"โฆษก บช.น." ไล่ไทม์ไลน์แจงเหตุสลายม็อบกลุ่มรีเดม ยันทำตามหลักสากลทุกขั้นตอน ชี้ผู้ชุมนุมก่อความรุนแรงตำรวจเป็นฝ่ายตั้งรับ รวบตัวได้ 20 คนส่งคุมตัวที่ ตชด.ภาค 1 เผยสืบสวนเชิงลึกพบมีแกนนำไม่แสดงตัวแอบสั่งการ ลั่นมีหลักฐานเชื่อมถึงเอาผิดแน่ ขอนักสืบโซเชียลช่วยล่าตัวมือขว้างระเบิด "องค์กรวิชาชีพสื่อ" ขอทุกฝ่ายอย่าใช้ความรุนแรง หลังนักข่าวโดนลูกหลงอื้อ "พท." ดาหน้าซัด ตร.ทำเกินกว่าเหตุ "อาชีวะปกป้องสถาบัน" จัดกิจกรรมลงชื่อไล่ "อาจารย์ มธ.-มข." หนุน นศ.ชุมนุมผิด กม.
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วันที่ 21 มี.ค.พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) และโฆษก บช.น. ร่วมกันแถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มรีเดมที่สนามหลวงวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวว่า การชุมนุมในช่วงเวลานี้ยังเป็นความผิดตามกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเราจำเป็นต้องใช้เครื่องกีดขวางในบางพื้นที่การชุมนุม เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบสถานที่สำคัญของทางราชการ โดยเรามีมาตรการระงับยับยั้งตามกฎหมาย และได้รับการยอมรับตามระดับสากล หลักการสำคัญไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ชุมนุม เราพยายามดูแลสถานการณ์ให้เกิดความสงบ และมีการแจ้งเตือนผู้ชุมนุมอยู่ตลอด สิ่งที่ทำไปเพื่อรักษากฎหมาย
ส่วน พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า การชุมนุมกลุ่มรีเดมเมื่อวันที่ 20 มี.ค. เริ่มเวลา 17.00 น. ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุม 2 พื้นที่ 1.ที่สนามหลวงหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ 2.หน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หน้าร้านแมคโดนัลด์, เวลา 17.22 น. กลุ่มผู้ชุมนุมหน้าร้านแมคโดนัลด์รวมตัวกันเพื่อเดินทางมาสมทบกับผู้ชุมนุมหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์, เวลา 17.30 น. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ได้อ่านประกาศแจ้งเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนามหลวงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหลายมิติ แต่ปรากฏว่ากลุ่มผู้ชุมนุมผลักดันเจ้าหน้าที่ออกนอกพื้นที่ โห่ไล่รุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจนต้องถอยร่นออกมาหาที่ปลอดภัย
เวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมรื้อสิ่งกีดขวางบริเวณท้องสนามหลวงแนวที่ 1, เวลา 18.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมอีกส่วนได้ใช้สิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นท่อนเหล็ก ท่อนไม้ และหนังสติ๊ก ลูกแก้ว ลูกเหล็ก ตลอดจนระเบิดบางชนิดโยนใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บางส่วนเป็นระเบิดมีลักษณะติดไฟได้ง่าย, เวลา 18.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์เปิดเป็นช่องพยายามบุกรุกเขตหวงห้าม โดยเจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือนเป็นระยะ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนทุบทำร้ายทรัพย์สินส่วนราชการ กล้องวงจรปิด ม้านั่ง แผงเหล็ก นำวัตถุดังกล่าวมาทำร้ายตำรวจ, เวลา 19.00 น.ตำรวจได้ประกาศเตือนอีกครั้ง แต่ผู้ชุมนุมยังพยายามบุกรุกต่อพื้นที่หวงห้าม ตำรวจจึงมีความจำเป็นต้องฉีดน้ำเตือนกลุ่มผู้ชุมนุม, เวลา 19.20 น. กลุ่มผู้ชุมนุมพยายามบุกไปยังส่วนที่เจ้าหน้าที่รักษาการณ์อยู่ จึงได้เคลื่อนชุดควบคุมฝูงชนมาแก้ไขปัญหา จากนั้นพยายามผลักดันผู้ชุมนุมออกจากท้องสนามหลวง
กระทั่งเวลา 20.50 น. เจ้าหน้าที่สามารถรักษาพื้นที่ท้องสนามหลวงไว้ได้ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมกระจายตัวไปอีก 2 พื้นที่หลัก 1.เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า 2.อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แยกคอกวัน และพื้นที่โดยรอบ จากนั้นเวลา 21.40 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มจุดเพลิงในพื้นที่ต่างๆ ทั้งถนนราชดำเนิน หน้ากองสลากเก่า สนามหลวง ด้านหลังโรงแรมรัตนโกสินทร์ เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า และพื้นที่อื่นๆ มีการทุบทำลายรถเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคันบริเวณสะพานวันชาติ และวางเพลิงเผารถของราชการและทรัพย์สินของประชาชน กระทั่งเวลาประมาณ 00.30 น. ตำรวจจึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ตามปกติ
มีผู้บงการแอบสั่งม็อบ
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดจำนวน 20 คน นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ข้อหาร่วมกันชุมนุมโดยผิดกฎหมายตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, มั่วสุมลักษณะมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรค สมคบกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความไม่สงบวุ่นวายในบ้านเมือง โดยใช้อาวุธและกำลังประทุษร้าย เป็นความผิดตามมาตรา 215 วรรค 1และวรรค 2 นอกจากนี้ยังมีการกระทำความทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, สมคบกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปต่อสู้ขัดขวางการการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานและทำร้ายเจ้าพนักงานโดยใช้อาวุธ, ผู้กระทำผิดบางส่วนมีการกระทำความผิดตามมาตรา 112 กระทบจิตใจคนไทยอย่างจงใจ ในส่วนนี้ตำรวจจะต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัด บางส่วนจับได้แล้ว บางส่วนรู้ตัวผู้กระทำความผิดเรียบร้อย
"จากการปฏิบัติครั้งนี้มีตำรวจได้รับบาดเจ็บส่ง รพ.ตำรวจ 9 นาย และ รพ.วชิระอีก 2 นาย ส่วนใหญ่ถูกของแข็งกระแทกบริเวณศีรษะ ร่างกาย ที่น่าเป็นห่วง 1 นายกะโหลกศีรษะแตก อยู่ในห้องไอซียู รพ.ตำรวจ โดยในการชุมนุมความรุนแรงเกิดขึ้นจากกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นหลัก และเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มเดิมๆ ตำรวจเป็นฝ่ายตั้งรับ รักษาความสงบและรักษาสมบัติของชาติ ถึงแม้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่าการชุมนุมไม่มีแกนนำ แต่จากการสืบสวนเชิงลึกพบว่ายังมีกลุ่มผู้แกนนำอยู่ตามปกติ แต่เพียงไม่ปรากฏตัวเท่านั้น ถ้ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยง เราต้องดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมด ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ทั้งหมด 20 คน ถูกนำตัวไปควบคุมที่ ตชด.ภาค 1 จ.ปทุมธานี" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
ถามถึงกรณีผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ถูกลูกหลงจากกระสุนยาง โฆษก บช.น.กล่าวว่า เราได้มีการกำชับการใช้เครื่องมือควบคุมฝูงชนให้เป็นไปตามระเบียบ มีการประกาศเตือนผู้ชุมนุม สื่อมวลชน แพทย์อาสาให้ออกจากพื้นที่ อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนยังออกไม่ทันจึงถูกลูกหลง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. รับทราบแล้ว
ขณะที่ศูนย์เอราวัณ สรุปรายงานข้อมูลผู้บาดเจ็บในพื้นที่การชุมนุม รวม 32 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 12 นาย ประชาชน 20 คน
ต่อมา พล.ต.ต.ปิยะให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ขอประกาศถึงสื่อมวลชนและประชาชน และนักสืบสื่อโซเชียล ตามหาหนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมเป็นชาย ซึ่งเป็นมือระเบิดที่ขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายครั้ง ถ้ามีเบาะแสบุคคลนี้ ขอให้แจ้งให้ บช.น.ทราบ โดยระเบิดที่ใช้ในการก่อเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบของกองพิสูจน์หลักฐานและหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ถ้าหลักฐานระบุว่าอยู่ในข่ายยุทธภัณฑ์ ผู้ต้องหาจะมีความผิดสูงขึ้น
ขณะที่องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนออกแถลงการณ์เรื่อง การปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ชุมนุม จนทุกฝ่ายได้รับบาดเจ็บทั้งเจ้าหน้าที่ ผู้ชุมนุม และสื่อมวลชนที่รายงานข่าว ตอนหนึ่งระบุว่า ขอให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้น และไม่เห็นด้วยกับการก่อความรุนแรงในทุกรูปแบบ รวมทั้งการปฏิบัติการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจควรดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน โดยก่อนการปฏิบัติการต่างๆ ต้องแจ้งให้ผู้ชุมนุม รวมทั้งสื่อมวลชนได้รับทราบอย่างชัดเจน เพื่อหลีกเลี่ยงความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ผู้สื่อข่าวและช่างภาพที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ชุมนุม ก็ต้องปฏิบัติตามแนวปฏิบัติในการรายงานข่าวในสถานการณ์วิกฤติโดยเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียอันอาจเกิดแก่ร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สิน
