สั่งแก๊งจีทูเจี๊ยะจ่าย1.5หมื่นล.


เพิ่มเพื่อน    

ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ 2 นักการเมือง-3 อดีตบิ๊กข้าราชการพาณิชย์ยุค "ยิ่งลักษณ์" ต้องชดใช้ค่าเสียหายโครงการระบายข้าวจีทูจี "บุญทรง" 1,768  ล้าน "ภูมิ" 2,242 ล้าน "มนัส-ทิฆัมพร" 4,011 ล้าน "อัฐฐิติพงศ์" ได้ลดเหตุช่วงสัญญา 1-2 ไม่ได้เกี่ยวโดยตรง เหลือ  2,694 ล้าน  

    เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาคดีระหว่าง นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ และอดีตผู้ช่วยเลขานุการในคณะทำงานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว นายอัฐฐิติพงศ์ หรืออัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ฟ้องคดีที่ 1-5 โดยมีนายกรัฐมนตรี, รมว.พาณิชย์, ปลัดกระทรวงพาณิชย์  และกระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-4 กรณีขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่สั่งให้ทั้งหมดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการทุจริตโครงการรับจำนำ และโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)
    ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีที่ 1-5 มีพฤติการณ์จงใจกระทำการทุจริต ร่วมกันกับข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ และภาคเอกชน รวมถึงมีลักษณะการแบ่งงานกันทำ และจงใจทำให้เกิดความเสียหายในโครงการระบายข้าวจีทูจี ดังนั้นจึงเป็นการละเมิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ และจงใจทำให้รัฐเสียหาย ไม่เป็นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี ไม่อาจนำข้าวดังกล่าวมาขายราคามิตรภาพได้หรือต่ำกว่าราคาตลาดได้ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงการชำระเงินเป็นการโอนเงินผ่านธนาคาร และแคชเชียร์เช็ค ไม่สอดคล้องกับการขายข้าวแบบจีทูจี  รวมถึงมีการส่งมอบหน้าคลังสินค้า ทำให้มีการนำข้าวในคลังมาเวียนขายภายในประเทศ การกระทำดังกล่าวจึงทำให้เกิดการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม และมีการแก้ไขสัญญาซื้อขายด้วย ดังนั้นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 มีอำนาจสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 เพื่อให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1, 2, 4, 5 ชดใช้ 20% จากมูลค่าความเสียหายทั้งหมดประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จึงชอบแล้ว
    อย่างไรก็ดีในส่วนของผู้ฟ้องคดีที่ 3 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ ทำหน้าที่ล่ามในการเจรจาซื้อขายข้าว แต่ไม่เคยแสดงความเห็นใด ๆ ในการทำสัญญาฉบับที่ 1-2 ต่อมาเมื่อปี 2555 ได้รับแต่งตั้งเป็น ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว กระทรวงพาณิชย์ และเป็นคณะอนุกรรมการระบายข้าวโดยตำแหน่ง รวมถึงมีการเจรจาและทำบันทึกในการซื้อขายข้าวสัญญาฉบับที่ 3-4  ด้วย ขณะเดียวกันมีส่วนร่วมในการแก้ไขสัญญาซื้อขายข้าวฉบับที่ 2 เช่นกัน
    ศาลปกครองกลางยังระบุอีกว่า ในการคำนวณค่าเสียหายต้องคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งความร้ายแรงและความเป็นธรรมด้วย เมื่อไม่ปรากฏชัดว่าในช่วงที่ผู้ฟ้องคดีที่ 3  เป็นเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ และทำหน้าที่ล่าม เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาฉบับที่ 1-2 โดยตรง แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาฉบับที่ 3-4 และการแก้ไขสัญญาฉบับที่ 2 ในช่วงเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว  กระทรวงพาณิชย์ ดังนั้นการให้ผู้ฟ้องคดีที่ 3 รับผิดทางละเมิด 20% ในสัญญาฉบับที่ 1-2 ด้วยจึงเป็นไม่เป็นธรรม
    โดยพิพากษาว่า ให้นายมนัส (ผู้ฟ้องคดีที่ 1) ชดใช้  4,011 ล้านบาท นายทิฆัมพร (ผู้ฟ้องคดีที่ 2) ชดใช้ 4,011  ล้านบาท นายภูมิ (ผู้ฟ้องคดีที่ 4) ชดใช้ 2,242 ล้านบาท  และนายบุญทรง (ผู้ฟ้องคดีที่ 5) ชดใช้ 1,768 ล้านบาท ส่วนนายอัฐฐิติพงศ์ (ผู้ฟ้องคดีที่ 3) ให้ชดใช้ในส่วนสัญญาฉบับที่ 1-2 จำนวน 10% และชดใช้สัญญาฉบับที่ 3-4 จำนวน 20% รวมชดใช้ 2,694 ล้านบาท
    ส่วนกรณีที่ผู้ฟ้องคดีที่ 1-5 ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ และคำสั่งตั้งคณะกรรมการรับผิดทางละเมิด รวม 4 ฉบับนั้น ศาลเห็นว่า หนังสือทั้ง 4 ฉบับดังกล่าวมิได้มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ฟ้องคดีที่ 1-5 และไม่ใช่คำสั่งทางปกครองที่จะมีผลกระทบ จึงพิพากษาเพิกถอนเฉพาะคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่ 453/59 ลงวันที่ 19 กันยายน 2559 ในส่วนของผู้ฟ้องคดีที่ 3 ที่ให้ชดใช้ 20%  จากมูลค่าความเสียหาย ยกฟ้องผู้ฟ้องคดีที่ 1, 2, 4, 5  ส่วนคำร้องอื่นนอกเหนือจากนี้ให้ยก.
 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"