นสูงตั้งสติ และสื่อมวลชนบางส่วนเลิกงมงายระบอบประยุทธ์นิยม และเลิกสนับสนุนยุติปกป้อง โดยออกมาไล่ระบบประยุทธ์ออกไป และหันมาสร้างบ้านเมืองได้แล้ว

                "ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร หนทางเดียวคือทำเหมือนสมัยพ่อขุนรามคำแหง ให้ประชาชนถวายฎีกา นำความคิดเห็นของพวกเรา สร้างรัฐสยามใหม่ ทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย เที่ยงธรรมในสังคม และประชาชนทั้งหมดกว่า 60 ล้านคนมีส่วนร่วม มิใช่ผูกขาดจากกลุ่มคนไม่กี่คนอย่างทุกวันนี้"

            นี่คือความเคลื่อนไหวของภาคประชาชน จากอดีตเคยให้โอกาสมานาน เปลี่ยนเป็นรู้สึกอึดอัด สิ้นหวัง และหมดความอดทน ด้วยการผนึกกำลังออกมาขับไล่ระบอบ 3 ป.ออกไป ถือเป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจจะประมาทไม่ได้ เพราะอาจเป็นเรื่องที่คนไทยเห็นพ้องด้วย มิได้ทะลึ่งเลยเถิดทะลุเพดานอย่างม็อบ 3 นิ้ว ที่คนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"