29 มี.ค.64 - เวลา 17.59 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพิจิตร ณ ที่ทำการศาลจังหวัดพิจิตร ตำบลคลองคะเชนทร์ อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร
เมื่อเสด็จฯ ถึงที่ทำการศาลจังหวัดพิจิตร เสด็จเข้าพลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายธานินทร์ อินทร์น้อย ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพิจิตรเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นางนิธิวดี โมกขมรรคกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดพิจิตร เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือที่ระลึกแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลรายงาน และขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพิจิตร
จากนั้น เสด็จออกจากพลับพลาพิธีไปยังมณฑลพิธีวางศิลาฤกษ์ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมแผ่นอิฐ ทอง นาก เงิน และแผ่นศิลาฤกษ์ แล้วทรงวางลงในเบ้า พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว เสด็จฯ ไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้าย “อาคารศาลจังหวัดพิจิตร” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์
จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณแก่ศาลจังหวัดพิจิตร เฝ้าฯ รับพระราชทานของที่ระลึก ตามลำดับ จากนั้น นายเริงศักดิ์ วิริยะชัยวงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 6 เฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย นายธานินทร์ อินทร์น้อย ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดพิจิตรเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายแผ่นศิลาเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธย เสร็จแล้ว เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ แล้วเสด็จฯ ไปยังห้องรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดที่ระลึก
จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว สนามกีฬาโรงเรียนสระหลวงพิทยาคม เพื่อประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังท่าอากาศยานทหาร ดอนเมือง แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ กลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
สำหรับศาลจังหวัดพิจิตร สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2442 เดิมอาคารที่ทำการเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ซึ่งอาคารหลังนี้สร้างมามีอายุถึง 65 ปี มีสภาพชำรุดทรุดโทรมและคับแคบไม่สะดวกแก่การพิจารณาคดี ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2507 กระทรวงยุติธรรมจึงได้จัดสรรงบประมาณเพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพิจิตรหลังใหม่ขึ้น โดยได้กำหนดลักษณะของตัวอาคารเป็นอาคารสูง 2 ชั้น มีห้องพิจารณาคดี 6 ห้อง และได้ใช้งานมามีอายุกว่า 45 ปี
จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2553 ศาลจังหวัดพิจิตร ได้รับจัดสรรที่ดินและงบประมาณก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลหลังปัจจุบัน เป็นอาคารสูง 3 ชั้น ขนาด 14 บัลลังก์ เพื่อรองรับการขยายงานและปริมาณคดีที่เพิ่มขึ้น เหมาะสมที่จะใช้เป็นสถานที่ประสิทธิ์ประสาทความยุติธรรมให้แก่ประชาชนได้เป็นอย่างดี สมแก่เกียรติศักดิ์แห่งสถาบันศาลยุติธรรม ซึ่งใช้อำนาจตุลาการภายใต้พระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ทุกประการ และได้เปิดทำการตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2557 เป็นต้นมา
ศาลจังหวัดพิจิตร มีเขตอำนาจการพิจารณาพิพากษาคดี ในท้องที่จังหวัดพิจิตร รวม 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสากเหล็ก อำเภอสามง่าม อำเภอดงเจริญ อำเภอตะพานหิน อำเภอทับคล้อ อำเภอบางมูลนาก อำเภอบึงนาราง อำเภอโพทะเล อำเภอโพธิ์ประทับช้าง อำเภอเมืองพิจิตร อำเภอวชิรบารมี และอำเภอวังทรายพูน
ในการเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพิจิตรครั้งนี้ นับเป็นการเสด็จพระราชดำเนินครั้งแรกหลังจากทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพุทธศักราช 2562 โดยมีราษฎรมารอเฝ้าฯ รับเสด็จตลอดสองฝั่งถนนที่เสด็จฯ ผ่าน ทุกคนพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง โบกธงชาติ โบกธงพระปรมาภิไธย “วปร.” และธงพระนามาภิไธย “สท” พร้อมเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ด้วยความจงรักภักดีต่างปลื้มปีติที่ได้ชมพระบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงโบกพระหัตถ์ และทรงแย้มพระสรวลให้แก่ราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ ขณะที่รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่านอย่างช้าๆ
ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้กองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง ร่วมกับโรงพยาบาลและหน่วยสาธารณสุขจังหวัดพิจิตร ออกให้บริการด้านสาธารณสุข ดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเจลแอลกอฮอล์กับพิมเสนน้ำ และให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ ถูกสุขอนามัย พระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ โดยมีรายการอาหาร และน้ำดื่ม การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติแก่ราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างหาที่สุดมิได้
นางอุบลรัตน์ ฤกษนันทน์ ครูชาวพิจิตรกลั้นน้ำตาแห่งความปลื้มปีติเอาไว้ไม่อยู่บอกว่า วันนี้เป็นวันสำคัญที่ในหลวงและพระราชินีเสด็จฯ เมืองพิจิตร โดยเป็นวันครบรอบวันเกิด 50 ปีของตนด้วยจึงขออนุญาตผู้บริหารเดินทางจากบ้านตั้งแต่เวลา 6.00 น. เพื่อมารอเฝ้าฯ รับเสด็จ มีความปลื้มปิติเป็นที่สุดที่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินเสด็จฯ มา และภูมิใจเป็นส่วนหนึ่งของพสกนิกรที่ได้มาอยู่ในพื้นที่รับเสด็จฯ อย่างใกล้ชิด
ด้าน นายรัตน์ บุญเกิดกูล ขี่จักรยานยนต์พ่วงข้างมาจาก อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เพียงคนเดียเพื่อมารอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพราะอยากชื่นชมพระบารมีของทั้งสองพระองค์
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |