"ตำรวจ" รู้ตัวมือทวีตข่มขู่ลูกสาว "บิ๊กตู่" เป็นชายวัย 40 อยู่ย่านบางพลี ส่งหมายเรียกมาพบ 29 มี.ค.นี้ "เพนกวิน" นอนคุกต่อ "ศาล" ยกคำร้องแม่ขอประกันตัว "เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ" เผย "กวิ้น" ยกระดับอดอาหารดื่มแค่น้ำเปล่า-เกลือแร่ "ราชทัณฑ์" ยันร่างกายยังถือว่าปกติ "ศาลแพ่ง" ยกฟ้องนักข่าวประชาไทร้อง ตร. "ม็อบ 3 นิ้ว" ชุมนุมแยกราชประสงค์ ปลุกแนวร่วมสู้บอกวันแห่งชัยชนะจะมาถึงแน่นอน "มช." แถลงดรามายึดธงชาติไม่เหมาะสมของ นศ.ทำโดยชอบ

    ความคืบหน้ากรณีนายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทนายความประจำสำนักกฎหมาย อ.อัมพร ณ ตะกั่วทุ่ง และเพื่อน ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ธัญญา และ น.ส.นิฏฐา จันทร์โอชา บุตรสาวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่ใช้ทวิตเตอร์นามว่า  @jojoshamlet ลงข้อความอาฆาตมาดร้าย ข่มขู่นั้น
     เมื่อวันที่ 24 มี.ค. มีรายงานข่าวว่า พ.ต.ท.อธิชย์ ดอนนันชัย รอง ผกก. (สอบสวน) สน.นางเลิ้ง ได้ออกหมายเรียกให้ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @jojoshamlet เป็นชายไทย อายุประมาณ 40 ปี พักอาศัยอยู่ย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ ที่โพสต์ข้อความอาฆาตมาดร้าย ข่มขู่ คุกคาม น.ส.ธัญญาและ น.ส.นิฏฐา บุตรสาวนายกรัฐมนตรี ให้มาพบพนักงานสอบสวนที่ สน.นางเลิ้ง ในวันที่ 29 มี.ค.64 ในเวลา 10.00 น. ซึ่งหากไม่มา จะดำเนินการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ตามขั้นตอนต่อไป
    "ชายอายุประมาณ 40 ปี ที่เป็นผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ชื่อ jojoshamlet ตำรวจเชื่อว่าเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Wuttichai Jojo Saritloetworasin เนื่องจากตรวจสอบพบว่ารูปโปรไฟล์มีหน้าตาใกล้เคียงกัน" แหล่งข่าวระบุ
    ที่ศาลอาญา นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ อายุ 51 ปี มารดาของนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ จำเลยคดีดูหมิ่นเบื้องสูง ร่วมกันมั่วสุมชุมนุมฯ ตามตรา 112, 116 ฯลฯ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์นายพริษฐ์ ที่ศาลอาญามีคำสั่งให้กักขัง 15 วัน ฐานละเมิดอำนาจศาล
    นางสุรีย์รัตน์ได้ยื่นเอกสารประกอบการพิจารณาว่า ผู้ร้องเป็นมารดาโดยชอบของนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา และประสงค์จะยื่นอุทธรณ์คำสั่ง ซึ่งต้องใช้เวลาเรียบเรียงคำอุทธรณ์ให้สมบูรณ์ และเหตุผลที่ศาลอาญายกคำร้อง โดยก่อนหน้านี้อ้างว่าจำเลยถูกคุมตัวคดีอื่นอยู่แล้ว 2 คดีแล้ว หากอนุญาตปล่อยชั่วคราวคดีนี้ก็ไม่เป็นเหตุให้ได้รับการปล่อยชั่วคราวคดีอื่นอีกนั้น ผู้ร้องเห็นว่าคำสั่งศาลยังคลาดเคลื่อนไม่ตรงตาม ป.วิอาญา ม.108/1 เนื่องจากไม่มีเหตุผลตามที่บัญญัติไว้ตามบทบัญญัติดังกล่าว และผู้ร้องเชื่อว่า ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยเป็นคุณกับผู้ถูกกล่าวหา และไม่น่าที่ผู้ถูกกล่าวหาจะได้รับโทษกักขัง 15 วันด้วย
    อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าศาลอาญาเคยมีคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวมาแล้ว กรณีจึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้อง
กวิ้นยกระดับอดข้าว
    เพจเฟซบุ๊กแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม โพสต์อัพเดตเพนกวินยกระดับการอดอาหาร (ดื่มแต่น้ำเปล่าและเกลือแร่) หลังอดอาหารวันที่ 8 หลังเพนกวินถูกย้ายมายังสถานกักขังจังหวัดปทุมธานีแล้ว ระบุว่า วันนี้ทนายก็ได้เข้าไปเยี่ยมเหมือนเช่นเคย เพนกวินร่างกายมีอาการอ่อนเพลีย จะพูดจาก็เหนื่อยอ่อน แต่เพนกวินก็ยังยืนยันว่าตนจะยกระดับการอดอาหารประท้วง โดยจะดื่มแต่น้ำเปล่าและเกลือแร่เท่านั้น
    "เพนกวินยังฝากทนายนำจดหมายที่เขียนถึงเพื่อนอุดมการณ์ทุกคนมาเผยแพร่ โดยสรุปขอให้ทุกคนตั้งตามองตรงไปยังเป้าหมาย ไม่หลงเลือนอุดมการณ์ที่เรามีร่วมกัน จับมือและกอดคอกันให้มั่น ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันจนถึงวันที่ฝันของเรา ฝันที่วีรชนประชาธิปไตยหลายต่อหลายรุ่นได้ฝันมาอย่างต่อเนื่องจะเป็นจริง ผมยังคงต่อสู้อยู่ข้างในคู่ขนานไปกับพี่น้องที่ต่อสู้ข้างนอก เมื่อถึงวันนั้น เราจะร่วมฉลองชัยชนะไปด้วยกัน หรือหากร่างกายผมไม่อาจอยู่ร่วมฉลอง จิตวิญญาณของผมจะยังคงอยู่ ยินดีเคียงข้างพี่น้องทุกคนตลอดกาล" เพจดังกล่าวระบุ
    ขณะที่นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวถึงอาการของนายพริษฐ์ว่า เจ้าหน้าที่พยาบาลได้เข้าตรวจอาการ ซึ่งนายพริษฐ์ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหารและการตรวจวัดระดับน้ำตาลปลายนิ้ว เนื่องจากวิตกกังวลในเรื่องความปลอดภัย ผลการตรวจร่างกายอื่นๆ พบยังมีระดับความรู้สึกตัวที่ดี มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อยจากการอดอาหาร โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้รับประทานอาหารอื่นทดแทน อาทิ ขนมปัง นม น้ำหวาน เกลือแร่ เพื่อป้องกันภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ และยังคงมีผื่นบริเวณหน้าอกและหลังอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จ่ายยารับประทานและยาทาเพื่อรักษาอาการดังกล่าวแล้ว ส่วนสภาพร่างกายทั่วไปยังถือว่าปกติไม่น่าเป็นห่วง โดยทีมแพทย์ได้กำชับเจ้าหน้าที่และผู้ต้องกักขังร่วมห้องให้สังเกตอาการผิดปกติอยู่เป็นระยะเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
    ที่ศาลแพ่ง น.ส.จันทร์จิรา จันทร์แผ้ว ทนายความภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากนายศรายุทธ ตั้งประเสริฐ หรือกุ้ย ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวประชาไท เดินทางมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดตาม พ.ร.บ.รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 กรณีนายศรายุทธได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนยางจากเหตุการณ์สลายชุมนุมของกลุ่ม REDEM เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2564
    ทั้งนี้ โจทก์ได้ยื่นคำขอท้ายคำฟ้องแพ่ง รวม 4 ข้อ สรุปได้ว่า 1.ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้จำเลยดำเนินการปิดกั้นทางสัญจรหรือสถานที่ต่างๆ ด้วยการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ลวดหีบเพลง หรือวัสดุอื่นใดในสถานที่ที่จะมีการชุมนุมสาธารณะ และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง 2.ขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้จำเลยปฏิบัติการสลายการชุมนุม ห้ามข่มขู่คุกคามและใช้ความรุนแรงกับสื่อมวลชน ห้ามจำกัดพื้นที่หรือกีดกันสื่อมวลชน 3.ให้จำเลยตั้งกรรมการสอบสวนเจ้า พนักงานตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อลงโทษทางวินัย และห้ามมิให้ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงปฏิบัติหน้าที่ควบคุมฝูงชนอีกจนกว่าจะได้รับการปรับปรุงพฤติกรรม 4.ให้จำเลยร่วมกันชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความอย่างสูงแทนโจทก์
    ต่อมาเวลา 18.50 น. ศาลแพ่งพิเคราะห์แล้ว สำหรับคำขอท้ายฟ้องข้อ 1, 2 เป็นการขอให้บังคับเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตทั้งสิ้น ศาลจึงไม่อาจบังคับตามคำขอท้ายฟ้องทั้งสองข้อนี้ได้ สำหรับคำขอท้ายฟ้องข้อ 3 เป็นอำนาจบริหารงานบุคคลภายในหน้าที่ ศาลจึงยังไม่อาจมีคำพิพากษาหรือคำสั่งบังคับให้จำเลยทั้งสองตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าพนักงานตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำขอ  พิพากษายกฟ้อง
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ในเรื่องของการเมืองและเรื่องประชาธิปไตย วันนี้เราไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยสักอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการชุมนุมต่างๆ เพียงแต่จะต้องไม่ไปทำผิดกฎหมาย เราได้มีการผ่อนผัน มีการอนุโลมต่างๆ มากมาย แต่เมื่อสถานการณ์ผิดมากๆ ก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการ ไม่เช่นนั้นประเทศชาติจะสับสนอลหม่านไปทั้งหมด เรื่องนี้ตนไปสั่งใครไม่ได้ ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว  
3 นิ้วลั่นใกล้ชัยชนะ
    ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ชี้แจงกรณีเรื่อง ผบ.ตร.ขอโทษกลุ่มม็อบว่า มีเทปอยู่แล้ว ตนบอกว่าอะไรที่ตำรวจผิดพลาดไปก็ขอโทษ เราพูดถึงความผิดพลาด เช่นไปโดนกระสุนยางโดยไม่ได้ตั้งใจ ได้ขอโทษเรื่องนั้น ไม่ได้ขอโทษม็อบที่ผิดกฎหมาย ไม่ได้ขอโทษคนที่ใช้ความรุนแรง พวกนั้นเราต้องใช้กฎหมาย ซึ่งได้บังคับจับกุมผู้กระทำผิดไป 20 คน
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีผู้ชุมนุมยื่นหนังสือถึง บช.น. ให้ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม กลัวมือที่สามจะมาก่อเหตุ ว่าต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบ สิ่งไหนที่พูดกันได้เราก็จะดำเนินการ แต่การดำเนินการทั้งหลายกลุ่มผู้ชุมนุมต้องไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย อย่างที่เรียนให้ทราบ กรุงเทพฯ มีประกาศห้ามมีการชุมนุม จะยื่นหนังสือมาขอมาตรการอย่างไรไม่สามารถทำได้ เพราะมีการห้ามการชุมนุม ถ้าตำรวจลงดำเนินการให้การสนับสนุนถือว่ามีการทำผิดกฎหมายด้วย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการชุมนุมของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่นัดมวลชนชุมนุมใหญ่ที่แยกราชประสงค์ ซึ่งนัดหมายในเวลา 17.00 น. ปรากฏว่าตั้งแต่เวลา 16.40 น. มวลชนเริ่มที่จะเข้าพื้นที่โดยเกาะกลุ่มกันอยู่ริมฟุตปาธหัวโค้งฝั่งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มีแกนนำเข้าพื้นที่มาแล้ว อย่างนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง แกนนำกลุ่มราษฎรนนทบุรี โดยมีการตั้งเวทีปราศรัย ซึ่งตามกำหนดจะมีแกนนำ อาทิ มายด์-น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล กลุ่ม ROOT, น.ส.เบญจา อะปัญ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และนายอรรถพล บัวพัฒน์ หัวหน้ากลุ่มก้าวล่วง (กลุ่มราษฎร โขง ชี มูล) ทยอยขึ้นปราศรัย
    ในส่วนการรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวน 2 กองร้อย และรถฉีดน้ำแรงดันสูงจีโน่ 2 คัน จอดสแตนด์บายไว้ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    เวลา 16.50 น. กลุ่มมวลชนได้เริ่มลงถนนและนำรถยนต์ติดตั้งเป็นเวทีเครื่องเสียง ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก เนื่องจากเป็นเวลาเลิกงาน และมีห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง เมื่อรู้ว่ามีการชุมนุมต่างรีบเดินทางกลับ ยิ่งทำให้การจราจรมีปัญหามากขึ้น
    ต่อมาเวลา 17.00 น. พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผกก.สน.ลุมพินี ได้เข้ามาอ่านประกาศให้กับผู้ชุมนุมทราบว่าการชุมนุมผิดกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.ควบคุมโรค เพื่อขอให้ยกเลิกการชุมนุม ปรากฏว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจ ตะโกนไล่เจ้าหน้าที่ออกนอกพื้นที่ด้วยคำหยาบคาย
    จากนั้น นายธัชพงศ์ แกดำ แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์ ขึ้นเวทีปราศรัยเชิญชวนให้มวลชนลงมายังพื้นที่ให้มากที่สุด พร้อมระบุว่า ขอให้มวลชนที่อยู่แยกราชประสงค์ช่วยกันถ่ายภาพโพสต์เฟซบุ๊กแท็กเพื่อนให้มาเจอกันที่แยกราชประสงค์ เพื่อสานต่ออุดมการณ์เพื่อนที่อยู่ในเรือนจำได้รับรู้และช่วยเพื่อนให้ออกจากเรือนจำ
    ส่วนนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการไอลอว์ ขึ้นปราศรัยบนเวที เนื้อหาเกี่ยวกับปัญหาของ ป.อาญา ม.112 กับแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรที่ยังถูกคุมขังในเรือนจำ ช่วงหนึ่งระบุว่า การที่เพื่อนเรายังไม่ได้รับการประกันตัว เราต้องการผู้พิพากษาที่กล้าหาญคนเดียวที่กล้าสั่งประกันตัว ซึ่งตนเชื่อว่ามีหากวันหนึ่งท่านได้รับคำร้องแล้วจะกล้าหรือไม่ ขอปรบมือให้กำลังใจผู้พิพากษาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าที่จะกล้าให้ประกันตัว
    น.ส.เบนจา อะปัญ แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ขึ้นปราศรัยระบุว่า วันนี้เรากลับมาแล้ว ปิดแยกราชประสงค์ ต่อให้จับเพื่อนเรากี่คนเราก็จะออกมาไม่หยุด และจะดีมากถ้าเพื่อนในเรือนจำได้ออกมาสู้ด้วยกัน ตนเป็นคนหนึ่งที่โดน 112 ถามว่าทำให้ตนหยุดได้หรือ เราต้องยกเลิก 112 เราสูญเสียมามากพอแล้ว ถ้าใช้ 112 จัดการทั้งราชประสงค์ คุกจะขังไหวหรือ เพื่อนเราฝากให้เราสู้ต่อ อดทนวันแห่งชัยชนะจะมาถึงแน่นอน
    เวลา 19.00 น. นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ แกนนำราษฎร ที่ตั้งฉายาตัวเองเป็นหัวหน้าพรรคก้าวล่วง ขึ้นปราศรัยบรรยายความผิดของรัฐบาล อาทิ เขียนรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ พอเราอ่อนกำลัง จึงฉวยโอกาสคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอถามไปยังพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ที่หาเสียงแก้รัฐธรรมนูญ หรือจะให้เราไปทวงถามหน้าที่ทำการพรรค
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้ตั้งเวทีปราศัยกลางแยกราชประสงค์ หันหน้าไปทางแยกประตูน้ำ มีมวลชนนั่งฟังแกนนำสลับกันขึ้นปราศรัยกลางถนนหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีมวลชนเข้าร่วมประมาณ 1,000 คน
    วันเดียวกัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ได้มีกลุ่มบุคคลเข้ามาใช้สถานที่บริเวณหอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2564 ซึ่งเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของคณะวิจิตรศิลป์โดยไม่ได้รับอนุญาต และการกระทำที่ไม่เหมาะสม เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย ผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์ได้เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ พบธงชาติมีการดัดแปลง และมีข้อความที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่ รวมถึงสิ่งของอื่นในบริเวณดังกล่าว จึงเก็บไว้เพื่อให้เจ้าของมารับคืนนั้น
    "มหาวิทยาลัยพิจารณาเห็นว่า ผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบในการกำกับ ดูแลสถานที่และทรัพย์สินของมหาวิทยาลัย อีกทั้งเป็นการปกป้องชื่อเสียงของนักศึกษา บุคลากร และมหาวิทยาลัยโดยรวม เป็นการกระทำโดยชอบแล้ว" แถลงการณ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ระบุ
    อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ ที่รัฐสภา นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ น.ส.ชัญญรัชต์ บ่อคำ ศิษย์เก่าคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นตัวแทนยื่นหนังสือต่อนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อให้ตรวจสอบลิดรอนเสรีภาพกรณีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เก็บผลงานศิลปะของนักศึกษาใส่ถุงดำ.