โลกวันนี้ ...เราไม่จำเป็นต้องรู้จักหน้าค่าตา ก็สามารถบอกเล่าความรู้สึกหรือความในใจให้คนที่ไม่เคยเห็นหรือแม้แต่เคยได้ยินเสียง ได้รับรู้อย่างละเอียดยิบ แล้วก็หวังว่าสิ่งที่เล่าสู่กันฟังนั้น จะทำให้..ใครก็ไม่รู้คนนั้น?!? ช่วยชี้ทางสว่าง หรือแม้แต่วิธีการแก้ปัญหาชีวิตได้
มันก็แปลกดีนะ!!! สำหรับเด็กสมัยนี้
ปากหนึ่งก็บอกว่า ต้องเคารพความเป็นส่วนตัว มีการกะเกณฑ์ว่า พื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องนอน โต๊ะของเขา ห้ามใครเข้าไปหรือวุ่นวายก่อนได้รับอนุญาต แต่อีกทางหนึ่งกลับเขียน หรือส่งข้อความต่างๆ ลงในโซเชียล อันเกี่ยวกับเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัวของตนเองให้คนทั้งโลกในอินเทอร์เน็ตได้รับรู้
ทุกวันนี้ พ่อแม่จึงเป็นแค่ที่พักพิง หรือไม่ก็ตู้เอทีเอ็มให้ลูกๆ ได้ใช้บริการเท่านั้น และที่น่าสนใจก็คือ มีพ่อแม่ไม่น้อยเหมือนกันที่โพสต์เข้าไปบ่นหรือไปครวญถามหาความยุติธรรมในโลกโซเชียลของห้องต่างๆ เยอะแยะไปหมดไม่แพ้เด็กๆ ลูกหลานกันเลยทีเดียว
มองมุมบวกก็ต้องบอกว่า ก็ดีนะ คนยุคนี้มีพื้นที่หรือช่องทางเยอะแยะเปิดกว้างให้ระบายความในใจ ที่อัดอั้น กลัดกลุ้ม สามารถประหยัดค่ารักษาพยาบาลจิตใจจากหมอด้านจิตเวชได้ไม่มากก็น้อย อีกทั้งยังได้มีโอกาสเปรียบเทียบ ประเมิน ประมวลความเห็นของ "คนนอก" ที่มองปัญหาของตัวเองได้ในอีกทางหนึ่ง แตกต่างจากในอดีตที่การสื่อสารมีแค่จดหมาย โทรศัพท์ หรือไม่ก็นัดมากินข้าว และบุคคลก็ต้องเลือกเฉพาะที่ไว้เนื้อเชื่อใจจริงๆ ว่าจะไม่เอาสิ่งที่เราปรึกษาหรือเล่าบอกนั้นไปขยายต่อ
แต่ถ้ามองมุมสูงละก็ การปฏิสัมพันธ์ของสังคมมนุษย์ ดูเหมือนจะลดน้อยถอยลงเข้าไปทุกที ต่างคนต่างเลือกที่จะนั่งอยู่หน้าจอ เพื่อคุยกับใครก็ไม่รู้ แถมยังสบายใจที่จะได้ปรึกษาหารือกับคนนอกที่ไม่รู้จักอีกต่างหาก
ชีวิตติดมือถือหรือหน้าจอแบบนี้ ..จะเพิ่มปัญหาในอนาคตหรือไม่หนอ???
ตั้งคำถามแบบนี้ ก็หวังว่าทุกคนจะช่วยกันคิด ช่วยกันหาคำตอบ เพราะมนุษย์ป้ารู้สึกว่า เด็กยุคดิจิทัลเชื่อข้อมูลในโซเชียลมากกว่าคนที่บ้าน...มากเข้าไปทุกที ...มันยังไงๆ อยู่
"ป้าเอง"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |