แผนเศรษฐกิจกับความฝันของจีน


เพิ่มเพื่อน    

      รายงานของนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนต่อสมัชชาประชาชนแห่งชาติของจีนเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าด้วยทิศทางเศรษฐกิจ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

            เริ่มต้นด้วยการประกาศว่าเศรษฐกิจจีนปีนี้จะโต “ไม่น้อยกว่า 6%”

            ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร กับ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ตั้งวงคุยกับผมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศในภูมิภาคนี้ที่คนไทยควรจะต้องใส่ใจอย่างใกล้ชิด

            “ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนจะประกาศเป้าหมายการเติบโตเท่านั้นเท่านี้เปอร์เซ็นต์ แต่ปีนี้บอกว่าไม่น้อยกว่า 6% ซึ่งมีนัยที่แปลกออกไปจากเดิม...” ดร.อาร์มตั้งข้อสังเกต

            ก่อนหน้านี้ธนาคารโลกพยากรณ์ไว้ว่าปีนี้จีนจะโตได้ถึง 8.4%

            พอนายกฯ จีนเอ่ยตัวเลข 6% ผู้เชี่ยวชาญองค์กรระหว่างประเทศก็แปลกใจไม่น้อย

            นายกฯ หลี่ เค่อเฉียง บอกว่า ต้องการจะเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

            “ความหมายของนายกฯ จีนก็คือ การที่เราจะปั๊มตัวเลข GDP ให้สูงก็อาจจะเกิดปัญหาฟองสบู่ในบางวงการ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือปัญหาหนี้....ซึ่งจะไม่ยั่งยืน”

            จีนต้องการแก้ปัญหาที่สำคัญจริงๆ คือหนี้ และลงทุนในเทคโนโลยี ก็อาจจะต้องยอมโตช้าลงบ้าง...อย่างน้อยในระยะสั้น

            ผมถามอาจารย์ทั้งสองท่านว่าอะไรคือดาวเด่นของแผนเศรษฐกิจจีนครั้งนี้

            “ชัดเจนมากเลยครับ...เทคโนโลยี”

            หากฟังอย่างละเอียดจะได้ยินการเน้น Basic research ไม่ใช่ Applied research

            หมายถึงการวิจัยพื้นฐาน ไม่ใช่วิจัยประยุกต์

            จีนเน้นการวิจัยที่ก้าวหน้าสำหรับยุคสมัยที่เรียกว่า Frontier research

            “นั่นหมายถึงการวิจัยพื้นฐานที่นำไปสู่การทะลุทะลวงแนวใหม่ หรือที่เรียกว่า breakthrough ใหม่ๆ อันหมายถึงการปฏิวัตินวัตกรรม...”

            อาจารย์อาร์มบอกว่า ฝรั่งบอกว่าจีนคิดจาก 1 ไป 2 ได้ แต่คิดจาก 0 ไป 1 ไม่ได้

            “คำว่าจาก 0 ไป 1 หมายถึงว่าเขาต่อยอด 5G ก็มาจาก 4G ของฝรั่ง แต่ฝรั่งเขาบอกว่าเขาสามารถปรับจากโลก 2.0 เป็น 3.0 และจาก 3.0 เป็น 4.0 แต่เขาบอกว่าจีนเก่งเรื่องต่อยอด...”

            นายกฯ หลี่ เค่อเฉียง ระบุในแผนเศรษฐกิจ 5 ปีใหม่นี้ชัดเจนคือ ในอุตสาหกรรมต่างๆ จะต้องเน้นการผลิต semi-conductor, quantum, AI, Biotech

            ทั้งหมดนี้จะไม่ใช่ทำแค่เรื่อง “ต่อยอด” เฉยๆ แต่ต้องมีการสร้างสิ่งใหม่ที่เป็น breakthrough ของโลก

            พูดง่ายๆ คือ จีนลุยวิจัยเพื่อเป็นผู้นำโลก ไม่ได้เดินตามโลกตะวันตกอีกต่อไป

            “อย่างนี้เรียกว่าเป็นฝันใหญ่ ฝันไกลมากสำหรับจีนยุคนี้ทีเดียว”

            ดร.ปิติบอกว่า ที่น่าตื่นเต้นเป็นพิเศษในเรื่องจีนทุ่มเทด้านวิจัยอย่างชัดเจนคือประกาศว่าจะเพิ่มงบประมาณวิจัยปีนี้ถึง 7%

            ถือเป็นก้าวกระโดดของสัดส่วนงบวิจัยที่สูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับจีดีพี

            เพราะถ้างบวิจัยของจีนเพิ่มขึ้น 7% ก็เท่ากับสูงกว่าอัตราโตทางเศรษฐกิจที่ 6% ทีเดียว

            ในอดีตประเทศที่เคยประสบความสำเร็จเพราะทุ่มเทกับการวิจัยอย่างจริงจังเพื่อเปลี่ยนประเทศคือเกาหลีใต้

            “นั่นคือการตั้งเป้าของจีนที่ชัดเจนว่าจะก้าวกระโดดไปอยู่แถวหน้าของโลก และมีความเป็นตัวของตัวเองทางด้านวิจัย” ดร.ปิติบอก

            จีนยืนยันด้วยนโยบายนี้แล้วว่าสิ่งที่จะผลักดันความยั่งยืนของตนนั้น คือ “นวัตกรรม”

            ดร.อาร์มเรียกแผนใหม่นี้ว่าเป็น “5 ปีแรกของการวิ่งมาราธอนรอบใหม่”

            มาราธอนครั้งนี้แบ่งเป็น 2 ผลัด ผลัดแรก 15 ปีถึงปี 2035 ซึ่งจีนบอกว่าเป้าหมายคือจะเป็น “ประเทศที่เจริญ”

            ความหมายจริงๆ คือ ขนาดเศรษฐกิจของจีนจะต้องใหญ่กว่าสหรัฐฯ

            เป้าที่สองคือ ปี 2050 จีนตั้งเป้าเป็นประเทศที่ “แข็งแกร่ง”

            ฝรั่งจะแปลว่า Super-power แต่จีนใช้คำว่า Strong country เพราะไม่ต้องการสร้างความตึงเครียดกับสหรัฐฯ รอบใหม่โดยไม่จำเป็น

            แต่หากฟังถ้อยแถลงจากวอชิงตันในช่วงหลังนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ไม่ลังเลที่จะประกาศว่าจีนคือ “ภัยคุกคาม” ต่อสหรัฐฯ อย่างปฏิเสธไม่ได้

            “จีนประกาศว่าจะเป็นประเทศที่แข็งแกร่งโดยจะไม่ยอมให้ใครรังแก แต่จะรังแกใครหรือเปล่านั้น ผมไม่รู้” ดร.อาร์มบอก

            (พรุ่งนี้: ไม่ใช่เพียงแค่เน้นนวัตกรรมแต่ยังต้องการสร้าง “จีนเขียว” ด้วย).


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"