โยคะกับการพัฒนาร่างกายและจิตใจ


เพิ่มเพื่อน    

ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า เดินทางไปทำงาน จนกระทั่งเดินทางกลับบ้านและเข้านอนตอนกลางคืน การใช้ชีวิตแบบทุกย่างก้าวล้วนต้องแข่งกับเวลา ทำให้คนปัจจุบันมีปัญหาสุขภาพ ซึ่งจะมากบ้างน้อยบ้างขึ้นกับการดำเนินชีวิตและกิจกรรมต่างๆ ที่ทำในแต่ละวัน 
    
ปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นที่มักจะมาจากพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต ได้แก่ การนั่งทำงานในท่าเดิมนานๆ การก้มคอดูโทรศัพท์ การสะพายกระเป๋าหนักๆ หรือการจ้องมองคอมพิวเตอร์ในระยะเวลานาน ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อสุขภาพทั้งสิ้น ดังนั้น อาการปวดบั้นเอว ปวดคอ ไหล่เอียง สะบักจม ล้าสายตาจึงตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วการแก้ไขอาการเหล่านี้ต้องทำอย่างไร นี่เป็นคำถามที่พบได้บ่อยมากของผู้ที่มีปัญหา บางคนมีอาการเรื้อรังถึงขั้นต้องพึ่งการนวดแผนโบราณและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    
บทความนี้จึงขอกล่าวถึง "โยคะ"  ซึ่งเป็นวิถีสุขภาพรูปแบบหนึ่งในการฝึกสมาธิ การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของร่างกาย และลดปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่มาจากพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต การฝึกโยคะอาจจะดูไม่น่าสนใจสำหรับบางคน อาจเป็นเพราะเคลื่อนไหวท่าอย่างช้าๆ การค้างท่านาน ทำให้การฝึกโยคะไม่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้รักการเล่นกีฬา ที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็ว แต่จริงๆแล้ว การฝึกโยคะเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายตามจังหวะลมหายใจ ควบคู่ไปกับการทำสมาธิ ในจังหวะที่เข้าท่าโยคะจะมีการควบคุมลมหายใจ เช่น ขณะยืนตัวตรงและกำลังเหยียดแขนขึ้น ให้หายใจเข้า เมื่อวางแขนข้างลำตัวให้หายใจออก เป็นต้น หรือ กล่าวอย่างง่าย ๆ คือ การเคลื่อนไหว 1 จังหวะ จะมีการหายใจ 1 ครั้ง จะหายใจเข้าหรือหายใจออกขึ้นอยู่กับจังหวะการเคลื่อนไหวของท่าโยคะที่กำลังฝึกอยู่ โดยผู้ฝึกต้องหายใจเข้าลึก หายใจออกยาว หายใจแบบผ่อนคลาย ไม่ควรหายใจสั้น หรือเค้นลมหายใจ 
    
สำหรับผู้ฝึกใหม่ เพียงแค่อ่าน อาจจะรู้สึกยาก แต่หากผู้ฝึกค่อยๆปรับการหายใจ และปรับร่างกายไปทีละน้อย จิตใจของเราจะมีความเคยชิน และสั่งร่างกายโดยอัตโนมัติ ซึ่งไม่เพียงแค่การเคลื่อนไหวร่างกาย และการหายใจเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทางด้านลักษณะนิสัยใจคอและพฤติกรรมอื่นๆ อีกด้วย เช่น ผู้ฝึกโยคะจะใจเย็นขึ้น สุขุมรอบคอบมากขึ้น คิดอย่างมีระบบมากขึ้น ใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น รวมทั้งจะมีความรู้สึกรักสุขภาพมากขึ้น เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ทานผักผลไม้มากขึ้น ทานอาหารไขมันสูงน้อยลง ทานอาหารที่มีรสหวานจัด รสเค็มจัดน้อยลง หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เป็นต้น 
    
นอกจากนี้ การฝึกโยคะยังเป็นการพัฒนาจิตใจอีกด้วย ขณะฝึกโยคะ จิตต้องอยู่กับกาย รู้ตัวอยู่เสมอว่า ผู้ฝึกกำลังทำท่าทางอะไร กำลังอยู่ในอิริยาบทใด จิตของผู้ฝึกจะเห็นสภาวะต่างๆของร่างกาย และเกิดการตระหนักรู้ในสภาวะที่เป็นอยู่ เช่น จิตรู้ว่ากายกำลังนั่งในอิริยาบทใด นั่งหลังตรงหรือนั่งหลังค่อม สภาวะของการรู้ตัวแบบนี้ ถ้าผู้ฝึกสามารถปรับท่านั่งของตนเองได้จะสามารถลดปัญหาสุขภาพได้ทางหนึ่ง เป็นต้น รวมทั้งรู้สภาวะที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป เช่น ผู้ฝึกจะรู้ว่า ในท่ายืนกางขา หากผู้ฝึกกางขามากเกินไปแล้วรู้สึกตึงที่กล้ามเนื้อไม่สบายตัว ผู้ฝึกก็จะปรับตำแหน่งการวางขาให้แคบเข้ามาเอง เพื่อหาสมดุลย์ในการฝึก  หรือ ขณะทำท่านั่งบิดลำตัว หากผู้ฝึกบิดลำตัวน้อยเกินไปจะไม่รู้สึกถึงการใช้กล้ามเนื้อบริเวณลำตัว ไหล่และสะบัก ผู้ฝึกที่สามารถเชื่อมจิตกับกายจะตระหนักรู้ในตัวเองและปรับการบิดลำตัวให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มองศาการบิดลำตัว เป็นต้น อาจจะเรียกได้ว่า เป็นการหาจุดสมดุลย์ของการฝึก ที่ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป สภาวะแบบนี้ ผู้ฝึกเองเท่านั้นที่จะรู้ และแต่ละคนก็จะรู้สึกแตกต่างกันตามแต่สภาพจิตใจและร่างกายของตนเอง หากผู้ฝึกสามารถเชื่อมโยงจิตใจกับร่างกายได้อย่างเชี่ยวชาญแล้ว จะสามารถยกระดับไปสู่การทำสมาธิได้ ซึ่งจุดนี้อาจต้องค่อยเป็นค่อยไปและใช้เวลาสักพัก แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับผู้ตั้งใจฝึก
    
ผลของการฝึกโยคะอย่างต่อเนื่องและถูกต้องตามหลักการสามารถพัฒนาจิตใจและร่างกายได้เป็นอย่างดี ผู้ฝึกจะรู้สึกได้ด้วยตนเองว่า สุขภาพโดยรวมดีขึ้น โรคและอาการต่างๆลดลง ไม่ว่าจะเป็น โรคหวัด โรคภูมิแพ้ อาการนอนไม่หลับ อาการเครียด ปวดเอว ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดขา นานาปัญหาที่เกิดจากพฤติกรรมที่ทำจนเคยชิน นอกจากนี้คนรอบข้างจะรู้สึกว่า ผู้ฝึกเปลี่ยนแปลงนิสัยใจคอไปในทางที่ดีขึ้นเหมือนกับเป็นคนใหม่อีกด้วย ที่กล่าวมานี้อยากให้ ผู้อ่านที่ฝึกโยคะอยู่แล้ว ลองสังเกตดูว่า ขณะฝึกโยคะจิตใจและร่างกายของเรามีความรู้สึกอย่างไร มีความตระหนักรู้หรือไม่ เข้าใจสภาวะของร่างกายไหม ส่วนผู้อ่านที่ยังไม่เคยฝึกโยคะลองเปิดใจก้าวขึ้นมาบนเสื่อโยคะ วางความเหนื่อยล้า และความเครียดไว้นอกห้องโยคะ ให้โอกาสตัวเองด้วยการลองฝึกโยคะสักครั้ง แล้วจะเข้าใจว่า จิตใจกับร่างกายเชื่อมโยงด้วยโยคะได้อย่างไร

ดร.ธีติมา ปิยะศิริศิลป์ 
ผู้สอนวิชาโยคะ สมาธิและศิลปะการดำเนินชีวิต 
กลุ่มวิชาศึกษาทั่วไป มหาวิทยาลัยสยาม
FB:YogaMeditationandArtofliving


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"