นอกจากนี้ องค์กรสื่อมวลชนต้นสังกัดต้องร่วมประเมินสถานการณ์ เพื่อให้การสั่งการต่อผู้สื่อข่าวและช่างภาพในพื้นที่ได้รับความปลอดภัย รวมทั้งสนับสนุนและเน้นย้ำให้บุคลากรในสังกัดได้รับและใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวอยู่ตลอดเวลา
พท.ดาหน้าซัดตำรวจ
ส่วนนายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาประจำประเทศไทยของฮิวแมนไรต์วอตช์ โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ระบุว่า ตำรวจคุมพื้นที่แน่นหนาขนาดนั้น แก๊งอาชีวะปกป้องสถาบันฯ เข้ามาดักทำร้ายผู้ชุมนุมได้ยังไง แถมยังลอยนวลไม่ถูกจับ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ทวิตเตอร์ว่า น่าอับอายสุดขีด ในขณะที่ทั้งโลกกำลังประณามทหารพม่าที่ฆ่าผู้ชุมนุมอย่างป่าเถื่อน แต่ทหารไทยกลับมีข่าวส่งอาหารให้ทหารพม่า อีกทั้งไทยยังมีการทำร้ายผู้ชุมนุมเหมือนกัน ทำแบบนี้ไทยไม่ต่างจากพม่า แล้วจะตอบประชาคมโลกอย่างไร
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมและการปฏิบัติการควบคุมการชุมนุมเป็นไปตามลำดับขั้นตอนที่เป็นสากลหรือไม่ ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งเป็นเยาวชน รวมถึงสื่อมวลชนที่เข้าไปรายงานข่าวสถานการณ์การชุมนุม แต่กลายเป็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุกับประชาชนโดยไม่เลือกเป้าหมายในการปฏิบัติการหรือไม่ ทั้งที่โดยสามัญสำนึกแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ควรคิดว่าประชาชนเป็นเป้าซ้อมการยิงกระสุนยาง การชุมนุมโดยสงบของเด็กและเยาวชนอนาคตของชาติไม่ควรถูกสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงเกินจากกรอบของกฎหมาย อย่าทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศบ้านป่าเมืองเถื่อนในสายตาชาวโลก
เช่นเดียวกับ น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค พท. กล่าวว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ตามสมควรของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่เป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ และผิดกฎหมาย พรรคเพื่อไทยขอประณามการกระทำดังกล่าว นายกรัฐมนตรีและในฐานะประธาน ก.ตร. ผู้กำกับสั่งการที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"จากเหตุการณ์ดังกล่าว พรรคเพื่อไทยได้หารือกับประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ให้มีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับเยาวชน องค์กรระหว่างประเทศ และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเด็ก เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยเร็วที่สุด" โฆษกพรรค พท.กล่าว
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายพิชัยโพสต์ด่ารัฐบาลกรณีการชุมนุมที่สนามหลวงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่มีใครต้องการทำร้ายคนไทยด้วยกันหรอก อย่าเข้าข้างม็อบจนเกินความพอดี และบ้านเมืองเราก็ไม่เกี่ยวกับประเทศพม่า
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอประณามม็อบรีเดม เพราะถือเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ไม่เป็นไปตามกฎหมาย มีการทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งเป็นการมิบังควรอย่างยิ่ง และยังมีการใช้อาวุธต่างๆ เช่น ประทัด การใช้หัวนอตลูกแก้ว ก้อนหิน ขว้างปาสิ่งที่เป็นอันตรายใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลให้มีตำรวจบาดเจ็บหลายนาย ทำให้ตำรวจต้องปฏิบัติตามยุทธวิธีต่างๆ ตามขั้นตอนเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้สงบ
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พลังประชารัฐ กล่าวเช่นกันว่า ขอถามพวกบ้าคลั่งกลุ่มนี้ว่าต้องการอะไร กระหายเงิน กระหายศพ หรือแค่ร่างกายอยากปะทะ หาคำตอบให้กับตัวเองก่อน ค่อยออกมาเรียกร้องบ้าๆ บอๆ จากสังคม
อาชีวะไล่พวกล้มเจ้า
