"โฆษก ยธ." แจงยิบนำ 3 นิ้วออกจากห้องขังไปตรวจโควิดจนมืด เหตุไม่ยอมแยกกันตรวจตามระเบียบ ต้องเจรจาอยู่นาน ยันมีกล้องบันทึกทุกขั้นตอนไม่มีรุนแรง "แกนนำราษฎร" พร้อมใจโพสต์ปลุกมวลชน "เพนกวิน" บอกอดข้าวเพื่อคนไทยมีอิสรภาพ "อานนท์" ระบุถ้าตายนำศพวางหน้าศาลอาญา "รุ้ง" ดันพี่สาวเคลื่อนไหวแทน "กมธ.ปปช." เตรียมเรียก "รมว.ยธ.-อธิบดีราชทัณฑ์" แจง "25 การ์ดวีโว่" พบ ตร.คดีสกัดกั้นรถคุมผู้ต้องหา
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) กล่าวถึงกรณีนายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร ร้องเรียนถึงการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ในช่วงยามวิกาลว่า จากข้อมูลที่ได้รับรายงานนายอานนท์และพวกรวม 4 คน ได้เดินทางจากศาลพร้อมด้วยผู้ต้องขังที่ไม่ใช่คดีการเมืองอีก 9 คน ถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเวลาประมาณ 17.10 น. จากนั้นเวลา 18.46 น. ได้รับย้ายตัวนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน แกนนำราษฎร และนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ แกนนำกลุ่ม Wevo มาจากเรือนจำพิเศษธนบุรี มาจำแนกทำประวัติและทำทะเบียนแรกรับ จึงนำตัวมาห้องกักโรคแรกรับพร้อมกับผู้ต้องขังคนอื่นที่รับตัวกลับมาในวันเดียวกันจากภายนอกในห้องกักโรคแรกรับ รวมเป็นทั้งหมด 16 คน
นายวัลลภกล่าวว่า เนื่องจากทาง ศบค.ได้ประกาศให้พื้นที่เขตบางแคซึ่งมีการแพร่ระบาดอย่างหนักของโรคโควิด-19 ในตลาดบางแคเป็นพื้นที่สีแดง จากการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดมากกว่า 290 คนแล้วนั้น เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเจรจาเพื่อให้ทั้ง 3 แยกกักโรคต่างหากจากผู้ต้องขังรายอื่นที่มาในวันเดียวกัน และตรวจเชื้อโควิด-19 กินเวลาไปถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ เนื่องจาก 3 คนมาจากเรือนจำพิเศษธนบุรี แม้ว่าในเรือนจำจะมีห้องกักโรค แต่มีผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกวันจากพื้นที่เสี่ยงฝั่งธนบุรี เขตบางแค และรอบๆเขตบางแค ทั้งมีการเคลื่อนย้ายขึ้นรถและสัมผัสกับเจ้าหน้าที่ ประกอบกับ 3 รายนั้นมีการกักโรคอยู่ที่เรือนจำพิเศษธนบุรีเพียง 7 วัน ยังไม่ครบกำหนด 14 วัน อาจจะมีการเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ แต่ทั้ง 3 คนไม่ยอม และขออยู่รวมกับนายอานนท์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้ว เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยและไม่เกิดความวุ่นวาย ต่อต้าน จนควบคุมไม่ได้ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือขอตรวจร่างกายเพื่อคัดกรอง PCR ตรวจไวรัสโควิด-19 ทุกคน ตามมาตรการป้องกัน
"มีคนยินยอมให้ตรวจเพียง 9 คน ซึ่งไม่ใช่กลุ่มผู้ต้องขังคดีการเมือง ส่วนนายอานนท์และพวกรวม 7 คนที่เป็นผู้ต้องขังคดีการเมืองไม่ยินยอม ทำให้แพทย์พยาบาลและสหวิชาชีพจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ต้องทำการตรวจทั้ง 9 คนก่อน เริ่มทำการตรวจในเวลาประมาณ 23.00 น.เศษ เนื่องจากต้องใช้เวลาเตรียมอุปกรณ์ ตั้งโต๊ะตรวจในบริเวณพื้นที่หน้าห้องกักและสวมชุดป้องกัน ซึ่งเป็นพื้นที่โล่งแจ้งไม่ใช่ที่ลับตา โดยเรียกตรวจทีละคน พร้อมทั้งมีการพยายามเจรจากับผู้ต้องขังทั้ง 7 คนอีกครั้งที่ปฏิเสธในช่วงแรกไปด้วย ซึ่งไม่เป็นผล จนแล้วเสร็จประมาณเที่ยงคืนกว่า" นายวัลลภกล่าว
โฆษกกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า จากนั้นเราจึงจำเป็นต้องเตรียมห้องใหม่เพื่อย้ายทั้ง 9 คนที่ตรวจโรคแล้วไปกักโรคอีกห้องเพื่อสังเกตอาการตามมาตรการ โดยกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นประมาณตี 2 เศษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาเคลื่อนย้ายส่วนหนึ่งคือเจ้าหน้าที่เข้าเวร และอีกส่วนเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษที่มาร่วมในการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขัง 2 นาย เพื่อความปลอดภัย (เครื่องแบบชุดปฏิบัติการพิเศษไม่ได้กำหนดให้ติดป้ายชื่อ ยกเว้นหัวหน้าชุดที่จะมีป้ายชื่อและมีกระบองพกอยู่แล้วในเครื่องแบบ) เพราะการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังมีความเสี่ยง จึงต้องพกไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทำกันอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นการกระทำที่นอกเหนือไปจากกฎระเบียบที่กำหนดไว้
"กระบวนการทั้งหมดที่ล่าช้าเพราะทั้งนายอานนท์และเพื่อนๆรวม 7 คนไม่ยินยอมที่จะตรวจหาเชื้อ ซึ่งเจ้าหน้าที่และทีมงานแพทย์ พยาบาลต้องช่วยเจรจา เสียเวลาอยู่นานกินเวลาไปมากหลายชั่งโมง เจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจก็เป็นผู้หญิง ทางเราก็ไม่อยากที่จะให้กินเวลาไปมากกว่านี้ เพราะยิ่งดึกก็จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยากลำบาก ทุกคนอยากให้กระบวนการทุกอย่างเสร็จโดยเร็ว แต่เมื่อการเจรจาหลายครั้งไม่สำเร็จ ทำให้กระบวนการทุกอย่างกินเวลาหลายชั่วโมงจนดึก เรามีบันทึกวิดีโอทั้งภาพและเสียงในช่วงการปฏิบัติงานเคลื่อนย้าย 9 รายด้วยว่าเราไม่ได้ทำร้าย ราชทัณฑ์ทำตามหลักสิทธิมนุษยชน เพียงแค่นำตัวผู้ต้องขังออกไปห้องกักโรคอีกห้องเท่านั้น ซึ่งหากศาลเรียกข้อมูลตรงนี้เราก็พร้อมที่จะส่งให้ศาลเพื่อพิจารณาการประกอบการไต่สวน" โฆษกกระทรวงยุติธรรมกล่าว
นอนคุกยังโพสต์ปลุกม็อบ
ขณะที่เฟซบุ๊กเพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak ของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มราษฎร โพสต์แถลงการณ์อดข้าวประท้วง วันที่ 3 ตอนหนึ่งระบุว่า วันนี้เป็นวันที่ 3 ที่ผมอดอาหารประทังชีพด้วยเพียงน้ำ น้ำหวาน และนม เพื่อประท้วงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น และปลุกสำนึกของผู้พิพากษา การไม่มีอาหารตกถึงท้องไม่เพียงแต่ยังความทุกข์ทรมานแก่ร่างกายเท่านั้น แต่ยังสร้างความปั่นป่วนขึ้นในจิตใจ แต่เมื่อคำนึงว่าความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นจะเป็นประจักษ์พยานแห่งความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม จิตใจที่ว้าวุ่นก็พลันนิ่งสงบ และเมื่อตระหนักว่าความทรมานนี้ไม่ได้มุ่งหมายเพียงเพื่ออิสรภาพของตัวผม แต่เพื่ออิสรภาพทางความคิดของคนไทยที่กำลังถูกระบอบเผด็จการศักดินากดขี่ครอบงำนับล้านๆ คน จิตใจที่นิ่งสงบแล้วนั้นก็ยังแน่วแน่ในอุดมการณ์ที่ยึดมั่น
ส่วนเฟซบุ๊กนายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร โพสต์ข้อความระบุว่า ฝากจากเรือนจำ 18 มี.ค.64 วันนี้ผมยังไม่ตาย แต่การอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญเท่ากับการอยู่อย่างมีประโยชน์หรือตายอย่างมีคุณค่า ถ้าการอยู่ในเรือนจำแล้วทำให้เห็นถึงความอัปลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมไทย ผมก็ยินดี หรือถ้าต้องตายภายในเรือนจำแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลง ก็ถือว่าคุ้มค่า
"ถ้าผมตายไป ศพของผมให้นำใส่โลงศพไม่ต้องห่อด้วยถุงพลาสติก ไปวางไว้หน้าศาลอาญาบนถนนรัชดาภิเษก เมื่อเลือดและน้ำหนองของผมไหลออกมา ก็ปล่อยให้มันเจิ่งนองบนถนนรัชดาฯ รอให้รถของคนที่มีส่วนทำให้ผมตายวิ่งมาเหยียบมันและกลับไปที่บ้าน เมื่อนั้นเลือดและน้ำหนองของผมจะไหลปนออกมากับน้ำที่เขาอาบ และเมื่อเขากินข้าวหรือกาแฟ เลือดและน้ำหนองของผมก็จะอยู่ในนั้น" นายอานนท์ระบุตอนหนึ่ง
