เจอเคสแรก‘แม่ค้าราชบุรี’ ฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อโควิด


เพิ่มเพื่อน    

 เจอเคสแรก! แม่ค้าราชบุรีฉีดวัคซีนแล้วยังติดโควิด โชคดีกักตัวตลอด ศบค.พบผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย จากนครปฐม มีประวัติการเดินทางไปบางแค สาธารณสุขเตือน เปิดจองวัคซีนโควิดของกลุ่มไลน์ Qinsong Group เป็นข่าวปลอม  หากโรงพยาบาลไหนมีเอี่ยวเชือดทันที  

          เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2564 ข้อมูลจากศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จ.ราชบุรี รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อระลอกใหม่เพิ่ม 1 ราย และเป็นผู้ป่วยรายที่ 50 ของจังหวัด เป็นเพศหญิงอายุ 29 ปี อาชีพขายอาหารทะเล ที่ตลาดกิตติ บางแค กทม. อาศัยอยู่ที่ ต.สามเรือน อ.เมืองราชบุรี
        สำหรับไทม์ไลน์ผู้ป่วยรายที่ 50 มีดังนี้     10-12 มี.ค. พักผ่อนอยู่บ้าน ต.สามเรือน อ.เมืองราชบุรี ไม่ได้ไปขายอาหารทะเลที่ตลาดกิตติ บางแค กทม. เพราะตลาดถูกสั่งให้ปิดเนื่องจากมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก, 13 มี.ค. 05.00 น. เดินทางไปตลาดกิตติ เนื่องจากได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลตลาด แจ้งให้ไปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยการเก็บน้ำลายส่งตรวจ
        14-17 มี.ค. พักผ่อนและกักตัวอยู่บ้านไม่ได้ออกไปที่ไหน ยังไม่มีเจ้าหน้าที่โทร.แจ้งผลการตรวจหาเชื้อให้ทราบ แต่ทราบจากเพื่อนในกลุ่มไลน์ว่าไม่มีผู้ใดพบเชื้อ, 18 มี.ค. เวลา 12.00 น. เดินทางไปตลาดกิตติ เนื่องจากได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลตลาด แจ้งให้ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (เข็มที่ 1) หลังจากฉีดวัคซีนเสร็จเรียบร้อยจึงเดินทางกลับบ้านโดยรถยนต์ส่วนตัว ไม่ได้แวะที่ไหน,    19 มี.ค. พักผ่อนและกักตัวอยู่บ้านไม่ได้ออกไปที่ไหน
       20 มี.ค. เจ้าหน้าที่ สธ.สำรวจและพบว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวมีอาชีพค้าขายอยู่ที่ตลาดกิตติ กักตัวอยู่ที่บ้านเนื่องจากตลาดปิด จึงนำมากักตัวที่สถานกักกันของรัฐ (Local quarantine) จ.ราชบุรี,
 20-25 มี.ค. เปลี่ยนมากักตัวที่สถานกักกันของรัฐ (Local quarantine) จ.ราชบุรี, 26 มี.ค. รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนครบกำหนดกักตัว 14 วัน (ครบกำหนดวันที่ 27 มี.ค.) ก่อนที่เวลา 18.00 น. จะทราบผลว่าพบเชื้อโควิดและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลราชบุรีทันที
    ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เปิดเผยสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีผู้ป่วยรายใหม่ 80 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 73 ราย ได้แก่ จากการตรวจพบระบบเฝ้าระวังและบริการ 41 ราย ประกอบด้วย กรุงเทพฯ 25 ราย, สมุทรสาคร 11 ราย, นครปฐม 1 ราย, นครสวรรค์ 2 ราย, ปทุมธานี 1 ราย และสมุทรปราการ 1 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 32 ราย ประกอบด้วย กรุงเทพฯ 23 ราย, นนทบุรี 2 ราย, สมุทรสาคร 4 ราย, ตาก 1 ราย,  สมุทรปราการ 2 ราย และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 7 ราย
เตือนหลอกจองวัคซีน
    ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 28,657 ราย รักษาหายป่วยเพิ่ม 104 ราย รวมรักษาหายป่วย 27,136 ราย ผู้ป่วยรักษาอยู่ 1,428 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เป็นผู้ป่วย ชายไทยอายุ 45 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน อาศัยอยู่ในจังหวัดนครปฐม มีประวัติเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงในเขตบางแค โดยวันที่ 16 มี.ค. มีอาการเหนื่อยหอบ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พบน้ำตาลในเลือดสูง และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลตรวจไม่พบเชื้อ จากนั้นวันที่ 25 มี.ค. ผู้ป่วยเกิดอาการหมดสติ จึงนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง และทำการฟื้นคืนชีพ อาการไม่ดีขึ้น และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โรงพยาบาลส่งตรวจหาเชื้อโควิด ผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมรวม 93 ราย
    ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อ 126,700,364 ราย เสียชีวิตรวม 2,779,741ราย
    นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า พบเบาะแสการเปิดจองวัคซีนโควิด-19 ผ่านสื่อโซเชียล ในกลุ่มไลน์ Qinsong Group ซึ่งมีการอวดอ้างว่าวัคซีนของตนนั้นมีประสิทธิภาพในการต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์ และสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ตนจึงมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรม สบส.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงแหล่งที่มาของกลุ่มไลน์ดังกล่าว
    นพ.ธเรศกล่าวว่า ในเบื้องต้นพบว่าข้อมูลการเปิดจองวัคซีนโควิดของกลุ่มไลน์ Qinsong Group เป็นข่าวปลอม (Fake News) อีกทั้งกลุ่มไลน์ดังกล่าวมิได้มีการจัดตั้งในประเทศไทย แต่หากกรม สบส.ตรวจพบว่าสถานพยาบาลเอกชนแห่งใดในประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มไลน์ดังกล่าว จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายโดยทันที ซึ่งการเปิดจองวัคซีนโควิด-19 และโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณว่าวัคซีนของตนสามารถสร้างภูมิคุ้มกัน 100 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่มีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับนั้น เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ในมาตรา 38 วรรค 1 ฐานไม่ขออนุมัติและได้รับอนุมัติให้โฆษณา ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะระงับการโฆษณา และมาตรา 38 วรรค 2 ฐานโฆษณาในลักษณะอันเป็นเท็จ โอ้อวดเกินความจริง และน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการสถานพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะระงับการโฆษณา
ยันฉีดฟรีครบทุกคน
    ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไว้อย่างเพียงพอสำหรับคนไทยกลุ่มเสี่ยงทุกคน และทุกเชื้อชาติที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงของประเทศ ตามความสมัครใจโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเดิมจำนวนประชากรเป้าหมายของประเทศที่จะต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 มีจำนวน 30 ล้านคน ด้วยความพยายามของรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนเพิ่มและความชำนาญของบุคลากรทางการแพทย์ในการฉีดวัคซีน ทำให้ประเทศไทยมีวัคซีนโควิด-19 สำหรับฉีดให้กับคนในประเทศได้ประมาณ 37 ล้านคน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการฉีดให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 ทำให้คนในประเทศเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ส่งผลให้เปิดประเทศได้อย่างปลอดภัย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น
       เขากล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรวัคซีนโควิด-19 ไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้แต่ละจังหวัดบริหารจัดการการฉีดวัคซีน เนื่องจากทราบข้อมูลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี ในส่วนกลุ่มเป้าหมายอื่นที่อาจตกหล่น เช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในแต่ละพื้นที่ กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานไปยังหน่วยงานตรง เพื่อจัดสรรวัคซีนให้กับสถานบริการในสังกัดนำไปฉีดโดยเฉพาะ
        นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยสำรวจกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติม ให้เกิดความครอบคลุมในการรับวัคซีนมากขึ้น ข้อมูล ณ วันที่ 26 มีนาคม 2564 ได้จัดสรรวัคซีนไปยังพื้นที่เป้าหมายต่างๆ แล้วจำนวน 270, 500 โดส จากซิโนแวค 190,720 โดส และแอสตราเซเนกา 79,780 โดส ฉีดให้กับประชาชนไปแล้ว 148,905 โดส ซึ่งวัคซีนจากซิโนแวคจะมาเพิ่มอีก 800,000 โดส ในเดือนเมษายน กระทรวงสาธารณสุขจะมีการปรับแผนการจัดฉีดวัคซีนโดยขยายจำนวนหน่วยบริการตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับมา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการฉีดวัคซีนมากขึ้น              นายอนุทินเผยว่า เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ได้ไปติดตามความคืบหน้าการจัดฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนด้วยตนเอง ที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งพบว่าระบบการฉีดเป็นไปตามขั้นตอน มีความเรียบร้อยดี ผู้ที่มารับการฉีดทุกคนเป็นกลุ่มเป้าหมายตามแผน จากการติดตามอาการหลังการฉีดตามระบบส่วนใหญ่ไม่มีอาการข้างเคียง และขอเชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนตามนัดให้ครบทั้ง 2 เข็ม เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"