17 มี.ค.64 - มีรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตระหว่างการขานชื่อลงคะแนนเป็นรายบุคคล นอกจากส.ส.ภูมิใจไทยที่ วอล์คเอาท์ ออกจากห้องประชุมหมดแล้ว ส.ว.หลายคน ไม่ได้อยู่ร่วมโหวตในห้องประชุมด้วย หรือคนที่อยู่ในห้องประชุม จะใช้วิธีขานงดออกเสียง และไม่ประสงค์ลงคะแนนเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับส.ส.พรรคพลังประชารัฐ หลายคนก็ใช้วิธี ไม่อยู่ร่วมโหวตในห้องประชุมเช่นกัน มีเพียงแต่ส.ส.ฝ่ายค้านและส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ที่ขานชื่อเห็นชอบกับการลงมติให้แก้รัฐธรรมนูญวาระ 3  

เป็นที่น่าสังเกตอีกว่า ส.ส.เพื่อไทย อีกหลายคน เช่น นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ส.ส.อุดรธานี นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย เป็นต้น ถึงจะอยู่ในห้องประชุม แต่ใช้วิธีเงียบ ไม่ยอมขานลงคะแนนอะไรเลย แต่ส.ส.อีกหลายคน ยืนยันที่จะขาน เห็นชอบ ขณะที่พรรคก้าวไกล ส.ส.ที่เงียบ ไม่ขานชื่อ เป็นส.ส.ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 ที่ไม่ร่วมกิจกรรมการเมืองกับทางพรรคอยู่แล้ว อาทิ นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในส่วนพรรคพลังประชารัฐ พบว่าแกนนำพรรคบางคน ระบุให้สมาชิกในพรรค งดออกเสียง แต่กลับส่งสัญญาณกกลุ่มคนใกล้ชิดให้ ไม่ต้องขานออกเสียง เงียบหายไป ทั้งนี้คาดว่าอาจเป็นเพราะ ส.ว. และส.ส.หลายคน เกรงจะมีความผิด ถูกยื่นเอาผิด กรณีไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 

เมื่อมีสมาชิกหลายคน เลือกที่จะเงียบ ไม่ขานชื่อ ทำให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม เมื่อเห็นสมาชิกหลายคนใช้วิธีเงียบ ไม่ยอมขานชื่อ จึงระบุว่า ตามข้อบังคับ กำหนดผู้ใดเห็นชอบ ให้ขานว่า เห็นชอบ ผู้ใดไม่เห็นชอบ ขานว่า ไม่เห็นชอบ ผู้ใดงดออกเสียง ก็ขานว่า งดออกเสียง แต่ การไม่ลงคะแนน หายไป ถือว่าไม่ประสงค์จะลงคะแนน