ด้านเฟซบุ๊ก น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร ก็โพสต์ข้อความระบุว่า เป็นเวลากว่า 10 วันแล้วที่รุ้ง ปนัสยา ต้องถูกจองจำอยู่ในกรงขัง แม้คดีจะยังไม่ถูกตัดสิน และรุ้งยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่กลับต้องถูกปฏิบัติเยี่ยงนักโทษที่กระทำความผิด แม้นในคุกจะเงียบเหงาเพียงใด แต่รุ้งก็ยังใจสู้และมีกำลังใจเสมอ โดยรุ้งฝากข้อความออกมาผ่านทางทนายความที่เข้าไปเยี่ยมเพื่อดูแลคดีความเพื่อบอกเล่าชีวิตของรุ้ง
นอกจากนี้ อีกตอนหนึ่งระบุว่า อยากให้ทุกคนช่วยสนับสนุนพี่สาวรุ้งด้วย ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สนใจการเมืองเท่าไหร่ พอเห็นน้องสาวออกมา เขาก็มาทำความเข้าใจ และตอนนี้กลายมาเป็นแรงหลักของครอบครัวในการสนับสนุนเรา พี่เมเข้มแข็งมาก คนที่ไม่เคยอยู่ในแวดวง ไม่รู้จักใครเลย ต้องมาทำอะไรแบบนี้ เป็นกำลังใจให้พี่เม และอยากให้ทุกคนช่วยสนับสนุนพี่ รวมถึงครอบครัวของผู้ต้องขังทางการเมืองที่ออกมาต่อสู้ทุกคน ถึงตอนนี้มันจะหนัก แต่เชื่อเถอะว่าฟ้าหลังฝนย่อมมีรุ้งเสมอ
กมธ.ปปช.เรียกยธ.แจง
ที่รัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ได้รับยื่นหนังสือจากตัวแทนกลุ่มคลับเฮาส์เพื่อประชาธิปไตย เพื่อขอให้คณะ กมธ.ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อเท็จจริงและเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล กรณีนายอานนท์เขียนจดหมายระบุว่าถูกเจ้าหน้าที่ในเรือนจำพยายามนำตัวแกนนำที่ถูกคุมขังออกจากห้องขังในยามวิกาล ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติวิสัย และถือเป็นการคุกคามต่อผู้ต้องหา
"กมธ.ป.ป.ช.รับเรื่องดังกล่าวไว้ โดยจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, อธิบดีกรมราชทัณฑ์,กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ (กสม.) มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้ขอเอกสารสำคัญต่างๆ ประกอบการพิจารณา เช่น บันทึกรายงานของกรมราชทัณฑ์ คำสั่งที่ให้แกนนำที่ถูกคุมขังไปตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในยามวิกาล เป็นต้น" ส.ส.ก้าวไกลผู้นี้ระบุ
วันเดียวกัน ที่ สน.พหลโยธิน นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พากลุ่มการ์ดวีโว่ 25 คนที่ถูกจับกุมบริเวณลานจอดรถศูนย์การค้าเมเจอร์รัชโยธิน ก่อนมีการสกัดกั้นรถควบคุมผู้ต้องหาไว้จนตำรวจไม่สามารถคุมตัวไปได้ ระหว่างการชุมนุมหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหาอั้งยี่, ซ่องโจร, ความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ต่อพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน
นายนรเศรษฐ์กล่าวว่า คืนเกิดเหตุผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 25 คนได้มาแสดงความบริสุทธิ์ใจที่ สน.พหลโยธินแล้วว่าไม่ได้หลบหนี หลังมีการสกัดกั้นรถควบคุมผู้ต้องหา แต่วันนั้นยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใด ตำรวจจึงปล่อยตัวผู้ถูกจับกลับบ้าน กระทั่งมีหมายเรียกให้เข้ามารายงานตัวในวันนี้
พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกกลุ่มผู้ชุมนุมให้มารับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมด 26 คน วันนี้เข้ามารายงานตัว 25 คน อีกรายยังไม่มา และจะประสานติดต่อเข้าพบอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวทั้งหมดกลับบ้าน โดยยังไม่มีการคุมตัวไปฝากขัง
มีรายงานว่า ในวันที่ 19 มี.ค. เวลา 13.00 น. น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่สูญหายระหว่างอยู่ในประเทศกัมพูชา จะเข้ายื่นหลักฐานสำคัญที่เคยส่งให้ศาลชั้นต้นแห่งกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อ 3 เดือนที่แล้วกับอัยการสูงสุด ยืนยันว่านายวันเฉลิมได้ถูกบังคับให้สูญหายไปขณะที่อยู่ในประเทศกัมพูชา เพื่อให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้พนักงานอัยการสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าวร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |