ตีตราประทับผ่านฉลุย 76 นายพลสีกากี ในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจวาระเดือนเมษายน ตามที่ บิ๊กปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แม่ทัพใหญ่สีกากี เสนอรายชื่อทั้ง 3 กลุ่มเข้าวงประชุม ก.ตร. ที่มี บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน กลุ่มแรกตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ยศ พล.ต.อ.เทียบเท่ารอง ผบ.ตร. 10 ตำแหน่ง, ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. ยศ พล.ต.ท.เทียบเท่า ผบช. 20 ตำแหน่ง,  ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. ยศ พล.ต.ต.เทียบเท่า ผบก. 30  ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผู้ที่ครบวาระเกษียณราชการเพื่อปูนบำเหน็จเลื่อนสูงขึ้นก่อนเกษียณราชการ กลุ่มที่ 2 ผู้ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล ประจำปี  2564 รุ่นที่ 21 ระดับ พล.ต.ท.เทียบเท่า ผบช. 2 ตำแหน่ง, รอง ผบช. 4 ตำแหน่ง, ผบก. 8 ตำแหน่ง และกลุ่มที่ 3  ตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 9) เทียบเท่าผู้ช่วย ผบ.ตร. ทำหน้าที่ขับเคลื่อนงานด้านยุทธศาสตร์ ตำแหน่งเฉพาะตัว  โดยเฉพาะกลุ่ม 3 ไม่มีรายงานพลิกโผ ไม่มีรายงานเปลี่ยนตัว เหมือนอย่างข่าวลือว่าเก้าอี้ตัวนี้เปิดให้คนอื่น ไม่ใช่รองรับการกลับมาสวมเครื่องแบบสีกากีอีกครั้งของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะสุดท้ายรายชื่อแต่งตั้งตำแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ 9) เทียบเท่า ผู้ช่วย ผบ.ตร. ก็ตกเป็นของ  บิ๊กโจ๊ก ตามธงที่ตั้งไว้ ๐

            ยินดีกับ ว่าที่ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. เทียบเท่า รองผบ.ตร. ขยับติดยศ พล.ต.อ.ก่อนเกษียณอายุราชการ ทั้ง 7 ราย ประกอบด้วย พล.ต.ท.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.อดิศร์ งามจิตสุขศรี รอง จตช., พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.  และ พล.ต.ท.สุรพล อยู่นุช ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยเฉพาะ 2  รายหลัง แม้จะครองตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร.ไม่ครบ 1 ปี ตามเกณฑ์ ต้องขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขอยกเว้นหลักเกณฑ์ต่อไป แต่ ผบ.ปั๊ด ก็ส่งชื่อให้ ก.ตร.ตีตราประทับให้เพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 ทั้ง 2 รายได้ติดยศ  พล.ต.อ. ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 กันยายน  2564 ถือเป็นโบนัส หลังจากทุ่มเททำงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาหลายสิบปี ๐

            นี่ก็ได้รับโบนัสก่อนเกษียณ อันเป็นผลงานจากความทุ่มเททำงานดูแลม็อบมาตลอดหลายปี รองฯ วิทย์-พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รอง ผบก.น.1 นรต.37 ตามคิวต้องเข้าสู่โครงการ แก้มลิง  ขยับติดยศ พล.ต.ต. ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. เทียบเท่าผู้บังคับการ (ผบก.) เพราะอายุราชการเหลืออีกเพียง 5 เดือน ก่อนเกษียณในวันที่ 30  ก.ย.64 แต่ผลงานเข้าตา บิ๊กปั๊ด ตกโบนัสก้อนโตให้ขึ้นเป็น ผบก.น.3 ถิ่นเก่าที่เคยเป็นรอง ผบก.น.3 มาก่อนจะโยกมาเป็น รอง ผบก.น.1 แล้วขยับ พล.ต.ต.สมนึก น้อยคง ผบก.น.3 ขึ้นเป็น รอง ผบช.น. แทน พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. ที่ขึ้นไปเป็นจเรตำรวจ (สบ 8) ติดยศ พล.ต.ท. เสียบเก้าอี้เก่าของ พล.ต.ท.ชัยพร พานิชอัตรา จเรตำรวจ (สบ 8) ที่เข้าโครงการเออร์ลีรีไทร์เกษียณอายุราชการก่อนกำหนดรุ่นที่ 21 เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง รอง ผบช.ภ.1 ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ประสานงานรัฐสภา ตำแหน่งว่างจากที่ พล.ต.ท.อิทธิพล  พิริยะภิญโญ ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. เข้าโครงการเออร์ลีรีไทร์เช่นเดียวกัน และมี พล.ต.ต.สายเพชร ศรีสังข์ รอง  ผบช.ภ.4 โยกมาเป็น รอง ผบช.ภ.1 แทน พล.ต.ต.ธิติ ๐

            ผลพวงจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ย่านตลาดบางแค ทำให้ พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. ส่งหนังสือแจ้งตำรวจ 13 โรงพักนครบาลพื้นที่ฝั่งธนฯ ที่มีความเสี่ยงและมีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ให้ไปรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ประกอบด้วย สน.บางมด จำนวน 114 ราย ไปรพ.ผู้สูงอายุบางขุนเทียน, สน.บางขุนเทียน จำนวน 180  ราย ไป รพ.ผู้สูงอายุบางขุนเทียน, สน.ท่าข้าม จำนวน 195  ราย ไป รพ.ผู้สูงอายุบางขุนเทียน, สน.แสมดำ จำนวน  122 ราย ไป รพ.ผู้สูงอายุบางขุนเทียน, สน.เทียนทะเล  จำนวน 94 ราย ไป รพ.ผู้สูงอายุ บางขุนเทียน, สน.เพชรเกษม จำนวน 162 ราย ไป รพ.ราชพิพัฒน์, สน.หลักสอง จำนวน 152 ราย ไป รพ.ราชพิพัฒน์, สน.ศาลาแดง จำนวน 82 ราย ไป รพ.ราชพิพัฒน์, สน.บางเสาธง จำนวน 82 ราย ไป รพ.ราชพิพัฒน์, สน.บางบอน จำนวน 120 ราย ไป รพ.ราชพิพัฒน์, สน.หนองแขม จำนวน 146 ราย ไป รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ, สน.หนองค้างพลู จำนวน 104 ราย ไป รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ และ สน.ภาษีเจริญ จำนวน 142 ราย ไป รพ.ราชพิพัฒน์ ๐

            ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ พล.ต.สมดุลย์  เอี่ยมเอก รองแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ล่วงลับ พล.ต.สมดุลย์  หรือ "รองโต้ง" เป็นที่รักของเพื่อนๆ เตรียมทหารรุ่น 21  และจากข้อเขียนของ พล.อ.สุภโชค ธวัชพีระชัย เพื่อนร่วมรุ่น ที่ถ่ายทอดออกมาให้เห็นเส้นทางการรับราชการที่ผ่านมาที่นับว่า วิบาก พอสมควร จากลูกทหาร เด็กลพบุรี ตอนเรียนจบ เมื่อจบ จปร.ได้เลือกรับราชการในเหล่าทหารราบที่กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ช่วงรับราชการก็คงมีรสชาติชีวิตที่ดีบ้างแย่บ้าง จนกระทั่งจบ รร.เสธ.ทบ.ก็เลือกรับราชการที่ พล.ร.9 จนถึงปี 47 ลงไปสังกัดกองพลพัฒนาและพิทักษ์ทรัพยากร ได้สะสมประสบการณ์เรื่องการรักษาชีวิตในสนามรบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการติดตามและไปพบปะหารือเชิงเสวนากับหน่วยต่างๆ ที่โดนกระทำเพื่อถอดบทเรียนไว้แจ้งหน่วยอื่นๆ พร้อมทีมตามล่าหาความจริง (Fact Finding Group บางคนบอกตัวย่อคือ FFG) ไปตรวจตำบลระเบิดหรือสถานที่เกิดเหตุ

“การตามล่าค้นหาความจริงคือศิลปะในการได้ความจริงจากการทำงานมาเป็นบทเรียน ทั้งนี้จำเป็นต้องเข้าใจความเป็นมนุษย์และความเป็นทหาร ว่า 1.เมื่อเกิดข้อผิดพลาดแล้ว หลายครั้งที่หน่วยเหนือมักจะมีข้อตำหนิต่อว่า  แต่ไม่มีแนวทางแก้ปัญหาให้ หน่วยเล็กๆ จึงพยายามปกปิดข้อมูลให้ตนเองไม่โดนแดก 2.หน่วยก็รับรู้ได้ว่าพลาด แต่อาย 3.คนที่ไปตรวจเยี่ยม พูดคุยต้องมีทักษะทางยุทธวิธี  ภาษาสมัยนี้คือมีสกิลล์ เห็นภูมิประเทศ ประกอบการบอกเล่าแล้วจะพบว่ามีข้อควรแก้ไขอย่างไร” พล.อ.สุภโชค เขียนถึงผลงานที่ได้สร้างไว้ให้คนรุ่นหลังได้ใช้ศึกษา  แม้ตัวตายแต่ชื่อยังฝากให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึง

            ก่อนหน้านั้นยังมี บิ๊กทหาร อย่าง พล.อ.ชัยณรงค์  หนุนภักดี อดีต รอง ผบ.ทหารสูงสุด ที่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน และผ่านมาอีกหนึ่งสัปดาห์ หลังการจากไปของ  "รองโต้ง" ก็มีข่าวเศร้าในกองทัพภาคที่ 3 หลังจาก บิ๊กหยอย-พล.อ.วรรณทิพย์ ว่องไว อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 ที่ได้ถึงแก่อนิจกรรม ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หากจำกันได้ "บิ๊กหยอย" รับราชการเหล่าทหารม้า กองพลทหารม้าที่ 1 (พล.ม.1) เพชรบูรณ์ เคยมีบทบาทในการแก้ปัญหายาเสพติดในภาคเหนือ ในยุคที่ "กลุ่มว้าแดง" ผลิตยาบ้าส่งในเมืองยอน และส่งเข้ามาทางชายแดนไทย ทำให้สถานการณ์ชายแดนช่วงนั้นเกิดการกระทบกระทั่ง เนื่องจากทางการเมียนมาในช่วงนั้นขยิบตาให้ "ว้าแดง" ปั๊มยาขาย ส่วนกำหนดการบำเพ็ญกุศลศพ จัดขึ้นที่วัดเพชรวราราม ต.ในเมือง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ ในวันที่ 21 -27 มี.ค.64 โดยจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในเวลา  16.00 น. วันที่ 27 มี.ค.64 ๐

            ใช้โอกาสช่วงทำกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ของ กอ.รมน.แถลงข่าวผลงานในรอบสัปดาห์ของกองทัพภาคที่ 3  ไปพร้อมกัน โดยเฉพาะปัญหาหมอกควันในพื้นที่ พ.อ.รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3 ยืนยันมาตรการปิดป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 61  วัน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม - 30 เมษายน 2564 เร่งรัดการควบคุมไฟป่าและการเผาในพื้นที่โล่งอย่างเข้มงวด รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, ลำปาง และตาก ที่มีค่าคุณภาพอากาศเกินมาตรฐานมากว่า 2 สัปดาห์ พร้อมเสริมชุดสนับสนุนในการปฏิบัติภารกิจบริเวณพื้นที่ชายแดน  จากกรมทหารพรานที่ 32, กรมทหารพรานที่ 33 และกรมทหารพรานที่ 35.