"บิ๊กป้อม" มั่นใจ "ม็อบรีเดม" ชุมนุม 20 มี.ค.ไม่รุนแรง "ตำรวจ" เตรียมกำลัง 22 กองร้อยรับสถานการณ์ ไม่ตั้งเครื่องกีดขวาง "โฆษก บช.น." ลั่นพับ จม.เขียนข้อความผิด กม.ร่อนข้ามรั้วเจอดำเนินคดีแน่ "สมศักดิ์" สั่ง "ปลัด ยธ.-อธิบดีกรมคุก" แก้ระเบียบราชทัณฑ์ เผยแพร่ภาพแกนนำราษฎรได้ป้องกันโดนบิดเบือน "ราชทัณฑ์" แจง "เพนกวิน" สุขภาพปกติ แค่ร่างกายอ่อนเพลียเล็กน้อยจากอดข้าว "โพล" ชี้ ปชช.ไม่เห็นด้วย 3 นิ้วทำลายสถาบันหลักชาติ
เมื่อวันที่ 19 มี.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยการชุมนุมของกลุ่มรีเดม ที่นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 20 มี.ค. ที่ท้องสนามหลวง ว่าไม่เห็นมีอะไร ไม่มีอะไรรุนแรงหรอก
ขณะที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า การจัดชุมนุมในวันที่ 20 มี.ค.นี้ ผู้ที่จัดกิจกรรม ผู้เข้าร่วม จะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทั้งหมดจะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย โดยเบื้องต้น บช.น.ได้เตรียมกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนไว้รองรับสถานการณ์ 22 กองร้อย ซึ่งจะมีการใช้ตามความจำเป็น โดยหากไม่มีความรุนแรงหรือกระทบต่อสถานที่สำคัญ และไม่ทำให้ประชาชนทั่วไปเดือดร้อน ก็จะไม่ตั้งเครื่องกีดขวางใดๆ
"ทางการข่าวขณะนี้ยังเชื่อว่าไม่มีความรุนแรง เพราะยังไม่พบสิ่งบอกเหตุว่าถึงรุนแรง แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยหากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการปรับเปลี่ยนแผนหรือเปลี่ยนพื้นที่ในการชุมนุมหรือไม่ ตำรวจก็มีแผนในการรองรับอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความวุ่นวายให้น้อยที่สุด" ผบช.น.กล่าว
ส่วน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.และโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 20 มี.ค. จะพับกระดาษเป็นจดหมายร่อนข้ามกำแพงรั้วว่า หากผู้ชุมนุมมีการแจกจ่ายเอกสาร หรือสื่อสิ่งพิมพ์เนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ทั้งผู้พิมพ์ ผู้ผลิต ผู้แจกจ่ายและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ก็ถูกดำเนินคดีด้วย
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกลุ่มการ์ดวีโว่ที่ก่อเหตุทุบรถตำรวจและทำร้ายตำรวจ ก่อนแย่งชิงตัวผู้ต้องหาไปจากรถควบคุมเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ตำรวจได้นัดหมายให้ผู้ต้องหาทั้งหมดมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนอีกครั้ง วันที่ 29 มี.ค.2564 เวลา 10.00 น.
ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ชี้แจงกรณีแกนนำกลุ่มราษฎรเขียนจดหมายว่าถูกทำร้ายในเรือนจำว่า จากระเบียบราชทัณฑ์ไม่อำนวยความสะดวกในการเผยแพร่ภาพถ่ายผู้ต้องขังในเรือนจำสู่สาธารณะได้ ซึ่งเราอยากพิสูจน์ให้ประชาชนที่สนใจเรื่องดังกล่าวเห็นว่ากลุ่มแกนนำมีสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัย แม้บางคนจะอดข้าว แต่ก็ไม่อดน้ำ อดนม น้ำหนักลงไปเล็กน้อยก็เป็นเรื่องปกติ โดยเบื้องต้นยังไม่พบพฤติกรรมเลียนแบบกรณีการอดข้าวจากแกนนำราษฎรคนอื่น ดังนั้นจึงมอบหมายให้ปลัดกระทรวง อธิบดีราชทัณฑ์ กลับไปพิจารณาศึกษาแก้ระเบียบดังกล่าว เพื่อเผยแพร่รูปภาพให้สังคมได้รับทราบได้หรือไม่
"การโพสต์ข้อความและรูป หากเป็นการใส่ร้ายให้ราชการต้องเสื่อมเสีย เราก็ต้องรักษาสิทธิในการกล่าวโทษ ร้องทุกข์ และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด" นายสมศักดิ์กล่าว
รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ในวันที่ 20 มี.ค. จะเรียกประชุม ผบ.เรือนจำทั่วประเทศผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กำชับให้ระมัดระวังการทำงาน โดยเฉพาะการดูแลผู้ต้องขัง 24 ชม. เพื่อไม่ให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ส่วนเรื่องที่คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้เชิญตนพร้อมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมเข้าให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าว เมื่อศึกษารัฐธรรมนูญมาตรา 129 แล้ว เห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีคดีอาญาเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงไม่มั่นใจว่า กมธ.จะเรียกสอบสวนได้มากน้อยแค่ไหน
ต่อมา นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำคณะราษฎรอดอาหาร ว่าเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมผงเกลือแร่โออาร์เอส นม น้ำหวาน และโอวัลตินให้กับผู้ต้องขัง พร้อมเตรียมทีมแพทย์พยาบาล และนักจิตวิทยาในกรณีที่ผู้ต้องขังป่วย หรือเกิดความจำเป็นต้องรับการรักษาเร่งด่วน โดยได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในห้องขังเพื่อสังเกตอาการ และป้องกันการทำร้ายตัวเอง ซึ่งปัจจุบันนายพริษฐ์ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหาร ดื่มเพียงน้ำหวาน นม โอวัลติน ส่วนผลการตรวจสุขภาพเมื่อวันที่ 18 มี.ค.พบว่าความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิร่างกาย และระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ สภาพร่างกายทั่วไปมีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย
“นักจิตวิทยาได้สอบถามการใช้ชีวิต นายพริษฐ์แจ้งว่านอนหลับได้ แต่มีอาการอ่อนเพลียบ้าง สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ ทั้งนี้ สถานพยาบาลของเรือนจำได้จัดอุปกรณ์สำหรับปัสสาวะไว้ใช้ในเวลากลางคืน เพื่อลดการทำกิจวัตรส่วนตัว และได้แนะนำให้ระมัดระวังการทำกิจกรรมระหว่างวัน เนื่องจากร่างกายอ่อนเพลียอาจเกิดอุบัติเหตุได้ โดยนายพริษฐ์ให้ความร่วมมือในการตรวจสุขภาพเป็นอย่างดี แต่ปฏิเสธที่จะต้องเจาะเลือดทุกวัน” นายธวัชชัยกล่าว
โฆษกกรมราชทัณฑ์กล่าวถึงประเด็นการโพสต์เฟซบุ๊กของนายอานนท์ นำภา ที่ระบุว่ากังวลใจต่อความปลอดภัยของตนเองและพวกว่า ทั้งหมดยังถูกคุมขังอยู่ในห้องแยกกักกันโรค และได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่อย่างเท่าเทียมกับผู้ต้องขังคนอื่นตามหลักสิทธิมนุษยชน ภายใต้กรอบของกฎหมาย โดยยืนยันกรมราชทัณฑ์ไม่มีนโยบายที่จะใช้ความรุนแรงและละเมิดสิทธิของผู้ต้องขังเพราะการทำร้ายร่างกายถือเป็นการกระทำความผิดทั้งทางวินัย และคดีอาญา ซึ่งไม่สามารถทำได้
วันเดียวกัน บริเวณหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบรท์ แกนนำกลุ่มราษฎรนนทบุรี เดินทางมาทำกิจกรรมโดยการเขียนข้อความใส่ลงกระดาษโพสต์อิท แล้วนำไปแปะติดไว้บนตัวอักษรหน้าศาล เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมขอให้ปล่อยตัวเพื่อนเราออกมาสู้คดี กรณีที่เพื่อนแกนนำกลุ่มราษฎรยังคงถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำ ทั้งที่ยังไม่มีการตัดสินคดี
ที่สำนักงานอัยการสูงสุด น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือต้าร์ ผู้สูญหายในประเทศกัมพูชา เดินทางมายื่นหลักฐานสำคัญให้อัยการสูงสุดเพื่อช่วยเหลือน้องชาย ผ่านนายกฤษฎา กสานติกุล รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด
ด้าน ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง จุดม็อบที่ต่างกัน พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 99.2 ไม่เห็นด้วยกับม็อบ 3 นิ้ว และเครือข่ายขบวนการทำร้ายสถาบันหลักของชาติ ทำลายความภักดีศรัทธาของผู้อื่น ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่ร้อยละ 98.7 ระบุม็อบ 3 นิ้วมุ่งทำให้เกิดความรุนแรงบานปลาย ทำให้คนในชาติแตกแยก คุกคามผู้อื่น ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนในยามวิกฤติ ในขณะที่ส่วนใหญ่เช่นกัน หรือร้อยละ 98.7 ระบุม็อบ 3 นิ้วและเครือข่ายก้าวร้าวรุนแรง สร้างความแตกแยกของคนในชาติ ละเมิดอำนาจศาล ขว้างปาสิ่งของในศาล ทำลายทรัพย์สินส่วนรวมจากเงินภาษีของประชาชน ทำตัวไม่เหมาะสมกับการจุดม็อบของคนรุ่นใหม่
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.4 เชื่อว่ามีขบวนการ ทำมาหากินกับการจุดม็อบ แกนนำม็อบโกยเงินจากแหล่งทุนเข้ากระเป๋าตัวเองและครอบครัว และร้อยละ 97.8 ระบุแกนนำม็อบ 3 นิ้วและเครือข่าย หากินกับม็อบ กอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัวทางการเงินจากขบวนการสนับสนุนต่างชาติและคนไทยบางคน
ดร.นพดลกล่าวว่า ที่น่าสนใจคือเมื่อถามถึงม็อบต้านทุจริต ยุคยิ่งลักษณ์คดีโกงจำนำข้าว พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 88.2 รู้สึกเห็นใจม็อบต้านทุจริตติดคุก แต่ไม่เห็นใจม็อบ 3 นิ้วที่ทำร้ายสถาบันหลักของชาติติดคุก ซึ่งจุดม็อบที่ต่างกันมีผลต่อความรู้สึกและการสนับสนุนจากประชาชนต่างกัน ที่เห็นได้ชัดเจนในผลโพลนี้คือ ม็อบต้านทุจริตจุดติด ทำให้ประชาชนออกมาต่อต้านร่วมล้านคนจนขบวนการโกงจำนำข้าวแสนล้านบาทในยุคนายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องหนีออกนอกประเทศ ปล่อยให้บางคนติดคุกเดือดร้อนในขณะนี้ แต่ม็อบ 3 นิ้วและเครือข่าย จุดไม่ติด ฝ่อตัวลงเรื่อยๆ เพราะกระทบต่อความจงรักภักดี ความศรัทธาของประชาชนที่กตัญญูต่อคุณแห่งสถาบันหลักของชาติ และส่อไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |