27 มี.ค.64 - ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการ กทม. กล่าวบรรยายในโครงการ The Change Maker ของพรรคเพื่อไทย กิจกรรม Boot Camp สัปดาห์ที่ 3 ในหัวข้อ มิติของการคิดเชิงอนาคต (Future Thinking) โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบันและอนาคต รวมถึงระบบความคิดเกี่ยวกับเรื่องอคติและการก้าวข้ามอคติ อาทิ การยึดที่กระบวนการ ไม่ยึดติดตัวบุคคล, ปฏิบัติตามศีล 5 และคิดวิเคราะห์ พร้อมข้อแนะนำสรุปได้ว่า ก่อนเปลี่ยนประเทศต้องเริ่มที่ตัวเรา ทำอย่างไรให้รู้สู้อนาคตได้ จะเปลี่ยนตัวเองอย่างไรขึ้นอยู่กับมีกึ๋นแค่ไหน ถ้ามีความรู้ ประสบการณ์มากพอเปลี่ยนประเทศได้ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น มีระเบียบวินัย ขยันหมั่นเพียร เชื่อในการกำหนดชีวิตของตัวเอง เพื่อเปลี่ยนตัวเองให้เข้มแข็ง

ช่วงท้ายของการบรรยาย ผู้เข้าอบรมได้ถามว่าถ้าเปลี่ยนแปลงได้หนึ่งอย่างในประเทศอยากเปลี่ยนอะไร นายชัชชาติ ตอบว่า ถ้าเปลี่ยนได้อย่างหนึ่ง อยากเปลี่ยนเรื่องความเหลื่อมล้ำ ที่กำลังห่างขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเทคโนโลยีที่กระจายไม่เท่ากัน ตนคงเปลี่ยน กทม.คนเดียวไม่ได้ ต้องมาเป็นทีม หมดยุคที่จะมีอัศวินม้าขาวแล้ว ต้องขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงร่วมกัน เมื่อไหร่ที่เรียกขอให้มาช่วยกัน เพราะความเปลี่ยนแปลงต้องการพลัง วิสัยทัศน์ของตนคือทำอย่างไรให้ กทม.เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน

ส่วนปัญหาจราจร นายชัชชาติ เห็นว่า กทม.ต้องตั้งศูนย์ปฏิบัติการให้ผู้ว่าฯ นั่งหัวโต๊ะ มาดูว่าปัญหาอยู่ตรงไหน ต้องแก้ตรงไหน เพราะ กทม.ปฏิเสธการเป็นเจ้าบ้านไม่ได้ ผู้ว่าฯ จึงต้องนั่งหัวโต๊ะเอง เพื่อให้ปัญหาดีขึ้น ขณะที่การแก้ปัญหาชุมชนแออัดในพื้นที่ กทม. แน่นอนว่าชุมชนแออัดไม่มีทางหมดไปจาก กทม. แต่ดีขึ้นได้ หากรัฐบาลลงไปดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราต้องใส่ใจเส้นเลือดฝอยให้มากขึ้น

จากนั้น นายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะหลีกทางให้กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ที่เตรียมลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. โดยย้ำว่า ไม่มี ตนจะลงสมัครในนามอิสระ ส่วนความพร้อมขณะนี้ก็มีทีมงานช่วยคิดนโยบายลงพื้นที่อยู่ตลอด และไม่ได้พูดคุยกับทางพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด ตนไม่ได้ท้าชน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ไม่ได้แข่งกับใคร แต่เป็นการเสนอความหวังเป็นทางเลือกให้ประชาชน ซึ่งเราเตรียมตัวมาปีกว่าแล้ว ตอนนี้ก็สบายๆ ไม่ใช่แข่งขันเอาเป็นเอาตาย แต่เป็นการแข่งกันหาความหวังให้ประชาชนดีกว่า

ส่วนที่โพลระบุว่านายชัชชาติมีคะแนนนำ แต่มีคนที่ยังไม่ตัดสินใจจำนวนมากนั้น นายชัชชาติ ระบุ ตอนนี้รอให้มีตัวเลือกที่ครบก่อน อาจจะมีคนที่เก่งหรือดีกว่าตน ซึ่งไม่ได้กังวลจุดนั้น ยิ่งมีตัวเลือกมากยิ่งเป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย ตนไม่ได้มุ่งมั่นที่จะเอาชนะ แต่มุ่งมั่นหาคำตอบสร้างความหวังให้ประชาชนมากกว่า

เมื่อถามถึงข้อเสนอแนะต่อคนรุ่นใหม่ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ในขณะนี้เกี่ยวกับแนวคิดการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มที่ตัวเรา นายชัชชาติ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา จะไปคาดหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน 1 ปีถือว่าเร็วเกินไป ต้องมองว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป และเรียนรู้สิ่งที่ผ่านมา