วันเดียวกัน ที่บริเวณลานด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เวลา 14.15 น. กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน พร้อมภาคี อาทิ กลุ่มนักรบองค์ดำสองคาบสมุทร, กลุ่มนักรบศรีวิชัยสองคาบสมุทร, กลุ่มนักรบอิสระ, กลุ่มกุหลาบพิทักษ์ราชัน, กลุ่ม ศอปส., กลุ่ม ศปปส. ได้ร่วมทำกิจกรรมในการปกป้องสถาบัน เพื่อแสดงพลังปกป้องสถาบันและไม่ให้ฝ่ายการเมืองพาดพิงเบื้องสูง โดยมีการเปิดเพลงหนักแผ่นดินประกอบกิจกรรม
นอกจากนี้ ยังเปิดให้ประชาชนลงชื่อไล่อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่มีพฤติกรรมสนับสนุนให้นักศึกษาออกไปชุมนุมผิดกฎหมาย เพื่อส่งให้มหาวิทยาลัยนั้นๆพิจารณาถึงคุณสมบัติในการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย
นายทรงชัย เนียมหอม หนึ่งในแกนนำกลุ่มอนุชนคนรักสถาบัน กล่าวว่า หลังจากที่เครือข่ายปกป้องสถาบันเคลื่อนไหวสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถาบันผ่านทางโซเชียลมีเดียมานานพอสมควร แต่ล่าสุดเยาวชนและผู้ชุมนุมมีการแสดงออกต่อสถาบันในรูปแบบที่ไม่เหมาะสมมากขึ้น จึงจำเป็นต้องออกมาทำกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงบทบาทและความสำคัญของสถาบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลา 15.50 น. ได้มีชายวัยรุ่นอายุประมาณ 25 ปี เดินชู 3 นิ้วบนสกายวอล์กพร้อมตะโกนด่าทอกลุ่มผู้ชุมนุมปกป้องสถาบันที่ทำกิจกรรมอยู่ด้านล่าง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวันต้องเข้ามาคุมสถานการณ์พร้อมกับเชิญตัวออกจากพื้นที่ ก่อนที่กลุ่มการ์ดจะวิ่งกรูขึ้นมาดู โดยมีการตะโกนด่าก่อนที่จะมีหนึ่งในผู้ที่ไม่พอใจสาดกาแฟเย็นที่มีน้ำแข็งไปที่บริเวณใบหน้าของชายวัยรุ่นคนดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งนำตัวออกจากพื้นที่
ขณะที่กลุ่มรีเดมได้ประกาศเชิญชวนสมาชิกแนวร่วมทำกิจกรรมดาวกระจายชูสามนิ้วเคารพธงชาติพร้อมกันในเวลา 18.00 น. และอวยพรวันเกิดให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ห้าแยกลาดพร้าว, สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางนา
กระทั่งถึงเวลานัดหมายในเวลา 18.00 น. ที่สกายวอล์กสถานีบีทีเอส อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีตัวแทนกลุ่มแนวร่วม REDEM จากกลุ่มต่างๆ อาทิ กลุ่มราษฎรนนทบุรี กลุ่มวีโว่ กลุ่มการ์ดปลดแอก กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมฯ จำนวนหนึ่ง ได้มาจัดกิจกรรมแฟลชม็อบชูสามนิ้วเคารพธงชาติ และกล่าวประณามรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของกลุ่ม REDEM ที่สนามหลวง และมีการจับกุมเด็กเยาวชนที่ออกมาใช้เสรีภาพในการชุมนุมทางการเมือง เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว 14 แกนนำ และสมาชิกแนวร่วมกลุ่มราษฎรที่โดนคดี ม.112 อย่างไม่มีเงื่อนไข เรียกร้องให้รัฐสภาผลักดันการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ไม่เอารัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ คสช. และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันเป็นเวลา 30 นาที ก่อนยุติกิจกรรม
นอกจากนี้ กลุ่มแนวร่วมดังกล่าวได้ช่วยกันติดภาพวาด 14 แกนนำและสมาชิกแนวร่วมกลุ่มราษฎร ที่โดนคดี ม.112 บนเสาตอม่อบีทีเอส เรียกความสนใจจากประชาชนที่สัญจรผ่านไปผ่านมา อย่างไรก็ตาม หนึ่งในแนวร่วมกลุ่ม REDEM ที่เป็นเยาวชนคนหนึ่งได้กล่าวตัดพ้อสังคมไทยที่เงียบเฉยต่อความรุนแรงที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทำกับเด็กและเยาวชน
ขณะที่บริเวณสกายวอล์ก สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางนา ไม่ปรากฏว่ามีกิจกรรมเคลื่อนไหวใดๆ ตามที่กลุ่ม REDEM นัดหมาย
ส่วนบริเวณศาลกรมหลวงชุมพรฯ ถนนพระราม 5 ติดกับทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นสถานที่ปักหลักชุมนุมของหมู่บ้านทะลุฟ้า มีการจัดกิจกรรมตลาดราษฎรชนะมาร์เก็ต ขณะที่บนเวทีทะลุฟ้ามีการแสดงคอนเสิร์ตสลับการปราศรัยโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ กระทั่งเวลา 19.10 น. มีการจัดกิจกรรมอวยพรวันคล้ายวันเกิดให้ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีการประกาศให้มวลชนชูนิ้วกลางพร้อมกัน ซึ่งอ้างว่าหมายถึงเทียนวันเกิด ไม่ได้สื่อเจตนาหยาบคาย พร้อมกับหันหน้าไปทางทำเนียบฯ และร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ล้อเลียน รวมถึงตะโกนไล่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |