24 มี.ค. 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “การพัฒนาตลาดทุนดิจิทัล” ในงานสัมมนา พลิกโฉมตลาดทุนไทย ไปสู่ตลาดทุนดิจิทัล ซึ่งจัดโดยสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า จากกระแสการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รุนแรง ทำให้ทุกภาคส่วนต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับภาครัฐที่มีการดึงระบบดิจิทัลเข้ามาเสริมประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น ผ่านการผลักดันใน 4 ด้านสำคัญ คือ การพัฒนากฎหมาย กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการทำธุรกรรมต่าง ๆ
การยกระดับการให้บริการ และกระบวนการทำงานของภาครัฐให้อยู่ในระบบดิจิทัล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อรองรับการทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือ และปลอดภัย รวมถึงการส่งเสริมและยกระดับบุคลากรที่มีขีดความสามารถ มีองค์ความรู้ในเรื่องดิจิทัล
ขณะที่ทิศทางของตลาดทุนในยุคที่ก้าวเข้าสู่ดิจิทัล จำเป็นต้องต้องยกระดับในส่วนนี้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลสำหรับตลาดทุนไทยในช่วงปี 2560-2564 หากดำเนินการได้จะส่งผลให้ตลาดทุนไทยขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลกในด้านดิจิทัล รองจากสิงคโปร์และสวิตเซอร์แลนด์
“สิ่งที่ ก.ล.ต. จะต้องเร่งดำเนินการ คือ การพัฒนากระบวนการดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทั้งการออกหลักทรัพย์ การซื้อขายหลักทรัพย์ ที่เป็นดิจิทัลทั้งหมด การนำเอกสารทั้งหมดเข้าอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งจะเริ่มที่หุ้นกู้ก่อน และการชำระเงิน ซึ่งที่ผ่านมาไทยได้พัฒนาไปมากแล้ว โดยในการประชุมรัฐมนตรีคลังอาเซียนในวันที่ 30 มี.ค. นี้ จะหยิบยกในเรื่องดังกล่าวหารือ รวมถึงจะต้องเป็นรูปธรรมก่อนการประชุมเอเปกในปี 2565ด้วย” นายอาคม กล่าว
นายอาคม กล่าวอีกว่า ได้ฝากโจทย์สำคัญ 5 เรื่องให้ ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและวางทิศทาง ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาตลาดทุน ได้แก่ 1. การใช้กลไกเครือข่ายตลาดทุนในการอำนวยความสะดวกให้กิจการที่ประสบปัญหาสามารถดำเนินการต่อไปได้ 2. สร้างระบบการเข้าถึงระบบการเงินและตลาดทุนที่เท่าเทียมกันของประชาชน และ ธุรกิจขนาดเล็ก กลาง และ ใหญ่ 3. การยกระดับความเชื่อมั่นและเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของตลาดทุนรวมถึงเร่งปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ และการจัดทำกฎเหล็กเพื่อให้สอดรับกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการกำกับดูแลที่เข้มขึ้นขึ้นในเรื่องสินทรัพย์ที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล (Digital Asset) และคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของ ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
4. การสนับสนุนให้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมเงินของกิจการที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและธรรมาภิบาล (ESG) และ 5. ผลักดันให้ตลาดทุนรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล โดยนำนวัตกรรมต่าง ๆ เข้ามาปรับใช้ ทั้งในมิติของการพัฒนา กำกับดูแล และคุ้มครองผู้ลงทุน
“นอกจาก ก.ล.ต. จะต้องเร่งผลักดันให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สำคัญของตลาดทุนแล้ว เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าตลาดทุนไทย จะเป็นตลาดทุนดิจิทัลที่สมบูรณ์ จึงอยากฝากอีก 2 เรื่อง คือ ระบบรักษาความปลอดภัยในการใช้ดิจิทัลทางการเงิน (Cyber Security) และ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจะต้องได้รับการให้ความยินยอม” นายอาคม กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |