ผวา!คนร้ายขโมย ล้อมกรงพระล้ำค่า


เพิ่มเพื่อน    

 ผวา! คนร้ายขโมยพระทองสัมฤทธิ์ยุคสุโขทัยอายุเกือบ 800 ปี 2 วัดดังอำเภอศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย สร้างลูกกรงล้อมรอบป้องกันแน่นหนา เผยมีคนเคยมาขอซื้อ 40 ล้านบาท ชาวบ้านเล่าอดีตเคยถึงขั้นกอดปืนนอนเฝ้าระวังโจร ปัจจุบันติดกล้องวงจรปิดแล้ว

    เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งที่ ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย มีพระพุทธรูปเก่าแก่ล้ำค่า จำนวน 3 องค์ เป็นพระเนื้อทองสัมฤทธิ์ยุคสุโขทัย อายุเกือบ 800 ปี อยู่ในวัด 2 แห่ง คือ วัดปลายนา หมู่ 3 และที่วัดจอมแจ้ง หรือวัดภูนก หมู่ 4 ต.บ้านตึก มีการล้อมลูกกรงไว้อย่างแน่นหนา จึงเดินทางไปตรวจสอบ
    พระใบฎีกานพดล ธีรปัญโญ เจ้าอาวาสวัดปลายนา เปิดเผยว่า พระพุทธรูปโบราณดังกล่าวที่วัดนี้มี 2 องค์ มีชื่อรวมกันเรียกว่า พระเทพอักษรชัยมงคล หรือหลวงพ่อสองพี่น้อง เป็นพระปางมารวิชัย องค์ใหญ่ขนาดหน้าตักกว้าง 102 เซนติเมตร ส่วนองค์เล็กหน้าตักกว้าง 88 เซนติเมตร ลักษณะใบหน้ายิ้มแย้ม มีเมตตา และกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนไว้แล้วเมื่อปี พ.ศ.2530 เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดต้นสน แต่หลังจากหลวงพ่อมืด เจ้าอาวาสวัดต้นสนได้มรณภาพ วัดนี้ก็กลายเป็นวัดร้าง ต่อมาหลวงปู่ศุข หรือพระครูคีรีบรรพตโหราจารย์ เจ้าอาวาสรูปที่ 3 ของวัดปลายนา (ดำรงตำแหน่งระหว่างปี พ.ศ.2395-2458) จึงได้อัญเชิญพระเทพอักษรชัยมงคลมาประดิษฐานที่วัดปลายนา ถึงปัจจุบันก็นานกว่า 150 ปีแล้ว
    พระใบฎีกานพดลบอกว่า ครั้งแรกอัญเชิญพระพุทธรูปโบราณมาทั้งหมด 3 องค์ นำประดิษฐานไว้ที่ศาลาการเปรียญ กระทั่งช่วงก่อนปี พ.ศ.2500 ถูกขโมยตัดเศียรไป 1 องค์ เหลือ 2 องค์ กลัวว่าโจรจะย้อนกลับมาอีก จึงจำเป็นต้องย้ายองค์ท่านไปอยู่บนกุฏิแล้วสร้างกรงเหล็กครอบไว้ โดยช่วงแรกๆ ก็จะมีชาวบ้านผลัดกันถือปืนมานอนเฝ้าด้วย แต่ปัจจุบันได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดและมีพระสงฆ์นอนเฝ้าแทน
    “ตอนนี้ที่วัดกำลังสร้างวิหารหลังใหม่แบบหล่อตันทุกด้าน พร้อมเตรียมติดตั้งกระจกกันกระสุน และกล้องวงจรปิดทั้งด้านในด้านนอก ก่อนจะอัญเชิญพระเทพอักษรชัยมงคลมาประดิษฐานในวิหารหลังใหม่ โดยจะมีองค์จำลองให้ญาติโยมได้สักการะปิดทองแทนองค์จริง” พระใบฎีกานพดลกล่าว
    ส่วนที่วัดจอมแจ้ง หรือวัดภูนก หมู่ 4 นายห่วง ระบือ อายุ 63 ปี ประธานตำรวจบ้าน สภ.ศรีสัชนาลัย กล่าวว่า พระโบราณล้ำค่าองค์นี้มีนามว่า หลวงพ่อพิชัยมงคล หรือหลวงพ่อมืด เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย ยุคสุโขทัย อายุเกือบ 800 ปี มีหน้าตักกว้างประมาณ 90 เซนติเมตร กรมศิลป์ขึ้นทะเบียนไว้แล้วเช่นกัน
และยังอัญเชิญมาจากวัดต้นสนแห่งเดียวกัน ซึ่งวัดต้นสนนั้นก็ยังมีตำนานเรื่องเล่าพระประธานกินสามเณรขณะกำลังท่องหนังสือเสียงดังอยู่ในโบสถ์อีกด้วย นอกจากนี้ ที่วัดภูนกก็ยังมีพระพุทธรูปล้ำค่าอีกองค์คือ พระพิชัยหลังช้าง ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 14 นิ้ว อายุประมาณ 152 ปี
    นายห่วงบอกว่า หลังจากอัญเชิญหลวงพ่อพิชัยมงคล พระเก่าแก่เกือบ 800 ปี มาประดิษฐานยังโบสถ์วัดภูนก ก็ปรากฏว่ามีโจรบุกเข้ามาพยายามจะตัดเศียรองค์ท่าน แต่ทำไม่สำเร็จ ต่อมาก็มีการติดต่อขอซื้อหลวงพ่อพิชัยมงคล และพระพิชัยหลังช้าง ให้ราคาสูงถึง 40 ล้านบาท ทำให้ชาวบ้านกลัวสูญหายจนต้องอุ้มพระทั้ง 2 องค์หนีไปซ่อนตามบ้านเรือน ย้ายสลับที่ไปเรื่อยๆ โดยเก็บเป็นความลับ จะรู้กันเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แต่ถ้ามีคนเข้ามาในหมู่บ้านแล้วถามหาองค์พระก็ต้องย้ายที่ซ่อนทันที อุ้มพระหนีโจรกันแบบนี้นานถึง 50 ปี ก่อนจะมีการสร้างพระวิหารติดลูกกรงเหล็กพร้อมกล้องวงจรปิด แล้วอัญเชิญทั้ง 2 องค์มาประดิษฐานเมื่อปี พ.ศ.2546 จนถึงปัจจุบัน
    “ทุกวันนี้ถ้ามีนักท่องเที่ยวเข้ามา ทางวัดก็จะเปิดวิหาร แต่ไม่เปิดกรงเหล็กให้เข้าชม และทุก 8 ค่ำ 15 ค่ำ วันพระ จะเปิดให้ชาวบ้านกราบไหว้บูชา แต่ที่สำคัญทำแค่ปีละครั้งคือ ในวันที่ 15 เมษายนของทุกปี จะมีการอัญเชิญหลวงพ่อทั้ง 2 องค์ออกจากวิหาร เพื่อให้ชาวบ้านได้สรงน้ำตามประเพณีสงกรานต์อย่างใกล้ชิด” นายห่วงกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"