เร่งอุดช่องโกงคนละครึ่ง หลังสงกรานต์สรุปเฟส3


เพิ่มเพื่อน    

 คลังขอเวลาอุดช่องโหว่ทุจริต "คนละครึ่ง" ก่อนลุยเฟส 3 คาดหลังสงกรานต์ได้ข้อสรุป "เราชนะ-คนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน" เงินสะพัด 1.5 แสนล้าน รัฐบาลเตือนหยุดโกง ฮึ่มตัดสิทธิ์ดำเนินคดีแน่

    เมื่อวันที่ 24 มีนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ว่าต้องขอเวลาระยะหนึ่งในการพิจารณารายละเอียดของโครงการ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีกรณีการเอาเปรียบเรื่องการใช้จ่ายของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการ จึงต้องไปดูว่าจะดำเนินการแก้ไขปรับปรุงส่วนนี้อย่างไรเพื่อปิดช่องโหว่ ทำให้ต้องใช้เวลา รวมทั้งต้องมีการพิจารณาถึงดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจด้วยว่าเริ่มมีการฟื้นตัวมากแค่ไหน ประชาชนในระดับล่างมีการใช้จ่ายเป็นอย่างไร ดังนั้นโครงการจึงอาจต้องทิ้งช่วงไประยะหนึ่ง นอกจากนี้ ปัจจุบันรัฐบาลมีการดำเนินโครงการ ม33เรารักกัน และโครงการเราชนะอยู่ ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนให้ประชาชนในระดับฐานรากยังมีวงเงินสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ จึงยังไม่ต้องเร่งรีบในการพิจารณาโครงการคนละครึ่ง เฟส 3
    รมว.การคลังยังกล่าวถึงโครงการช่วยเหลือและเยียวยาข้าราชการว่า ทุกอย่างเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีเคยให้ข่าวไปก่อนหน้านี้
    ด้าน น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า จะมีมาตรการคนละครึ่ง เฟส 3 ออกมาอย่างแน่นอน โดยอยู่ระหว่างศึกษา และคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในเดือน เม.ย.นี้ หลังสงกรานต์ เบื้องต้นจะให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์แล้วเข้าไปยืนยันตัวตนอีกครั้งก่อนใช้งาน และไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ นอกจากนี้ กำลังพิจารณาถึงการขยายฐานผู้ใช้งาน  จากปัจจุบันมีฐานผู้ใช้จากมาตรการคนละครึ่ง ระยะที่ 1 และ 2 รวมกันประมาณ 15 ล้านราย ขณะที่ความชัดเจนที่จะสามารถนำมาใช้จ่ายได้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี จึงยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน
    อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินที่จะออกมาในระบบเศรษฐกิจจะไม่ทับซ้อนกับมาตรการที่มีอยู่แล้ว เช่น มาตรการ "เราชนะ" หรือมาตรการ "เรารักกัน" ที่จะสามารถใช้จ่ายได้ถึง 31 พ.ค. โดยงบประมาณที่จะใช้ดำเนินโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 จะมาจาก พ.ร.ก.กู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ยังเหลืออยู่ประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าโครงการคนละครึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ร้อยละ 0.8 และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศทั้งปี ขยายตัวร้อยละ 2.8
    กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการเราชนะ ณ วันที่ 23 มี.ค.2564 พบว่ากลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.7 ล้านคน กลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง กลุ่มที่ลงทะเบียนเว็บไซต์เราชนะ และกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ รวม 32.4 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 150,319 ล้านบาท
         ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ที่ผ่านมายังมีประชาชนและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจที่กระทำการทุจริต ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงได้มีการจัดตั้งคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลเรื่องอุทธรณ์สำหรับโครงการคนละครึ่ง และคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบข้อมูลเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะอย่างจริงจัง ในกรณีที่มีพฤติกรรมการใช้จ่ายวงเงินตามสิทธิ์ที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ เช่น การแลกวงเงินสิทธิ์เป็นเงินสด เป็นต้น โดยเปิดช่องทางให้ประชาชนสามารถร้องเรียนผ่าน e-mail หรือไปรษณีย์ เพื่อตรวจสอบ รวมทั้งร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากพบว่ากระทำความผิดจริง จะดำเนินการระงับสิทธิแอปพลิเคชันถุงเงิน เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป
    ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการและกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ติดตามตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวอย่างจริงจัง เนื่องจากการกระทำผิดดังกล่าวขัดต่อวัตถุประสงค์ของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือเยียวยา ลดภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ที่ผู้ค้ารายย่อยและผู้บริการทั่วๆ ไปจะได้ดำเนินกิจกรรมต่อไปได้.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"