ชีวิตบาลานซ์ด้วยงานและดนตรี
จากมิตรภาพของ 3 หนุ่มเพื่อนสนิท แม้ว่าในฐานะนักธุรกิจจะมีภารกิจรัดตัวด้วยหน้าที่การงานที่เป็นถึงผู้บริหารระดับสูง และเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ที่มีตารางงานแน่นเต็มทุกวัน ต้องมีความรับผิดชอบมากมาย แต่ทั้งสามกลับสามารถบาลานซ์ความสุขให้กับชีวิตได้ ด้วยความเป็นเพื่อนสนิทคอเดียวกัน ที่แม้ไม่ได้ทำธุรกิจด้วยกันยังสามารถจัดเวลาทำกิจกรรมที่เป็นความฝัน ความชอบตั้งแต่วัยเด็กของทั้ง 3 คนได้ นั่นคือ “การเล่นดนตรี” ร่วมกัน
“ใหญ่-โอภาส ถิรปัญญาเลิศ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ จำกัด ที่ปรึกษาสื่อการตลาดด้านอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบรนด์ MAXXI CONDO วนเวียนอยู่ในวงการมากว่า 20 ปี ตั้งแต่รับเหมาก่อสร้าง นักลงทุนคอนโดฯ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จนมาเป็นสื่อและที่ปรึกษา ด้วยสภาพเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง ทำให้ปีนี้สิ่งที่ท้าทายที่สุดคงเป็นเรื่อง “การปรับตัวและองค์กรให้ทันกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก รวมทั้งการคิดกลยุทธ์ใหม่ๆ มาตอบสนองลูกค้าในตลาดที่การแข่งขันมากขึ้นด้วย” ส่วนคติการทำงานที่ทำให้เอาตัวรอดมาตั้งแต่ยุคต้มยำกุ้งปี 40 ที่ยังคงยึดถือมาตลอด คือ การทำธุรกิจต้องอึดให้พอและกัดไม่ปล่อย
ส่วนทางด้านของ “เอก-เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD จากการเป็น CFO จึงมีหน้าที่ดูแลเรื่องการวางแผนการเงินการลงทุนทั้งองค์กร รวมไปถึงแผนการขยายธุรกิจกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ถ้าไม่ติดว่ามีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปกติจะมีภารกิจเดินทางไปประชุมต่างประเทศทุกๆ เดือน โดยเขาบอกว่าความท้าทายของปีนี้คือ “ต้องขยายธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการด้านโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ของบริษัทในเครือ ส่วนตัวแล้วมีคติในการทำงานว่า อย่ากลัวที่จะริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ความท้าทายจะเป็นบันไดให้เราก้าวต่อไปเสมอ ทำให้ธุรกิจของ JWD โตขึ้นทุกปีนั่นเอง
สำหรับอีกหนึ่งสมาชิกเพื่อนซี้อย่าง “เอ-ประวีณ ปัญญาสกุลวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยุทธพร ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากมาย ซึ่งปีที่ผ่านมาแน่นอนว่าเป็นปีที่ยากมาก โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม แต่เจ้าตัวก็สามารถรับมือได้ด้วยการปรับตัวที่รวดเร็วและเป็นระบบ สามารถปรับโรงแรมในเครือมาเป็นโรงแรมที่ใช้กักตัว และเปลี่ยนเป็นการรับแขกเป็นกลุ่มเฉพาะแทน ความท้าทายของธุรกิจในปัจจุบันคือ “การพัฒนาความสามารถขององค์กรที่จะปรับตัวเข้ากับธุรกิจยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงเร็ว และความสามารถในการพาองค์กรผ่านพ้นในภาวะวิกฤติให้ได้ โดยยึดคติในการทำงานว่า วินัยในความคิดและการทำงาน วินัยของการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานทุกภาคส่วนต่องานที่ตัวเองรับผิดชอบ คือสิ่งสำคัญที่จะพาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน”
ทั้ง 3 หนุ่มต่างธุรกิจ ที่มาเป็นเพื่อนสนิทกันจากการที่ได้รู้จักกันในหลักสูตรอบรมนักธุรกิจ จึงชักชวนมาตั้งวงเล่นดนตรีด้วยกัน เพราะมีความชื่นชอบเล่นดนตรีเหมือนกัน อยากมีโอกาสได้กลับมาเล่นดนตรีอีกครั้งหลังจากที่เคยมีวงดนตรีเล่นสมัยเด็กๆ และหยุดไปนานเพราะภารกิจการงานที่มากมาย
“สมัยเด็กๆ ผมเคยเรียนดนตรีนะ ก็เริ่มจากเปียโนก่อน แต่ไม่ค่อยอิน กลับมาถนัดและชอบเล่นเบสมากกว่า ก็เลยกลายเป็นมือเบส เล่นเบสกับเพื่อนมาเรื่อยๆ ด้วยความที่ผมเป็นคริสเตียน จึงมีโอกาสตั้งวงได้เล่นดนตรีในโบสถ์เป็นประจำ ชอบเล่นดนตรีขนาดที่ว่า ลงทุนจ้างมืออาชีพมาออกแบบสร้างห้องซ้อมดนตรีที่บ้าน และทำห้องอัดเสียงเป็นเรื่องเป็นราวที่สามารถใช้อัดเสียงทำอัลบั้มได้จริงจังเลย” ประวีณกล่าว
เอกพงษ์เล่าเสริมว่า เริ่มสนใจเล่นดนตรีตั้งแต่อายุ 14 ปี เริ่มจากหัดกีตาร์โปร่ง แล้วก็ลองมาเล่นกีตาร์ไฟฟ้า และตั้งวงดนตรีกับเพื่อนๆ ตั้งแต่สมัยอยู่ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล เข้าประกวดวงดนตรีของโรงเรียนได้รางวัลชนะเลิศสมัยอยู่ ม.5 พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังคงจับกลุ่มกับเพื่อนๆ ตั้งวงดนตรีเล่นในงานและกิจกรรมต่างๆ ในมหาวิทยาลัยมาเรื่อยๆ จนเรียนจบเริ่มทำงานก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เล่นดนตรีมากนัก
“ผมไม่เคยเรียนดนตรีเป็นเรื่องเป็นราวเลย แต่อยากเล่นกีตาร์มาก เพราะรู้สึกว่าคนเล่นกีตาร์เป็นจะเท่ ตอน ป.6 มีพี่แถวบ้านมาสอนจับคอร์ดกีตาร์อยู่ 4 คอร์ดแค่นั้น เลยซื้อหนังสือสอนกีตาร์มาหัดเล่นกีตาร์โปร่งเอง เด็กๆ ก็ไม่มีกีตาร์ดีๆ ต้องหัดเล่นกีตาร์สายแข็งๆ ตัวเดียวอยู่หลายปี จนตอน ม.ปลายก็ได้ตั้งวงกับเพื่อนๆ แต่ด้วยความอัดอั้นที่อยากมีกีตาร์ดีๆ ตอนเด็กๆ เลยชอบซื้อกีตาร์มาเก็บสะสมแทน พอตอนมีโอกาสปลูกบ้านเลยออกแบบทำห้องซ้อมดนตรีไว้ในบ้านด้วย เผื่อไว้เล่นดนตรีกับลูกๆ” โอภาสกล่าว
สำหรับทั้ง 3 นักธุรกิจ ต้องยอมรับว่าปัจจุบันด้วยตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ การทำงานก็ยังคงยุ่งทุกวัน มีภารกิจแน่นทั้งวัน ทั้งการประชุม การบริหารกิจการ การพบปะลูกค้า รวมถึงการเดินทางที่มีบ่อยมาก แต่ก็ต้องถือว่าพอจะบริหารเวลาได้ดีมากขึ้น พอมารู้จักกันแล้วก็รู้สึกถูกชะตาและเคมีตรงกันมาก นอกจากชอบเล่นดนตรีเหมือนกันแล้ว แนวทางการเล่นดนตรีของพวกเขายังเหมือนกัน คือ เน้นสนุกสนาน ผ่อนคลายให้หายเครียดจากการทำงานที่หนักและต้องรับผิดชอบสูงมากทุกคน และทั้ง 3 คนลงความเห็นตรงกันว่าการได้มาเล่นดนตรีของพวกเขาเหมือนการได้มาชาร์จแบตเพิ่มพลังให้ชีวิต ทำให้พร้อมลุยกับหน้าที่ของตัวเองในการขยายธุรกิจต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |