เกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงที่ค่ายผู้ลี้ภัยโรฮีนจาในบังกลาเทศยาวนานนับสิบชั่วโมงเมื่อวันจันทร์ เป็นเพลิงไหม้ครั้งที่ 3 ในช่วงเวลาแค่ 4 วัน แต่ครั้งนี้รุนแรงที่สุด เจ้าหน้าที่เผยเมื่อวันอังคารว่า มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน ไร้ที่อยู่ 50,000 คน

เพลิงเผาผลาญค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาในบังกลาเทศเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564 (Photo by Stringer/Anadolu Agency via Getty Images)

    มีชาวโรฮีนจาเกือบ 1 ล้านคนพักอยู่ภายในค่ายลี้ภัยกว้างใหญ่ไพศาลที่อำเภอคอกซ์บาซาร์ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของบังกลาเทศ ใกล้กับชายแดนเมียนมา ผู้ลี้ภัยจำนวนมากที่นี่หนีการปราบปรามของกองกำลังความมั่นคงเมียนมาในรัฐยะไข่เมื่อปี 2560

    รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอังคาร อ้างคำกล่าวของตำรวจและองค์กรบรรเทาทุกข์ว่า เพลิงเริ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์และลุกลามเผาผลาญที่พักสร้างด้วยไม้ไผ่และผ้าใบไปจำนวนมาก ทำให้มีคนไร้ที่อยู่อย่างน้อย 50,000 คน

    เพลิงไหม้ครั้งนี้เป็นครั้ง 3 ในรอบ 4 วัน ที่เกิดกับค่ายพักของผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจา ซึ่งมี 34 ค่าย กินพื้นที่กว้างใหญ่ราว 8,000 เอเคอร์ หรือราว 20,234 ไร่ เพลิงไหม้ 2 ครั้งก่อนหน้านี้เกิดเมื่อวันศุกร์ เผาทำลายที่พักไปจำนวนหนึ่ง แต่เพลิงครั้งล่าสุดรุนแรงมากและเป็นเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่ปี 2560 ทางการบังกลาเทศสั่งการให้สอบสวนสาเหตุแล้ว

    โยฮันเนส ฟาน เดอ เคลา ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติประจำบังกลาเทศ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ผ่านวิดีโอลิงค์จากกรุงธากาของบังกลาเทศ ว่าเพลิงไหม้ในค่ายผู้ลี้ภัยครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยพบพานมาก่อน มันรุนแรงมาก และทำลายล้าง

    "ถึงขณะนี้เรายืนยันได้ว่ามีคนเสียชีวิต 15 คน, บาดเจ็บ 560 คน ยังสูญหาย 400 คน และที่พักอย่างน้อย 10,000 หลังถูกทำลาย ซึ่งหมายความว่ามีคนอย่างน้อย 45,000 คนไร้ที่อยู่และคนเหล่านี้คือผู้ที่เราต้องจัดหาที่พักพิงชั่วคราวให้" ฟาน เดอ เคลา กล่าว

    เจ้าหน้าที่บังกลาเทศกล่าวกันว่า เพลิงเริ่มขึ้นในค่ายแห่งหนึ่งก่อนจะลามอย่างรวดเร็วไปยังค่ายอีก 3 แห่ง พนักงานดับเพลิงควบคุมเพลิงได้ในเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันจันทร์

    สารวัตรกาซี ซาลาฮุดดิน บอกว่าเพลิงลุกลามหลังจากถังแก๊สหุงต้มหลายใบระเบิด

    ค่ายลี้ภัยของชาวโรฮีนจาในบังกลาเทศเพิ่งเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ 2 ครั้งเมื่อเดือนมกราคม ทำให้หลายพันคนไร้ที่อยู่และมีโรงเรียนของยูนิเซฟ 4 แห่งวอดไปด้วย

    ซาอัด ฮัมมาดี นักรณรงค์ประจำภูมิภาคเอเชียใต้ของแอมเนสตีอินเตอร์เนชันแนล ทวีตว่า ความถี่ของการเกิดเพลิงไหม้ในค่ายชาวโรฮีนจานั้นบังเอิญเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลการสอบสวนเหตุการณ์ครั้งที่ผ่านมาๆ ยังไม่ปรากฏ และเพลิงไหม้ก็ยังเกิดขึ้นซ้ำๆ

    ไซยิด อุลลาห์ แกนนำโรฮีนจา เรียกร้องให้สอบสวนทันที โดยกล่าวว่า ไม่มีความชัดเจนว่าเหตุใดเพลิงไหม้จึงเคยขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในค่ายเหล่านี้ ต้องมีการสอบสวนอย่างถูกต้องและถี่ถ้วน

    รัฐบาลบังกลาเทศกำลังผลักดันผู้ลี้ภัยโรฮีนจาย้ายไปอยู่บนเกาะห่างไกลในอ่าวเบงกอล เนื่องจากเห็นว่าค่ายที่มีอยู่แออัดเกินไป ถึงขณะนี้มีชาวโรฮีนจาเพียง 13,000 คน ย้ายไปยังเกาะที่มักถูกน้ำท่วมเกาะนั้น ซึ่งนักวิจารณ์บอกว่าอยู่ในเส้นทางพายุไซโคลนด้วย.