จับตาคำสั่งศาลคดี‘เอ๋ ปารีณา’รุกป่า หยุดปฏิบัติหน้าที่สะเทือนหลายคนแน่


เพิ่มเพื่อน    

     ถูกตีความคำพูดว่ามีนัยสำคัญสำหรับโพสต์ส่วนตัวของ ‘เอ๋’ ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า “ราตรีสวัสดิ์ ปารีณาพลังประชารัฐ #ปารีณาพักก่อน-รู้สึกเศร้า"

            เนื่องจากในวันที่ 25 มี.ค. ศาลฎีกาได้นัดฟังคำสั่งคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของ น.ส.ปารีณา กรณีถูกดำเนินคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม 

            ทั้งนี้ ในข้อ 12 วรรคสองแห่งระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พ.ศ.2561 บัญญัติไว้ว่า เมื่อศาลมีคำสั่งรับคำร้องแล้ว ผู้คัดค้านจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และให้ศาลแจ้งคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ

            การโพสต์ในลักษณะดังกล่าวของ ‘เอ๋ ปารีณา’ จึงถูกมองว่า เหมือนกับยอมรับชะตากรรมว่าในวันที่ 25 มีนาคมนี้ อาจจะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. แม้ก่อนหน้านี้จะมีรายงานว่าได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณามีคำสั่งให้ผู้คัดค้านไม่ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ก็ตาม

            อย่างไรก็ตาม หากศาลฎีกามีคำสั่งให้ ‘เอ๋ ปารีณา’ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จะไม่ส่งผลอะไรกับพรรคพลังประชารัฐเท่าไหร่นัก เพราะปัจจุบันเสียงระหว่างฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลในสภามีช่องว่างห่างกันพอสมควร 

            แต่ในมิติของการตอบโต้หรือปั่นป่วนฝ่ายตรงข้ามอาจจะจางหายไปบ้าง เพราะที่ผ่านมา ‘เอ๋ ปารีณา’ กับ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ คือคู่หูที่ทำหน้าที่ดังกล่าวอยู่ ดังนั้นจะคงเหลือแต่นายสิระเพียงคนเดียวเท่านั้น 

            สำหรับคดีของ ‘เอ๋ ปารีณา’ ถือเป็นคดีที่ค่อนข้างใหม่ เพราะถือเป็นคนแรกที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดฐานฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 11 ข้อ 17 ประกอบ ข้อ 27 วรรคสอง 

            กรณีของ ‘เอ๋ ปารีณา’ ที่เดินไปอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นเรื่องการกระทำผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งในรัฐธรรมนูญกำหนดให้สามารถส่งศาลฎีกาได้เลยโดยไม่ต้องผ่านอัยการสูงสุด

            โดยมาตรา 234 (1) บัญญัติว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีอำนาจและหน้าที่ในการไต่สวนและมีความเห็นกรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

            ขณะที่มาตรา 235 ระบุว่า กรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระผู้ใดกระทำผิดตามมาตรา 234 (1) ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริง หากมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่เห็นว่าผู้นั้นมีพฤติการณ์หรือกระทำความผิดตามที่ไต่สวนให้ดำเนินการดังต่อไปนี้ คือ (1) ถ้าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาวินิจฉัย และ (2) กรณีอื่นนอกจาก (1) ให้ส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำเนินการอื่นตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.

            อย่างไรก็ดี กรณีของ ‘เอ๋ ปารีณา’ สิ่งที่น่าจับตาหลังจากนี้คือ บรรทัดฐานในรายอื่นๆ ที่ถูกร้องต่อ ป.ป.ช. เรื่องการถือครองที่ดินในลักษณะเดียวกับ ‘เอ๋ ปารีณา’

            โดยนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เคยนำเรื่องไปร้องเรียนกับ ป.ป.ช.เกี่ยวกับ ส.ส.ที่อาจถือครองที่ดินรัฐในรูปของ ภ.บ.ท.5 และ ส.ป.ก. หรือเอกสารสิทธิทับที่อุทยานฯ ไว้ถึง 4 ครั้ง

            ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 พ.ย.62 ร้องเอาไว้ 3 ราย คือ น.ส.ปารีณา, นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ และนายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ครั้งที่ 2 ร้องไว้เมื่อวันที่ 27 พ.ย.62 มี 3 ราย คือ นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย, นายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ ส.ส.ลพบุรี พรรคภูมิใจไทย และนายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ

            และครั้งที่ 3 ร้องไว้เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.62 มี 13 ราย คือ นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล, นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด พรรคก้าวไกล, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ, น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ, นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์, นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรครวมพลังประชาชาติไทย, นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์, นายมานพ ศรีผึ้ง ส.ส.เลย พรรคภูมิใจไทย, นายสฤษดิ์ บุตรเนียร ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทย, นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย, นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย, นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย

            นอกจากนี้ยังมีการร้องบุคคลระดับรัฐมนตรีเอาไว้เมื่อวันที่ 27 ม.ค.63 คือ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย

            การที่ ‘เอ๋ ปารีณา’ ถูกชี้มูลในข้อหาผิดจริยธรรมร้ายแรง และหากในวันที่ 25 มี.ค.นี้ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ย่อมสะเทือนถึงคนเหล่านี้แน่นอน มันจะเป็นบรรทัดฐานที่น่ากลัว.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"