25 มี.ค.64 - นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แสดงความคิดเห็นต่อการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่าผิดหวัง ครม. พล.อ.ประยุทธ์ 2/4 ชุดใหม่ เพราะไม่มีอะไรใหม่ในการเมืองเก่า โควตารัฐมนตรีเป็นไปตามมุ้งการเมืองในพรรค ตัวแทนกลุ่มใครก็ได้ไปเป็นรัฐมนตรีทั้งๆ ที่ยังไม่มีความสามารถเป็นที่ประจักษ์ แค่นามสกุลดังเท่านั้น แต่ก็ดีตรงที่มีผู้หญิงเป็นรัฐมนตรีกับเขาบ้าง 20 ปีมานี้เราได้รัฐมนตรีตามโควต้ากลุ่มการเมืองแบบเก่า เป็นการเมืองแบบไร่หมุนเวียนอำนาจของกลุ่มการเมือง ระบอบประยุทธ์จึงไม่ต่างจากระบอบทักษิณเท่าไหร่
แต่ระบอบประยุทธ์น่ากลัวกว่าก็ตรงที่สร้างระบอบอำนาจนิยมมาอย่างต่อเนื่องกว่า 7 ปี ใช้อำนาจควบคุมกองทัพ ตำรวจและระบบราชการ โดยเอานายทุนมาเป็นหุ้นส่วนในรัฐบาลอย่างโจ่งแจ้ง ไม่สนการผูกขาดทางการค้าหรือว่าการขายทรัพยากรส่วนรวมไปให้เอกชนหาประโยชน์ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่รัฐมนตรีบางคนเคยบริหารธุรกิจที่หากินกับไฟฟ้าประปาอากาศมาก่อน บางคนที่คอยเป็นกระเป๋าเงินให้จอมพลที่คุมพรรคก็ล้วนสะสมความมั่งคั่งแบบก้าวกระโดด กลายมาเป็นคนรวยอันดับต้นๆ ของประเทศได้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่ปี
"ตอนนี้ประเทศไทยกลายเป็นระบอบอำนาจนิยม ด้วยการขยาย พรก.ฉุกเฉินฯ ออกไปเรื่อยๆ เพื่อใช้อำนาจพิเศษ นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้นายตำรวจทหารระดับสูง หาผลประโยชน์จากการคอร์รัปชันและเศรษฐกิจนอกระบบมากมาย รวมถึงทุจริตเชิงนโยบายและการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ ป.ป.ช.ทำงานได้ช้ามากและแทบไม่ตรวจสอบผู้มีอำนาจเลย นักการเมืองและรัฐมนตรีสีเทาหลายคนร่ำรวยผิดปกติขึ้นเรื่อยๆ แทนที่จะมีการตรวจสอบถ่วงดุลตามกลไก สร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาล รัฐบาลที่ชอบธรรมต้องยกเลิก พรก.ฉุกเฉินแล้วใช้อำนาจปกติ แก้ปัญหาโครงสร้างที่มิชอบแล้วกระจายอำนาจสร้างการเมืองใหม่ปฏิรูปประเทศ แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่คิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขเลย"
นายเมธา กล่าวว่า ตอนนี้การจ่ายส่วยสะพัดมากในแต่ละสถานี สถานประกอบการ ร้านอาหาร ไนท์คลับผับบาร์และสถานบันเทิง คำสั่งรัฐบาลให้เปิดได้ถึงห้าทุ่มทำให้ถ้าใครอยากเปิดเกินเวลาก็ต้องจ่ายส่วยเพื่อไปปิดตีสองตีสาม เหมือนเป็นใบอนุญาตให้ตำรวจฉวยโอกาสหารายได้อย่างโจ่งแจ้ง รวมถึงการอนุญาตให้ตั้งด่านตรวจเมาไม่ขับเริ่มนับ 1 เมษา มีมาตรการอะไรรองรับว่าจะไม่มีทุจริตสินบน การสนับสนุนโครงสร้างเศรษฐกิจสีเทาแบบนี้ ผมเห็นว่านายกรัฐมนตรีไปไม่รอดแล้ว ขาดคุณธรรมแล้ว และพยายามที่จะสร้างระบอบอำนาจนิยมที่มี 3 นายพลเป็นศูนย์กลาง คุมรัฐ คุมพรรค คุมมวลชน วางแผนเป็นรัฐบาลยาวไปโดยไม่สนใจอนาคตของลูกหลาน ถือว่าเป็นนายกที่ล้มเหลวในการปฏิรูปมา 7 ปี จนประเทศติดหล่ม ไม่ควรให้อยู่ครบวาระเพื่อทำความเสียหายให้บ้านเมืองต่อไป
"ผมอยากเตือนรัฐบาลและผู้รับใช้ว่า ไม่มีความลับในโลกสมัยใหม่ ใบเสร็จอาจถูกเก็บไว้ในอากาศ เทคโนโลยี ระบบคลาวด์และดาวเทียม ล้วนเก็บข้อมูลไว้ได้หมดไม่ต่างจากบิ๊กดาต้าที่รัฐบาลกำลังทำ ตำรวจปราบม็อบก็ระวังจะมีคดีในอนาคตทั้งศาลไทยและศาลอาญาระหว่างประเทศ อย่าพยายามรับใช้ระบอบอำนาจนิยมโดยหลงผิดเป็นชอบจนชีวิตขาดคุณงามความดี เพราะวันหนึ่งอาจโดนลอยแพ"
เลขาฯครป. กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ พยายามจะรักษาระบอบอำนาจนิยมผ่านรัฐธรรมนูญ 2560 ไปอีกอย่างน้อย 2 สมัย ดังที่ปล่อยให้ ส.ว.โหวตคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ทั้งๆ ที่รัฐบาลเคยแถลงต่อรัฐสภาว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตอนนี้ยังปล่อยให้มีการขัดขวางการประชามติ ทั้งๆ ที่คณะรัฐมนตรีมีอำนาจตามมาตรา 166 อยู่แล้ว หรือจะใช้กฎหมายประชามติปี 2552 ก็ย่อมทำได้เลยไม่ต้องรอกฎหมายใหม่ ผมเชื่อว่านายกรัฐมนตรีสั่ง ส.ว.ได้ แต่เพราะไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตนเองจะสูญเสียอำนาจ จึงสกัดยับยั้งทุกวิถีทาง ทั้งๆ ที่ทางออกจากความขัดแย้งทั้งหมด คือการเปิดทางให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
"ดังนั้น วันนี้นายกรัฐมนตรีคือใจกลางปัญหา รัฐบาลและพรรคร่วมต้องหาคนใหม่ที่สามารถปรองดองสังคมที่แตกแยกได้มาทำหน้าที่ โดยนายกฯ ต้องมาจากสภาผู้แทนราษฎร ผมในฐานะผู้ประสานงานเครือข่าย 30 องค์กรประชาธิปไตยจึงได้จัดเวทีไทยไม่ทนร่วมกับญาติวีรชนพฤษภา 2535 ขึ้นในวันพรุ่งนี้ที่สมาคมนักข่าว เพื่อสามัคคีประชาชนระดมความเห็นภาคส่วนต่างๆ ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองอย่างสันติ ไม่ติดหล่มจมปลักกับรัฐบาล 3 ป.อีกต่อไป และประเทศไทยจะต้องไม่เป็นเหมือนพม่า ที่บ้านเมืองย่อยยับเพราะอีลิทเพียงกลุ่มเดียว" นายเมธา กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |