26 มี.ค.64 - ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) หรือ ศบศ. ครั้งที่ 1/2564 โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวในช่วงต้นของการประชุม ศบศ. ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทักทายผู้เข้าร่วมประชุมว่า วันนี้ทุกคนที่มาร่วมประชุมล้วนเป็นหลักในการบริหารช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ จึงขอให้ร่วมกันรับฟังข้อเสนอว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะการทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และในขณะเดียวกันต้องดูความปลอดภัยจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วย หลายอย่างต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน
ต่อมาเวลา 10.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังเป็นประธานการประชุม ศบศ. เพียง 50 นาที และมอบหมาย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมต่อ โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทันทีที่ถึงโพเดียมที่เตรียมไว้ให้แถลงข่าว แม้ขณะนั้นผู้สื่อข่าวและช่างภาพจะยังมาไม่ถึง ว่า ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เราต้องดูทั้งเรื่องของปัญหาสุขภาพ และเรื่องของเศรษฐกิจไปพร้อมๆกัน ทั้งสองอย่างต้องเดินหน้าไปด้วยกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของวัคซีน ได้รับรายงานว่าวันนี้มีการนำวัคซีนเข้ามาอีกยี่ห้อหนึ่ง คือ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งฉีดเพียงเข็มเดียว ถือเป็นสินค้าในภาวะฉุกเฉินก่อนในขณะนี้ จะเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ได้ไปจำกัดใครทั้งสิ้น วันนี้ก็ได้เน้นย้ำในเรื่องของการฉีดวัคซีนให้เป็นไปตามแผนที่เรามีวัคซีนเข้ามาในประเทศ ทั้ง 3 ยี่ห้อ ประกอบด้วย แอสตราเซเนกา ซิโนแวค และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ก็จะทยอยดำเนินการฉีด
"วันนี้เข้ามาเพียงแค่ 200,000 โดส แล้วก็จะเข้ามาอีก 800,000 โดส เป็น 1 ล้านโดส ภายใน 2 เดือนนี้ ซึ่งอย่าลืมว่าทั้งหมดเราจะมีวัคซีนเพียงแค่ 2 ล้านโดส ซึ่งก็เหมือนกับประเทศอื่นที่จะทยอยเข้ามา การแข่งขันทางการค้าค่อนข้างสูง แต่หลังจากเดือนเมษายนแล้วจะเข้ามาอีกมากพอสมควร ประมาณเดือนละ 10 ล้านโดส ดังนั้นเราต้องเร่งรัดในเรื่องการฉีดวัคซีน ซึ่งจะต้องมีการกำหนดว่าจะฉีดที่ไหนอย่างไร และกลุ่มใดบ้าง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข ท้องถิ่น สาธารณสุขจังหวัด และจังหวัด ที่สำคัญต้องหาข้อมูลว่าประชาชนยินดีจะฉีดหรือไม่ หลายคนไม่อยากฉีด ไม่กล้าฉีด แต่ถ้าเรานับจำนวนฉีดวัคซีนวันนี้เราก็ฉีดได้สอดคล้องกับวัคซีนที่มีอยู่"
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดอีกประการหนึ่ง คือวันนี้เรามีมาตรการช่วยเหลือประชาชนไปมากพอสมควรหลายอย่าง แต่ก็ไม่ใช่เป็นการไปแจกเงิน แต่เป็นการทำให้ทุกคนสามารถดำรงชีพอยู่ได้ สนับสนุนห่วงโซ่เรื่องการใช้จ่ายในสังคม ซึ่งตามไปถึงผู้ผลิต นำสู่ถึงวัตถุดิบ ถ้าคนไม่มีกำลังซื้อก็ต้องทำแบบนี้ ขณะเดียวกันก็ต้องเสริมธุรกิจใหม่ของเราในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นอยู่แบบนี้ ทุกคนต้องช่วยกันในเรื่องของการลงทุนใหม่ ลงทุนภายในประเทศ การออมเงินของเรามีเพิ่มขึ้นหลายแสนล้าน ไม่ใช่ไม่มีสตางค์ คนมีสตางค์เราก็มี แต่ต้องช่วยเอามาใช้จ่าย ช่วยกันลงทุนบ้าง รัฐบาลเองก็มีเงินจำกัดอยู่แค่นี้ คืองบประมาณแผ่นดินและเงินในส่วนของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งก็ต้องเร่งลงทุนไป ถึงคาดการณ์ว่าถ้าเราช่วยกันแบบนี้ทุกภาคส่วน หอการค้า ภาคอุตสาหกรรม รัฐบาล ธุรกิจเอกชน ร่วมมือกันในทุกมิติ เราน่าจะดันจีดีพีของประเทศให้ขึ้นถึงร้อยละ 4 ได้ ในปีนี้และปีหน้า เราตั้งเป้าหมายไว้ เราต้องทำลายอุปสรรคตรงนี้ให้ได้ ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน
"ผมไม่อาจสามารถทำให้ทุกคนเข้าใจได้ทั้งหมด แต่อยากให้ทุกคนพยายามทำความเข้าใจกับผมหน่อย ว่าผมพยายามทำอย่างเต็มที่ ในการใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง ไม่มีเงินให้ก็ไม่ชอบ พอให้ก็บอกว่าแจกเงิน แล้วมันจะไปทางไหน ดังนั้นเวลาจะเสนอแนวทางอะไรก็ขอเสนอวิธีการที่เหมาะสมให้ผมดูด้วย วันนี้ในส่วนนี้เราก็ต้องใช้จ่ายไป เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ภาคการผลิตก็สามารถดำเนินการได้ ไม่เช่นนั้นก็จะตกงานกันหมด ทั้งหมดคือวัตถุประสงค์ตรงนี้ ไม่ได้ให้ใครมารักผม เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องทำแบบนี้ ขณะเดียวกันก็ต้องหาเงินให้ได้มากยิ่งขึ้นว่าจะทำอย่างไร ถ้าเราไม่สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน มันก็ไปไม่ได้ทั้งหมดนั่นแหละประเทศไทย มันไปไม่ได้ ทั้งที่เรามีศักยภาพเยอะพอสมควร คนไทยไม่ใช่ไม่เก่ง เพียงแต่สิ่งที่เรารับรู้รับทราบในวันนี้ เป็นเรื่องของอุปสรรค ความขัดแย้ง จนทุกอย่างไปไม่ได้หมด ผมไม่ได้โทษใคร กรุณาเข้าใจด้วย ผมไม่ได้โทษประชาชน และผมไม่อยากจะโทษใครทั้งสิ้น แค่นี้นะ ขอบคุณ"พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินกลับขึ้นไปยังห้องทำงาน บนตึกไทยคู่ฟ้า เป็นเวลาประมาณ 5 นาที ก่อนที่จะเดินกลับเข้ามาร่วมประชุม ศบศ. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ต่อ
ทั้งนี้รายงานข่าวจากที่ประชุมแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีอารมณ์หงุดหงิดตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มี.ค. โดยเฉพาะเรื่องแผนการฉีดวัคซีน ที่ยังมีการทวงถามและความไม่ชัดเจนในส่วนของภาคเอกชน รวมทั้งมาตรการการช่วยเหลือประชาชนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ โดยแบ่งความเห็นออกเป็น 2 ฝ่าย ทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในโครงการให้เงินช่วยเหลือประชาชน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |