25 มี.ค. 2564 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวในงานสัมมนา "ปี 2021 ประเทศไทยไปต่อ" ว่า เชื่อว่าประเทศไทยยังสามารถเดินหน้าต่อได้ โดยรัฐบาลยังคงยืนยันที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ให้มีอัตราการเติบโตได้ที่ระดับ 4% แม้หลายหน่วยงานจะมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจเติบโตได้เพียง 3% หรืออาจน้อยกว่านั้น เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่มองว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้เพียง 2.7% เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากรายได้การท่องเที่ยวที่หดหายไปจากการระบาดของโควิด-19 โดยรัฐบาลมองว่าเป้าหมายการเติบโตที่ 4% เป็นเป้าหมายที่ท้าทายและต้องพยายามจะไปถึงให้ได้
ทั้งนี้ การจะไปสู่เป้าหมายการเติบโตที่ 4% นั้น อาจต้องมีการเตรียมความพร้อมเรื่องการเปิดประเทศต้องรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา ซึ่งหากสามารถทำได้เร็วกว่าเดือน ต.ค.2564 เช่นภูเก็ตโมเดลที่เตรียมจะเสนอแนวทางต่อรัฐบาลนั้น จะเป็นตัวสร้างรายได้เข้าประเทศได้เร็วขึ้น โดยหันมาเน้นนักท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพมากขึ้น และมีการใช้จ่ายต่อหัวสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ไทยสามารถลดการพึ่งพาจำนวนนักท่องเที่ยวต่อปีในอัตราที่สูงถึง 40 ล้านคนต่อปีลงได้
"จะไม่มุ่งเน้นการท่องเที่ยวแบบ 40 ล้านคน เพราะยังมีโอกาส ยังมีช่องที่จะทำได้ เช่น โครงการผู้เกษียณอายุของต่างประเทศ คนเหล่านี้ในประเทศตะวันตกมีบำนาญ มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มีสวัสดิการ มีเงินประกันสุขภาพ ถ้านำเข้ามาในประเทศได้ การใช้จ่ายต่อหัวน่าจะเกินระดับแสนบาทขึ้นไป เราไม่ขอเยอะ ขอแค่ล้านคน ต่อปีก็ได้หลายล้าน ๆ บาท ไม่ต้องรอให้ 40 ล้านคนเข้ามา ที่ต้องเสี่ยงกับการเข้ามาทำลายทรัพยากร หรือต้องเฝ้าระวังทรัพยากรธรรมชาติในประเทศไทย" นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประเทศไทยถือได้ว่าเข้าสู่ช่วงปลายของการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว ซึ่งรัฐบาลจะต้องประคองและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดควบคู่ไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศด้วย ขณะเดียวกันก็หวังให้ภาคประชาชนที่มีเงินออม นำเงินที่ออมส่วนหนึ่งออกมาใช้จ่ายอันเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ ซึ่งรัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ไปศึกษามาตรการเพื่อจูงใจให้คนกลุ่มนี้นำเงินออมส่วนเกินออกมาใช้ โดยเบื้องต้นอาจมีรูปแบบคล้าย co-pay ส่วนรายละเอียดจะเป็นลักษณะใดขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ไปศึกษาก่อน
“ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่หมายความให้ทุกคนเลิกออม แต่ที่ผ่านมาตัวเลขการออมเติบโตเฉลี่ยปีละ 3% ส่วนปีที่ผ่านมาการออมเพิ่มขึ้นถึง 11% จึงอยากให้นำเงินออมส่วนเกินนี้ออกมาจับจ่ายใช้สอย มาช่วยชาติ ได้สินค้าและบริการที่ราคาย่อมเยาว์ โดยรัฐมีส่วนร่วมด้วย” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ในเรื่องของการกู้เงินนั้น ยอมรับว่าในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมารัฐบาลมีการกู้เงินจำนวนมาก ซึ่งเป็นความจำเป็นที่ต้องกู้มาใช้เพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ กว่า 162 โครงการ ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และการวางรากฐานของประเทศสำหรับอนาคต ซึ่งโครงการส่วนใหญ่เน้นการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทั้งการก่อสร้างถนน ทางด่วน มอเตอร์เวย์ การลงทุนโครงการขนส่งระบบราง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |